กรมศุลกากรThe Customs Department |
ธงตราสัญลักษณ์ |
ที่ทำการกรมศุลกากร |
ภาพรวมกรม |
---|
ก่อตั้ง | 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2417; 150 ปีก่อน (2417-07-04) |
---|
กรมก่อนหน้า | |
---|
ประเภท | ส่วนราชการ |
---|
เขตอำนาจ | ทั่วราชอาณาจักร |
---|
สำนักงานใหญ่ | เลขที่ 1 ถนนสุนทรโกษา แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 |
---|
บุคลากร | 6,150 คน (พ.ศ. 2565) |
---|
งบประมาณต่อปี | 3,878,437,600 บาท (พ.ศ. 2568)[1] |
---|
ฝ่ายบริหารกรม | - ธีรัชย์ อัตนวานิช, อธิบดี
- ยุทธนา พูลพิพัฒน์, รองอธิบดี
- นิติ วิทยาเต็ม, รองอธิบดี
- จักกฤช อุเทนสุต, รองอธิบดี
- ดิเรก คชารักษ์, รองอธิบดี
|
---|
ต้นสังกัดกรม | กระทรวงการคลัง |
---|
เว็บไซต์ | เว็บไซต์ของกรม |
---|
กรมศุลกากร (อังกฤษ: The Customs Department) เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดกระทรวงการคลัง ก่อตั้งเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2417 ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมีชื่อว่า "หอรัษฎากรพิพัฒน์"[2] มีหน้าที่เก็บภาษีอากรขาเข้าและขาออกเป็นรายได้ของรัฐ
ประวัติ
กิจการศุลกากรในประเทศไทย เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยเรียกว่า "จกอบ" ต่อมาในสมัยอยุธยา ได้มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ด้านการตรวจเก็บภาษีขาเข้าเรียกว่า "พระคลังสินค้า"
ในยุครัตนโกสินทร์ ได้มีระบบการประมูลผูกขาดการเรียกเก็บภาษีอากร เรียกว่า "ระบบเจ้าภาษีนายอากร" ต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 มีการติดต่อค้าขายมากขึ้น มีการทำสนธิสัญญาเบาว์ริง เปลี่ยนแปลงการเก็บค่าธรรมเนียมปากเรือมาเป็น "ภาษีร้อยชักสาม" โดยมีโรงเก็บภาษีเรียกว่า "ศุลกสถาน" ต่อมาในปี พ.ศ. 2417 ได้มีการจัดตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ เป็นสำนักงานกลางในการรวบรวมรายได้ของแผ่นดิน และได้มีพัฒนาการเรื่อยมาจนเป็นกรมศุลกากร ที่มีบทบาทหน้าที่เน้นการจัดเก็บภาษีอากรจากของที่นำเข้ามาในและส่งออกนอกประเทศ
หน่วยงานในสังกัด
- กองสืบสวนและปราบปราม
- กองบริหารทรัพยากรบุคคล
- กองตรวจสอบอากร
- กองพิกัดอัตราศุลกากร
- กองสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร
- กองมาตรฐานพิธีการและราคาศุลกากร
- กองกฎหมาย
- กองยุทธศาสตร์และแผนงาน
- กองบริหารจัดการและพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์
- ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- สำนักงานเลขานุการกรม
- สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ
- สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ
|
- สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง
- สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- สำนักงานศุลกากรท่าอากาศดอนเมือง
- สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าลาดกระบัง
- สำนักงานศุลกากรมาบตาพุด
- สำนักงานที่ปรึกษาการศุลกากร ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์
- สำนักงานศุลกากรประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง
- งานที่ปรึกษาการศุลกากรประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว
- สำนักงานศุลกากรภาคที่ 1-5
|
ด่านศุลกากร
ด่านศุลกากร ในสังกัดกรมศุลกากรมีจำนวนทั้งสิ้น 47 ด่าน[3] ดังนี้
- สำนักงานศุลกากรภาคที่ 1 มีด่านศุลกากร จำนวน 8 ด่าน ได้แก่ คลองใหญ่ จันทบุรี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ แม่กลอง ระนอง สังขละบุรี และอรัญประเทศ
- สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 มีด่านศุลกากร จำนวน 10 ด่าน ได้แก่ ท่าลี่ เชียงคาน หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร เขมราฐ ช่องเม็ก ช่องสะงำ และช่องจอม
- สำนักงานศุลกากรภาคที่ 3 มีด่านศุลกากร จำนวน 9 ด่าน ได้แก่ แม่สาย เชียงแสน เชียงของ ทุ่งช้าง แม่สอด แม่สะเรียง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และเชียงดาว
- สำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 มีด่านศุลกากร จำนวน 12 ด่าน ได้แก่ วังประจัน สตูล ปาดังเบซาร์ สะเดา บ้านประกอบ เบตง บูเก๊ะดา สุไหงโก-ลก ตากใบ ปัตตานี ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และสงขลา
- สำนักงานศุลกากรภาคที่ 5 มีด่านศุลกากร จำนวน 8 ด่าน ได้แก่ บ้านดอน เกาะสมุย สิชล นครศรีธรรมราช กระบี่ ภูเก็ต ท่าอากาศยานภูเก็ต และกันตัง
อธิบดีกรมศุลกากร
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น