สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (อังกฤษ: Government Lottery Office) เป็นหน่วยงานหนึ่งของรัฐบาลไทย มีหน้าที่ออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นหลัก รวมถึงจัดการโรงพิมพ์อันเป็นอุปกรณ์ในการพิมพ์สลากกินแบ่งรัฐบาล หรือสิ่งพิมพ์อื่นที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ และรับผิดชอบในกระทำการอื่นใดที่เกี่ยวเนื่องหรือที่เป็นประโยชน์แก่การดำเนินกิจการของสำนักงานเอง ภายใต้คำขวัญของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ว่า "ช่วยราษฎร์ เสริมรัฐ ยืนหยัดยุติธรรม" สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็น 1 ใน 10 รัฐวิสาหกิจไทยที่มีรายได้นำส่งภาครัฐสูงสุด ในไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2566 สำนักงานฯ นำส่งรายได้เป็นจำนวน 8,505 ล้านบาท สูงเป็นลำดับที่ 3 รองจาก บมจ.ปตท. และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค[2] ประวัติหลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 รัฐบาลมีนโยบายลดเงินรัชชูปการ (หมายถึง เงินที่เรียกเก็บจากชายชาวสยามที่ไม่ได้รับราชการทหาร) ทำให้รัฐขาดรายได้ จึงมีการออกลอตเตอรี่รัฐบาลขึ้น โดยเรียกว่า "ลอตเตอรี่รัฐบาลสยาม" ออกจำหน่ายจำนวน 1 ล้านฉบับ ฉบับละ 1 บาท โดยออกปีละ 4 งวด ต่อมาในปี พ.ศ. 2477 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยออก "สลากกินแบ่งบำรุงเทศบาล" โดยกำหนดว่า หากเดือนใดเป็นเดือนออกสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้งดจำหน่ายสลากกินแบ่งบำรุงเทศบาลในเดือนนั้น โดยเริ่มจำหน่ายงวดแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2478 แล้วออกสลากในเดือนเมษายน พ.ศ. 2479 โดยพิมพ์จำนวน 500,000 ฉบับ ฉบับละ 1 บาท และตั้งแต่นั้นก็ได้มีการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากบำรุงเทศบาลเรื่อยมา พ.ศ. 2482 ถือเป็นยุคที่สลากกินแบ่งรัฐบาลเริ่มดำเนินการอย่างจริงจัง โดยคณะรัฐมนตรีมีมติให้โอนกิจการเกี่ยวกับสลากกินแบ่งทั้งของรัฐบาลและเทศบาลมาสังกัดกระทรวงการคลัง และเมื่อวันที่ 5 เมษายน ได้มีการแต่งตั้ง "คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล" ขึ้น โดยมีพระยาพรหมทัตศรีพิลาต (แฉล้ม มิตรานนท์) เป็นประธานกรรมการคนแรก วันดังกล่าวจึงถือเป็น "วันสถาปนาสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล" มาจนถึงปัจจุบัน พ.ศ. 2499 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีอาคารที่ทำการแห่งแรกที่เลขที่ 3 ถนนราชดำเนินกลาง แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2517 มีการออกพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517[3] ขึ้น กำหนดสถานะให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นนิติบุคคล และเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง นอกจากการดำเนินกิจการภายในประเทศแล้ว สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลยังได้ประสานงานกับต่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลข่าวสารด้านกิจการสลากกินแบ่งด้วย โดยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมสลากกินแบ่งโลกและสมาคมสลากกินแบ่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543[4][5] ภารกิจหลักสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลบริหารงานภายใต้พระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517[3] ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักตามมาตรา 5 ดังนี้
โดยโรงพิมพ์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลตั้งอยู่ที่เลขที่ 9 ซอยสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร โดยมีการวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างโรงพิมพ์เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2520 และเริ่มพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2521[4] ซึ่งนอกจากสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลยังเห็นชอบให้โรงพิมพ์แห่งนี้สามารถจัดพิมพ์สลากบำรุงการกุศล ใบตรวจผลการออกรางวัล รวมถึงงานพิมพ์อื่นที่รับจ้างจากภายนอก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสิ่งพิมพ์กันปลอมแปลงของหน่วยราชการที่คณะกรรมการเห็นชอบอีกด้วย อาทิ ตั๋วรถโดยสาร บขส. บัตรผ่านทางของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือรูปลอกของกรมสรรพสามิต เป็นต้น[5] ลอตเตอรีใต้ดินลอตเตอรีใต้ดินหรือ "หวยใต้ดิน" (ฮวยไทดิน) ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศรายงานว่ามีการจัดหวยใต้ดินที่มีขนาดประมาณสี่ถึงห้าเท่าของหวยทางการ ตามข้อมูลจากอาจารย์ดร. สรรเสริญ์ พิริยะรังสรรค์สม คณบดีคณะนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต (RSU) ลอตเตอรีใต้ดินนี้เกี่ยวข้องกับเลขที่ออกในหวยทางการ ตัวแทนจำหน่ายเหล่านี้นำเสนอรางวัลที่ดีกว่า การซื้อเชื่อเพิ่มเติมและตัวเลือกการเดิมพันที่มากขึ้น โดยธุรกิจลอตเตอรีใต้ดินขนาดเล็กสามารถเริ่มต้นด้วยสมุดบันทึกและปากกาเท่านั้น ทำให้มีการกระจายอย่างแพร่หลายและเป็นไปได้อย่างไร้ประสิทธิภาพในการปราบปราม[6] ลอตเตอรีใต้ดินในประเทศไทยมีการเจริญรุ่งเรืองจนราวกับมีความเจริญกันอย่างแพร่หลายในชุมชนชาวไทยในต่างประเทศเช่นกัน[7] ลอตเตอรีใต้ดินถือเป็นส่วนสำคัญของชีวิตคนไทย ซึ่งประชากรไทยมีการเล่นลอตเตอรีใต้ดินจำนวนมากถึงหนึ่งในสามของประชากรทั้งหมด[8][9] ลอตเตอรีใต้ดินได้รับความนิยมมากกว่าลอตเตอรีทางการอันเป็นส่วนหนึ่งเนื่องจากโอกาสในการชนะมีมากกว่า โดยอัตราส่วนคือ 1 ใน 100 ในขณะที่รางวัลหลักทางการมีมูลค่ามากกว่า แต่อัตราส่วนคือ 1 ใน 1 ล้าน ลอตเตอรีใต้ดินเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ในประเทศไทย อยู่นอกเหนือจากการเก็บภาษีและไม่ถูกนับอยู่ในสถิติเศรษฐกิจทางการ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่มีการทุจริตเล็กน้อยอย่างแพร่หลาย นายนพนันท์ประมาณว่าตำรวจได้รับเงินสินบนจำนวน 11 พันล้านบาทหรือ 362 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีจากการดำเนินงานลอตเตอรีใต้ดิน[9] สลากต่าง ๆอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น |