แกรนด์ดัชเชสโฌเซฟีน-ชาร์ล็อตแห่งลักเซมเบิร์ก
เจ้าหญิงโฌเซฟีน-ชาร์ล็อตแห่งเบลเยียม (อังกฤษ: Princess Joséphine-Charlotte of Belgium พระนามเต็ม โฌเซฟีน-ชาร์ล็อต อินเกบอร์ก เอลีซาแบ็ต มารี-โฌเซ มาร์เกอริต อัสตรีด; 11 ตุลาคม ค.ศ. 1927 – 10 มกราคม ค.ศ. 2005) เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่และองค์เดียวในพระเจ้าเลออปอลที่ 3 แห่งเบลเยียม และ สมเด็จพระราชินีอัสตริดแห่งเบลเยียม นอกจากนี้พระองค์ยังได้เป็นพระชายาในแกรนด์ดยุกฌ็องแห่งลักเซมเบิร์ก และพระเชษฐภคินีในสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งเบลเยียมทั้งสองพระองค์คือ สมเด็จพระราชาธิบดีโบดวง และสมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 อีกด้วย ในฝ่ายพระราชชนนี เจ้าหญิงเป็นพระญาติใกล้ชิดกับสมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 แห่งนอร์เวย์ ซึ่งเป็นพระโอรสในเจ้าหญิงมาร์ธาแห่งสวีเดน พระภคินีของพระราชชนนี สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน ซึ่งเป็นพระโอรสในเจ้าชายกุสตาฟ อดอล์ฟแห่งสวีเดน ดยุกแห่งวาสเตอร์บ็อตเต็น และ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก พระธิดาในเจ้าหญิงอิงกริดแห่งสวีเดน พระญาติชั้นที่สองในพระราชวงศ์สวีเดนตามลำดับ วัยเยาว์และการศึกษาเจ้าหญิงโจเซฟีน-ชาร์ล็อตประสูติเมื่อในวันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 1927 ณ พระราชวังหลวง กรุงบรัสเซลส์ เป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ในดยุกแห่งบราบันต์ (พระเจ้าเลออปอลที่ 3) และดัชเชสแห่งบราบันต์ พระวรชายา (เจ้าหญิงอัสตริดแห่งสวีเดน) อีกทั้งยังเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 1 แห่งเบลเยียมด้วย ในวัยเยาว์พระองค์ประทับในปราสาทสตุยเว็นแบร์ก อันเป็นตำหนักของพระชนกและพระชนนีในเขตพระราชฐานของเมืองเลเค็น และที่กรุงสต็อกโฮล์ม อันเป็นที่ประทับของเจ้าชายคาร์ล ดยุกแห่งวาสเตอร์เกิตแลนด์ และ เจ้าหญิงอินเกบอร์กแห่งเดนมาร์ก พระอัยกาและพระอัยยิกา ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1934 พระชนกเสวยราชสมบัติสืบต่อพระบรมอัยกาเป็นพระเจ้าเลออปอลที่ 3 แห่งเบลเยียม และในปีต่อมา เมื่อพระชนกและพระชนนีเสด็จประพาสประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นการส่วนพระองค์ สมเด็จพระราชินีอัสตริดได้สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อรถพระที่นั่งสูญเสียการควบคุมบริเวณโค้งอันตรายบนถนนที่ลมแรงและแคบ เจ้าหญิงทรงเข้าโรงเรียนครั้งแรกที่พระราชวังหลวง ที่มีห้องเรียนเล็กๆ ห้องหนึ่งจัดไว้สำหรับพระองค์ ต่อมาในปลายปี ค.ศ. 1940 พระองค์ทรงเข้าเรียนในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งและจากนั้นได้ทรงศึกษากับพระอาจารย์ส่วนพระองค์อีกหลายคน เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1940 หลังจากกองกำลังสัมพันธมิตรขึ้นบกที่เมืองนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส เจ้าหญิงและพระชนกทรงถูกส่งที่ประเทศเยอรมนีและถูกกักบริเวณภายในตำหนัก สมาชิกในพระราชวงศ์ทั้งหมด อันมีพระอนุชาทั้งสองคือ เจ้าชายโบดวงและเจ้าชายอัลแบร์ รวมไปถึงแมรี ลิเลียน บาเอลส์ เจ้าหญิงแห่งเรตี พระมารดาเลี้ยง ได้รับอิสรภาพในวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 และได้เสด็จไปประทับที่เมืองเพรนญี ใกล้กับเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อันเนื่องมาจากปัญหาเกี่ยวกับการร่วมมือที่ถูกกล่าวอ้างของกษัตริย์เลออปอลกับนาซีเยอรมันทำให้ไม่สามารถเสด็จกลับประเทศเบลเยียมได้ จึงได้ทรงแต่งตั้งให้เจ้าชายชาร์ลส์ พระอนุชาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ขณะที่ทรงลี้ภัย เจ้าหญิงโจเซฟีน-ชาร์ล็อตทรงศึกษาต่อใน École Supérieure de Jeunes Filles เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แล้วทรงศึกษาวิชาจิตวิทยาเด็กที่มหาวิทยาลัยเจนีวา เมื่อเสด็จกลับประเทศเบลเยียม พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจทางการนานัปการ ในขณะเดียวกันก็ทรงอุทิศพระองค์กับปัญหาด้านสังคม และพัฒนาความสนพระทัยในศิลปะเพิ่มมากขึ้นด้วย อภิเษกสมรสเจ้าหญิงโจเซฟีน-ชาร์ล็อตอภิเษกสมรสในวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 1953 ณ โบสถ์แม่พระมารี กรุงลักเซมเบิร์ก กับ เจ้าชายฌองแห่งลักเซมเบิร์ก ที่ทรงเป็นรัชทายาทในราชบัลลังก์ลักเซมเบิร์ก และพระโอรสพระองค์ใหญ่ในแกรนด์ดัชเชสชาร์ล็อตแห่งลักเซมเบิร์ก (23 มกราคม ค.ศ. 1896 - 9 กรกฎาคม ค.ศ. 1985) และมีพระโอรสและธิดา 5 พระองค์คือ
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1964 หลังจากการสละราชสมบัติของแกรนด์ดัชเชสชาร์ล็อตแห่งลักเซมเบิร์ก พระชนนี เจ้าชายฌอง ก็เสวยราชสมบัติเป็น แกรนด์ดยุกฌองที่ 1 แห่งลักเซมเบิร์ก (HRH Grand Duke Jean I of Luxembourg) และ เจ้าหญิงโจเซฟีน-ชาร์ล็อตแห่งเบลเยียม พระวรชายานั้น ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นแกรนด์ดัชเชสโจเซฟีน-ชาร์ล็อตแห่งลักเซมเบิร์ก (HRH Grand Duchess Joséphine-Charlotte of Luxembourg) และเสด็จไปประทับที่ปราสาทแบร์ก ในเมืองคอลมาร์-แบร์ก ตอนกลางของประเทศลักเซมเบิร์ก หลังจากการสละราชสมบัติในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2000 แกรนด์ดยุกฌองและแกรนด์ดัชเชสโจเซฟีน-ชาร์ล็อตได้เสด็จไปประทับที่ปราสาทฟิชบาค ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ อันที่ประทับจนกระทั่งแกรนด์ดัชเชสได้สิ้นพระชนม์ลง พระกรณียกิจในฐานะที่ทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งเบลเยียม เจ้าหญิงโจเซฟีน-ชาร์ล็อตทรงมีความสนพระทัยอย่างมากเกี่ยวกับปัญหาในด้านสังคมต่างๆ และศิลปะแขนงต่างๆ และในฐานะแกรนด์ดัชเชสพระชายาแห่งลักเซมเบิร์ก พระองค์ได้โดยเสด็จพระสวามีไปงานพิธีการต่างๆ มากมาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย พระองค์ทรงเป็นองค์ประธานของสภากาชาดลักเซมเบิร์กและผู้อำนวยการใหญ่ของสภาลูกเสือแห่งลักเซมเบิร์ก นอกจากนั้นก็ยังทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ของสหภาพผู้บริจากโลหิตและสมาคมกุมารเวชศาสตร์แห่งลักเซมเบิร์กอีกด้วย ในยามว่างพระองค์โปรดการทำสวนและการจัดสวน นอกจากนี้ยังทรงล่าสัตว์ ตกปลา เล่นสกี และกีฬาทางน้ำต่างๆ มากมาย ปลายพระชนม์ชีพแกรนด์ดัชเชสโจเซฟีน-ชาร์ล็อต ซึ่งประชวรด้วยโรคมะเร็งที่บัปผาสะมาระยะหนึ่ง ได้เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 2005 ณ ปราสาทฟิชบาค ทางตอนกลางของประเทศ อันเป็นที่ประทับมาตั้งแต่การสละราชสมบัติของพระราชสวามี สิริพระชนมายุ 77 พรรษา 3 เดือน โดยเสด็จสวรรคตก่อนหน้าพระราชสวามี พระราชโอรส-ธิดา และพระราชนัดดา พระราชอิสริยยศ
|