เอ็ดมันด์ เบิร์ก
เอ็ดมันด์ เบิร์ก (อังกฤษ: Edmund Burke) เป็นรัฐบุรุษชาวไอร์แลนด์[1] และยังเป็นทั้งนักปรัชญา, นักปราศรัย, นักทฤษฏีการเมือง และเป็นนักการเมืองอังกฤษสังกัดพรรควิกโดยเป็นสมาชิกสภาสามัญชน เขาเป็นที่รู้จักจากการสนับสนุนการปฏิวัติอเมริกา, การเลิกกีดกันชาวคาทอลิก, การฟ้องร้องข้าหลวงวอร์เรน ฮาสติงส์ แห่งบริษัทอินเดียตะวันออก และภายหลังจากการไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งทำให้เขาผันตัวไปเป็นผู้นำกลุ่มอนุรักษนิยมในพรรควิกซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยในสภา ซึ่งตัวเขาเรียกกลุ่มนี้ว่า กลุ่ม "วิกเก่า" (Old Whigs) ซึ่งอยู่ขั้วตรงข้ามกับฝ่ายสนับสนุนการปฏิวัติฝรั่งเศสซึ่งเรียกว่ากลุ่ม "วิกใหม่" (New Whigs) ที่นำโดยชาร์ล เจมส์ ฟ็อกซ์[2] เบิร์กเชื่อว่าเสรีภาพและจารีตประเพณีสามารถไปด้วยกันได้ ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งถึงขั้นนองเลือดหรือสถาปนาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดขึ้นเป็นฝ่ายชนะอย่างขาดลอยชัดเจน การเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันนั้นจะนำมาซึ่งความสูญเสียไม่คุ้มกับประโยชน์ที่ได้รับ ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นในวิถีแห่งการประนีประนอมมากกว่าการห้ำหั่นเอาชนะ ในขณะที่เขาต่อต้านการปฏิวัติฝรั่งเศสเขากลับสนับสนุนการปลดแอกของอเมริกาจากอังกฤษ เขาให้เหตุผลว่าเนื่องจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสนั้นไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการแสวงหาเสรีภาพและความเท่าเทียมตั้งแต่ต้น แต่เกิดจากการยุยงโดยชนชั้นนำซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปซึ่งการปกครองในระบอบเผด็จการที่เลวร้ายกว่าเดิม ในศตวรรษที่ 20 หลังจากที่เขาเสียชีวิตกว่าร้อยปีแล้ว เขากลายมาเป็นว่าได้รับการนับถืออย่างมากในฐานะนักปรัชญาผู้เป็นบิดาแห่งแนวคิดอนุรักษนิยมสมัยใหม่[3][4] ประวัติเบิร์กเกิดในดับลิน ราชอาณาจักรไอร์แลนด์ โดยมีบิดาเป็นนักสังคมที่ประสบความสำเร็จสูงและบิดายังเป็นสมาชิกของคริสตจักรแห่งไอร์แลนด์ โดยตระกูลเบิร์กเป็นตระกูลที่มีเชื้อชายอัศวินชาวอังกฤษ-นอร์มันที่ใช้นามสกุลว่า de Burgh ซึ่งได้มายังไอร์แลนด์ในปี 1185 ภายหลังการรุกรานไอร์แลนด์ของพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษในปี 1171[5] เบิร์กได้เจริญรอยตามบิดา โดยการยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักนิกายแองกลิคันตลอดชีวิตของเขา ไม่เหมือนกับน้องสาวซึ่งนับถือโรมันคาทอลิก[6] ภายหลังเขาได้ถูกฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหยิบยกประเด็นที่ว่า เขาเคยเข้ารับการศึกษาที่วิทยาลัยแช็งออแมร์ของคณะเยสุอิต ใกล้กับเมืองกาแลในฝรั่งเศส ซึ่งการนับถือในคาทอลิกจะทำให้เขาถูกตัดสิทธิ์จากตำแหน่งทางการเมือง แต่เบิร์กก็สามารถรอดพ้นประเด็นดังกล่าวมาได้ โดยเขาสาบานที่จะปฏิเสธความเชื่อแปรสารจากขนมปังและเหล้าองุ่น (Transubstantiation) ของนิกายคาทอลิก[7] แต่แม้ว่าเขาจะไม่เคยปฏิเสธเชื้อสายไอร์แลนด์ แต่เขาก็ระบุว่าตนเองนั้นเป็น "ชาวอังกฤษ"[8] สงครามปฏิวัติอเมริกาเอ็ดมันด์ เบิร์ก ในฐานะสมาชิกสภาสามัญชน ได้สนับสนุนความคับแค้นใจของพลเมืองอาณานิคมอเมริกาของสหราชอาณาจักรภายใต้รัฐบาลของพระเจ้าจอร์จที่ 3 โดยเขาได้เสนอทางออก 6 ประการที่จะยุติความขัดแย้งในทวีปอเมริกาเหนือ คือ:
โชคร้ายที่เบิร์กได้แถลงทางออกเหล่านี้เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อนที่วิกฤตจะปะทุขึ้น[9] และข้อเสนอเหล่านี้จึงไม่เคยได้ออกเป็นกฎหมาย มรดกนักประวัติศาสตร์การเมืองส่วนใหญ่ในโลกภาษาอังกฤษถือว่าเบิร์กเป็นนักอนุรักษนิยมเสรี (liberal conservative)[10] และบิดาของอนุรักษนิยมบริติช[11][12][13] เบิร์กเป็นนักประโยชน์นิยมและให้เหตุผลแบบเชิงประจักษ์[14] เบิร์กเชื่อว่าทรัพย์สินมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ ทั้งนี้เนื่องจากเขามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าประชาชนปรารถนาถูกปกครองและควบคุม การแบ่งแยกทรัพย์สินจึงเป็นรากฐานของโครงสร้างทางสังคม ช่วยให้เกิดการควบคุมภายในลำดับชั้นที่อาศัยทรัพย์สิน เขามองการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดจากทรัพย์สินเป็นลำดับตามธรรมชาติของเหตุการณ์ซึ่งควรเกิดขึ้นเมื่อมนุษยชาติก้าวหน้าไปอยู่แล้ว ด้วยการแบ่งแยกทรัพย์สินและระบบชนชั้น เขายังเชื่อว่าระบบนี้สามารถควบคุมพระมหากษัตริย์ต้องใส่พระทัยต่อความต้องการของชนชั้นใต้ปกครอง เนื่องจากทรัพย์สินสอดคล้องหรือนิยามการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคมเป็นส่วนใหญ่ กับชนชั้นก็ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความตกลงทางสังคมที่จัดแบ่งประชาชนออกเป็นชนชั้นต่าง ๆ ด้วย จึงเป็นประโยชน์ร่วมกันของคนในบังคับทุกคน นอกเหนอจากข้อกังวลเกี่ยวกับทรัพย์สินแล้ว คริสโตเฟอร์ ฮิชเชนส์สรุปใจความไว้ดังนี้ "หากอนุรักษนิยมสมัยใหม่อาจถือว่ามาจากเบิร์ก จะต้องไม่ใช่เพราะเขาให้ท้ายเจ้าของทรัพย์สินในนามของเสถียรภาพเท่านั้น เพราะเขายังโน้มน้าวประโยชน์ประจำวันในการรักษาสิ่งตกทอดและบรรพกาลด้วย"[15] อ้างอิง
|