สุเชาว์ นุชนุ่ม
สิบเอก สุเชาว์ นุชนุ่ม (ชื่อเล่น: กบ; 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 — ) เป็นนักฟุตบอลชาวไทยเล่นในตำแหน่งกองกลาง ปัจจุบันลงเล่นให้กับพลังกาญจน์ ในไทยลีก 2 เขาเคยเล่นให้กับทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีในการแข่งขันซีเกมส์ 2548 สุเชาว์เป็นผู้เล่นชาวไทยคนแรกที่ได้เล่นในลีกาซาตูของประเทศอินโดนีเซีย ประวัติและชีวิตส่วนตัวสุเชาว์ นุชนุ่ม เกิดวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 ที่อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นบุตรคนที่สองจากทั้งหมดสี่คนของของนายเชี่ยว และนางถวิล นุชนุ่ม จบการศึกษาในระดับชั้นประถมจากโรงเรียนบ้านท่าเสา และจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนไทรโยคน้อยวิทยา จากนั้นได้ศึกษาต่อจนจบระดับชั้นปวช. จากวิทยาลัยเทคนิคกาญจนบุรี และศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี สุเชาว์ เกือบเสียชีวิตจากเหตุการณ์ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เวลา 00.30 น. ที่ห้องพักของตนเองในซอยงามวงศ์วาน 9 โดยคนร้ายได้เข้ามาทุบกระจกรถฮอนด้า ซีอาร์-วี ของสุเชาว์ที่จอดไว้จนกระจกแตก และขณะที่สุเชาว์วิ่งออกมาดู คนร้ายได้ยิงอีก 7 นัดซ้อน แต่เขาหลบได้ทันจึงรอด หลังเกิดเหตุ สุเชาว์ได้แจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรลาดโตนด จังหวัดนนทบุรี สุเชาว์ได้สมรสกับอุทุมพร กสิกรรม ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 มีบุตรสาวชื่อ พรชนก นุชนุ่ม และบุตรชายชื่อ ชยพล นุชนุ่ม[1] สโมสรสุเชาว์ ได้เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพให้กับทีโอที โดยการชักชวนของพงษ์พันธุ์ วงศ์สุวรรณ ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2552 สุเชาว์ได้เซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีมเปอร์ซิบ บันดุง ในลีกอินโดนีเซียด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลา 4 เดือน หลังจากหมดสัญญายืมตัวแล้ว สุเชาว์ได้ย้ายมาร่วมทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2553 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 2562ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ นัดชิงชนะเลิศ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก ฤดูกาล 2561 เจอกับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด แชมป์ช้าง เอฟเอคัพ 2561 ที่สนามกีฬากองทัพบกในกรุงเทพมหานคร สุเชาว์ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดนั้น สุดท้าย บุรีรัมย์ แซงเอาชนะ สิงห์ เชียงราย 3–1 ช่วยให้บุรีรัมย์คว้าแชมป์ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ สมัยแรก ได้สำเร็จ[2] ต่อมาในวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2562 ช้าง เอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา (มีนบุรี) สุเชาว์ได้กลับมาลงเล่นให้กับสโมสรในรอบ 4 เดือน ในนัดที่บุรีรัมย์พ่ายแพ้ต่อ ราชบุรี มิตรผล 1–2 ยุติเส้นทางใน ช้าง เอฟเอคัพ เพียงเท่านี้[3] ต่อมาในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2562 โตโยต้า ลีกคัพ รอบชิงชนะเลิศ บุรีรัมย์พบกับ พีที ประจวบ ที่เอสซีจีสเตเดียมในจังหวัดนนทบุรี สุเชาว์ลงเล่นเป็นตัวสำรองแทน นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ผลจบลงด้วยการเสมอ 1–1 ในเวลา 120 นาที ต้องตัดสินด้วยการยิงลูกโทษ สุเชาว์ เป็นคนยิงคนที่ 5 และเขาก็ยิงเข้าไปได้ แต่สุดท้าย บุรีรัมย์พ่ายแพ้ประจวบในช่วงลูกโทษ 7–8 ผลประตูรวม 8–9 พลาดโอกาสคว้าแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ อย่างน่าเสียดาย[4] ในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 สุเชาว์ ได้โพสต์อำลาสโมสรบนเฟซบุ๊ก เป็นการยุติการลงเล่นตลอด 10 ปีให้กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมชาติสุเชาว์เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่นำทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ ครั้งที่ 23 ทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะชายยอดเยี่ยมในงานสยามกีฬา อวอร์ด 2549 การทำประตูในนามทีมชาติ
นอกวงการฟุตบอลสุเชาว์เคยชกมวยไทย รุ่น 31 กิโลกรัม โดยเป็นนักมวยค่าตัวเงินหมื่น ในชื่อ "กบน้อย ส.สกุลภัณฑ์"[5] ก่อนจะเลิกชกมวยเมื่ออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นอกจากด้านกีฬาแล้ว เขาเคยรับราชการทหารสังกัดกรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอวกาศกลาโหม และได้รับแต่งตั้งยศเป็นสิบตรี สังกัดกระทรวงกลาโหม ร่วมกับนักฟุตบอลอีก 8 คน เกียรติประวัติสโมสร
ทีมชาติ
รางวัลส่วนตัว
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|