สโมสรฟุตบอลธำรงไทยสโมสร
สมาคมธำรงไทยสโมสร เป็นสโมสรฟุตบอลที่ก่อตั้งโดย สุเมธ แก้วทิพยเนตร โดยเริ่มแรกได้ส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันในนามทีมน้องของ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี จำกัด ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2524 จึงได้ส่งทีมในนามของตัวเอง จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2539 จีงได้มาลงแข่งขันใน ไทยลีก ฤดูกาล 2539/40 ปัจจุบันเล่นใน ไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก โซนกรุงเทพมหานคร ประวัติสโมสรสมาคมธำรงไทยสโมสร ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2523 โดย สุเมธ แก้วทิพยเนตร ต้องการที่จะให้เป็นสโมสรฟุตบอลที่สามารถผลิตนักฟุตบอลอาชีพ โดยในระยะแรก สโมสรก่อตั้งมาพร้อมๆ กับ สโมสรบุญรอด บริวเวอรี โดยการสนับสนุนของ สันติ ภิรมย์ภักดี โดยในปีนั้น สโมสรบุญรอดฯ ทำการแข่งขันอยู่ใน ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ค. ส่วนทางสโมสรธำรงไทยฯ ทำการแข่งขันอยู่ใน ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ง.[1] ส่งแข่งขันในนามธำรงไทยฯต่อมาสโมสรบุญรอดฯ ชนะเลิศการแข่งขัน ถ้วยพระราชทาน ค. ฤดูกาล 2523 ร่วมกับ สโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทย เนื่องเพราะในปีนั้นเกิดเหตุการณ์ น้ำท่วมใหญ่ใน กรุงเทพมหานคร ทำให้ไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ ต่อมาจึงได้ยุบสโมสรบุญรอด บริวเวอรี่ ทำให้ทางสโมสรธำรงไทยฯ ตัดสินใจส่งทีมลงแข่งขันเอง[1] โดยซ้อมและลงเล่นอยู่ใน สนามของตนเอง ณ ซอยวัดคู้บอน ถนนรามอินทรา กม.8 โดยเริ่มต้นสอนฟุตบอลในแบบของ ทีมชาติบราซิล และเริ่มส่งนักฟุตบอลและทีมงาน ไปอบรมที่ สโมสรฟลาเมงโก้ ขณะเดียวกันทางฟาเมงโก้ก็ได้ส่งเยาวชนของสโมสรฯ มาเล่นให้กับทางสโมสรธำรงไทยฯ อีกด้วย ผงาดในระดับยุวชนโลกต่อมาสโมสรธำรงไทยได้ลงแข่งขันฟุตบอลในระดับยุวชนโลกหลายรายการ โดยได้ลงแข่งขันในระดับยุวชนรายการแรก ที่ สหรัฐอเมริกา ในการแข่งขัน PREMIER CLASSIC CUP ในปี พ.ศ. 2532 และได้รางวัลชนะเลิศ ต่อมาสโมสรธำรงไทยได้ทำการแข่งขัน ในหลายประเทศจนได้ตำแหน่งชนะเลิศฟุตบอลยุวชนโลกถึง 23 ตำแหน่ง โดยใน 23 ตำแหน่งนี้ มีการแข่งขัน ฟุตบอลยุวชนต่างๆเช่น ฟุตบอลยุวชน เฮลซิงกิคัพ ปี 1999 [2] และ ฟุตบอลยุวชน โกเธียคัพ ปี 2000 ที่สร้างนักฟุตบอลอย่าง แอลัน เชียเรอร์ โดยสโมสรธำรงไทยส่งในรุ่น 11, 12, และ 13 ปี[3] เป็นต้น สู่ฟุตบอลอาชีพนับตั้งแต่สโมสรฯ เลื่อนขั้นมาเล่นใน ถ้วยพระราชทาน ข. ในปี พ.ศ. 2525 ก็ได้สร้างความฮือฮาให้ วงการฟุตบอลไทย ด้วยที่ว่า เป็นสโมสรแรกๆ ที่จ้างนักฟุตบอลชาวต่างชาติมาเล่นในฟุตบอลไทย โดยส่วนมากมาจาก บราซิล โดยนักฟุตบอลบราซิลคนแรกๆ ในเมืองไทยตือ ตูลิโอ เฟโดร [1] ต่อมาจึงสามารถพาสโมสรมาเล่นใน ไทยลีก ได้สำเร็จ ต่อมาสโมสร ได้ลงเล่นใน ไทยลีก ฤดูกาล 2539/40 แต่ทว่าสโมสรฯ กลับทำผลงานได้ไม่ดีนัก โดยจบอันดับที่ 18 โดยชนะแคเกมเดียว แพ้ไปถึง 27 นัด ยิงได้ 26 ประตูเสียไป 101 ลูก นับว่าเป็นสถิติการเสียประตูมากที่สุดในหนึ่งฤดูกาล[1] ชณะเดียวกัน ทางสโมสรฯ กลับเจอเรื่องที่ไม่คาดฝัน เมื่อในการแข่งขันไทยลีก ที่ต้องพบกับ สโมสรตำรวจ กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ เข้ามารุมทำร้ายนักฟุตบอลของสโมสรในระหว่างเกมการแข่งขัน จนถึงขั้นบาดเจ็บ [4] นอกจากนี้ ยังต้องเจอกับการที่ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งกฎการเลื่อนชั้น-ตกชั้น ทั้งๆที่ ทางสโมสรฯ ไม่ทราบล่วงหน้า[1] ทำให้ต้องตกชั้นไปเล่น ไทยลีกดิวิชัน 1 ในปีถัดมา ประสบปัญหาต่อมาสโมสรฯ มีปัญหาทางการเงิน และด้านการจัดการของสมาคม ทำให้ สุเมธ แก้วทิพยเนตร ตัดสินใจปล่อยทีม จนกลายเป็นว่าสโมสรฯ ต้องกลับไปเล่นใน ถ้วยพระราชทาน ข. จนกระทั่งมีการฟอร์มทีมขึ้นใหม่ แต่ทว่ากลับโดนความไม่เป็นธรรมของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในการแข่งขัน ทำให้ทีมเริ่มถอดใจ ต่อมา สโมสรได้พยายามส่งทีมเข้าแข่งขันใน ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 แต่กลับถูกทางฝ่ายจัดการแข่งขันปฏิเสธ ทำให้ต้อมีการยื่นฟ้องต่อศาล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553[5] แต่ก็ได้เงียบหายไปจนไม่มีความเคลื่อนไหวอีก กลับมาส่งทีมเข้าแข่งขันหลังจากทางสโมสรได้ยุติความเคลื่อนไหวในการส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันของ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในปี 2560 ทางสโมสรได้ขอแสดงความจำนงที่จะส่งทีมเข้าร่วมแข่งขัน ไทยลีก อเมเจอร์ ทัวร์นาเมนต์ โดยส่งทีมลงเล่นในโซนภาคกลางและตะวันตก [6] มีบอส สุเมธทิพย์ แก้วทิพยเนตร บุตรชายของอาจารย์สุเมธมาเป็นประธานสโมสร ผู้เล่นชุดปัจจุบันหมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
อดีตผู้เล่นที่โดดเด่นผลงานสมาคมฟุตบอลฯ
เยาวชน
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น |