โซฟีแห่งเวือร์ทเทิมแบร์ค
โซฟีแห่งเวือร์ทเทิมแบร์ค (พระนามเต็ม โซฟี ฟรีเดอริเคอ มาทิลดา ; พระราชสมภพ 17 มิถุนายน 1818 – สวรรคต 3 มิถุนายน 1877) ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเนเธอร์แลนด์ ในฐานะพระอัครมเหสีพระองค์แรกในพระเจ้าวิลเลิมที่ 3 แห่งเนเธอร์แลนด์[1] สมเด็จพระราชินีโซฟีทรงแยกกันอยู่กับพระเจ้าวิลเลิมตั้งแต่ปี 1855 แต่ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะสมเด็จพระราชินีต่อสาธารณชนเรื่อยมา ทรงเป็นที่รู้จักจากพระราชวิสัยทัศน์อันก้าวหน้า แนวคิดเสรีนิยม ที่มีความสอดคล้องกับแนวคิดของปัญญาชนที่มีชื่อเสียงหลายคนในยุคนั้น พระราชประวัติโซฟีเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 1818 ในชตุทการ์ท ราชอาณาจักรเวือร์ทเทิมแบร์ค ในฐานะ เจ้าฟ้าหญิงโซฟีแห่งเวือร์ทเทิมแบร์ค เป็นพระราชธิดาในพระเจ้าวิลเฮล์มที่ 1 แห่งเวือร์ทเทิมแบร์ค พระราชสมภพแต่เยกาเจรีนา ปัฟลอฟนาแห่งรัสเซีย สมเด็จพระราชินีแห่งเวือร์ทเทิมแบร์ค พระราชธิดาพระองค์ที่ 4 ในจักรพรรดิพอลที่ 1 แห่งรัสเซีย ไม่นานหลังจากที่โซฟีเสด็จพระราชสมภพ พระราชมารดาก็เสด็จสวรรคต ทำให้ทรงถูกอบรมดูแลโดยพระราชปิตุจฉา เจ้าหญิงคาธารินา ฟรีเดอริเค นอกจากนี้ยังเป็นพระราชภาคิไนยของจักรพรรดิอเล็กซันดร์ที่ 1 และจักรพรรดินิโคไลที่ 1 แห่งรัสเซีย ทรงมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์โบนาปาร์ตผ่านทางพระราชมาตุจฉา และทรงคุ้นเคยกับทั้งนโปเลียนที่ 3 และเจ้าหญิงมาตีลด์ โบนาปาร์ต ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ โซฟีทรงได้รับแนวคิดเสรีนิยมตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ผ่านทางพระราชบิดาที่มีพระราชวิสัยทัศน์ก้าวไกล และทรงสนับสนุนประชาธิปไตยมากกว่าระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์[2] เจ้าหญิงแห่งออเรนจ์เจ้าหญิงโซฟีอภิเษกสมรสกับพระญาติชั้นที่ 1 เจ้าชายวิลเลิมแห่งเนเธอร์แลนด์ ซึ่งทรงเป็นเจ้าชายแห่งออเรนจ์ (ภายหลังคือ พระเจ้าวิลเลิมที่ 3 แห่งเนเธอร์แลนด์) ณ เมืองชตุทการ์ท เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 1839 ด้วยความคิดที่ว่าในที่สุดพระองค์จะทรงประสบความสำเร็จในการครอบงำเจ้าชายพระองค์นั้น[3] การแต่งงานถูกจัดขึ้น ขณะที่พระราชบิดาของพระองค์ทรงเป็นพวกเสรีนิยมก้าวหน้าในด้านอื่น ๆ แต่ยังคงชอบการแต่งงานของราชวงศ์และปรารถนาให้พระราชธิดาอภิเษกกับพระมหากษัตริย์ ก่อนการอภิเษกสมรส พระเจ้าโอซอนแห่งกรีซและดยุควิลเฮล์มแห่งเบราน์ชไวค์ทรงเคยเป็นพระคู่หมั้นของเจ้าหญิงโซฟี การหมั้นหมายกับพระองค์แรก เป็นโมฆะเพราะพระราชบิดาผู้ทะเยอทะยานของเจ้าหญิงโซฟีทรงไม่มั่นใจในระบอบราชาธิปไตยของกรีกที่พระเจ้าโอซอนทรงจัดตั้งขึ้น ส่วนพระองค์ที่สองนั้น พระราชบิดาของพระองค์ปล่อยข่าวให้ดยุกวิลเฮล์มรู้ว่าเจ้าหญิงโซฟีมีพระคู่หมั้นแล้ว โซฟีเองก็ทรงโปรดที่จะอภิเษกวิลเฮล์มแห่งเบราน์ชไวค์ แต่ทรงยืนกรานที่จะอภิเษกสมรสกับเจ้าชายวิลเลิมแห่งเนเธอร์แลนด์ เพื่อเป็นการเสียสละที่ทรงทำเพื่อพระราชบิดา[2] หลังจากอภิเษกสมรสกันแล้ว เจ้าชายวิลเลิมและเจ้าหญิงโซฟีเสด็จไปประทับ ณ พระราชฐานในกรุงเฮก ทรงมีความสัมพันธ์อันดีกับ พระเจ้าวิลเลิมที่ 2 แห่งเนเธอร์แลนด์ พระสัสสุระ[2] แต่พระนางวิลเฮลมีเนอแห่งปรัสเซีย พระราชชนนีในพระเจ้าวิลเลิม ทรงต่อต้านการแต่งงานโดยสิ้นเชิง กับพระนางอันนา ปัฟลอฟนาแห่งรัสเซีย พระสัสสุเองความสัมพันธ์ก็ไม่ค่อยจะดีนัก ถึงแม้พระนางอันนาก็เป็นพระมาตุจฉาของเจ้าหญิงโซฟี แต่พระนางก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระขนิษฐาซึ่งเป็นพระราชมารดาของโซฟี และพระนางยังทรงคัดค้านการอภิเษกสมรสระหว่างโซฟีกับพระราชโอรสของพระนาง[2] ชีวิตสมรสของเจ้าชายวิลเลิมและเจ้าหญิงโซฟีนั้นไม่ค่อยมีความสุข แม้แต่พระประสูติกาลพระราชบุตรก็ไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองพระองค์ดีขึ้นเลย ซึ่งการเลี้ยงดูพระราชบุตรก็เป็นสาเหตุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสองพระองค์มาอย่างต่อเนื่อง[2] เจ้าชายวิลเลิมก็ทรงนอกใจตลอดเวลา โซฟีเองก็ไม่ทรงโปรดการอยู่กับเจ้าชายและทรงอุทิศพระองค์เพื่อเพิ่มพูนความสนใจทางปัญญา ความรู้และการศึกษาในสาขาต่างๆ[2] ทั้งคู่ทรงมีการไตร่ตรองเรื่องการหย่าร้างตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ปัดตกไปเพราะเห็นว่าไม่สมควรกับพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระราชินี ในอนาคต สมเด็จพระราชินีในเดือนมีนาคม ปี 1849 พระเจ้าวิลเลิมที่ 2 แห่งเนเธอร์แลนด์ เสด็จสวรรคตอย่างกะทันหัน วิลเลิมและโซฟีจึงทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็นพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระราชินีแห่งเนเธอร์แลนด์ และเสด็จไปประทับ ณ พระราชวังนวร์ดแอ็งเดอ สมเด็จพระราชินีโซฟีทรงติดต่อกับนักวิชาการชาวยุโรปหลายคนและทรงรักษาความสัมพันธ์อันอบอุ่นกับจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 และสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ทรงปกป้องและสนับสนุนงานศิลปะ ทรงสนับสนุนองค์กรการกุศลหลายแห่งไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ รวมถึงการคุ้มครองสัตว์และการก่อสร้างสวนสาธารณะ ในฐานะสมเด็จพระราชินี ทรงได้เข้าร่วมนิทรรศการอุตสาหกรรมในช่วงทศวรรษที่ 1860 และทรงมีส่วนร่วมในการศึกษาผู้มีปัญหาทางจิต นอกจากนี้ ยังทรงสนับสนุน Society for the Protection of Animals นอกจากนี้ สมเด็จพระราชินีโซฟียังสนับสนุนกลุ่มการเคลื่อนไหวสิทธิสตรีเมื่อแรกก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในเนเธอร์แลนด์ โซฟีเป็นพระราชินีที่ไม่ธรรมดา โดยทรงมีความคิดเห็นทางการเมืองและความสนใจทางวิทยาศาสตร์ที่เอนเอียงไปทางฝ่ายซ้าย และทรงมีมุมมองที่ไม่ยึดถือศาสนา และการที่ทรงรังเกียจกฎระเบียบในราชสำนักทำให้ทรงได้รับฉายาว่า "la reine rouge" ('The Red Queen' ราชินีสีแดง) สมเด็จพระราชินีโซฟีเสด็จสวรรคตที่พระราชวังเฮาส์เทินบอช กรุงเฮก พระบรมศพทรงฉลองพระองค์ชุดในวันอภิเษกสมรสถูกฝังในโบสถ์เมืองเดลฟท์ เพราะในความคิดของพระองค์ พระชนม์ชีพนั้นได้จบลงแล้วในวันที่ทรงอภิเษกสมรส พระราชบุตรสมเด็จพระราชินีโซฟีและพระเจ้าวิลเลิมที่ 3 แห่งเนเธอร์แลนด์ มีพระราชโอรสด้วยกัน 3 พระองค์ คือ
ซึ่งทั้งหมดล้วนสิ้นพระชนม์ก่อนที่พระเจ้าวิลเลิมจะสวรรคต พระราชอิสริยยศ
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|