| เนื้อหาในบทความนี้ ล้าสมัย โปรดปรับปรุงข้อมูลให้เป็นไปตามเหตุการณ์ปัจจุบันหรือล่าสุด ดู หน้าอภิปรายประกอบ |
| บทความนี้ ต้องการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ โปรดเพิ่มพารามิเตอร์ reason หรือ talk ลงในแม่แบบนี้เพื่ออธิบายปัญหาของบทความ เมื่อวางแท็กนี้ ให้พิจารณาเชื่อมโยงคำขอนี้กับโครงการวิกิ |
การรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย (เรียกสั้น ๆ ว่า ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษา) เป็นระบบการรับสมัครบุคคลที่จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า และคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษามีการพัฒนามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 [1]: 3 ระบบเริ่มแรกเป็นระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง UCAS (ปี 2543 - 2548) ซึ่งมักเรียกกันว่า การสอบเอ็นทรานซ์ องค์การและหน่วยงานในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย หรือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (ปัจจุบัน) และสถาบันอุดมศึกษาของไทย ก็ได้ร่วมมือกันปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่องเป็น ระบบแอดมิสชันส์กลาง ซึ่งสามารุถแบ่งออกเป็น 3 เวอร์ชันตามกระบวนการรับสมัคร และเกณฑ์การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา คือ ระบบแอดมิสชันส์กลาง ระยะที่ 1 (ปี 2549 - 2552), ระบบแอดมิสชันส์กลาง ระยะที่ 2 (ปี 2553 - 2560) และระบบแอดมิสชันส์กลาง TCAS (ปี 2561 - ปัจจุบัน) [2]
ประวัติ
ระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาไทย ผ่านการพัฒนาตั้งแต่ปีการศึกษา 2504 จนถึงปัจจุบัน[update] โดยมีหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
- สกอ.
- สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (OHEC)
- ทบวง
- ทบวงมหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2515 - 2546 [3] ปัจจุบันคือ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
- สพฐ.
- สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (OBEC)
- สำนักงานปลัด
- สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (OPS-MOE)
- สกศ.
- สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา หรือ สภาการศึกษาแห่งชาติ (ONEC)
- ทปอ.
- ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (CUPT)...
- สทศ.
- สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (NIETS)
ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง CUAS
ประวัติ
ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษา CUAS (Central University Admissions System) เป็นการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาไทย มีพัฒนาการในช่วงปีการศึกษา 2504 – 2542 [2]
- ก่อนปีการศึกษา 2504 – มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งดำเนินการสอบเอง
- ปีการศึกษา 2504 – มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (มหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบัน) จัดสอบร่วมกัน โดยมี (สภาการศึกษาแห่งชาติ เป็นผู้ประสานงาน
- ปีการศึกษา 2505 – สถาบันการศึกษาอีก 6 แห่ง จัดสอบร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการสละสิทธิ์และการเพิ่มจำนวนสำรองที่นั่งจากการที่ผู้สมัครได้หลายสถาบัน ทำให้นักเรียนในขณะนั้นต้องเสียเวลาสอบหลายแห่ง มีค่าใช้จ่ายมาก และมีผู้สมัครเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
- ปีการศึกษา 2507 – สถาบันการศึกษาอีก 2 แห่งเข้าร่วม คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในปัจจุบัน)
- ปีการศึกษา 2509 – คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามข้อเสนอของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ กลับไปใช้วิธีสอบแยก แต่การดำเนินการเกิดปัญหามาก มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ต้องเลื่อนเปิดเทอมออกไป เนื่องจากต้องมีการเรียกสอบสัมภาษณ์เพิ่มหลายรอบ
- ปีการศึกษา 2510 – คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามข้อเสนอของสภาการศึกษาแห่งชาติ ให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ กลับมาใช้วิธีสอบรวมอีกครั้ง และสถาบันการศึกษาอีก 2 แห่งเข้าร่วม คือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และวิทยาลัยโทรคมนาคมนนทบุรี (สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในปัจจุบัน)
- ปีการศึกษา 2516 – ทบวงมหาวิทยาลัยรับโอนงานการสอบคัดเลือกจากสำนักสภาการศึกษาแห่งชาติ แนวทางการคัดเลือกในช่วงนี้ ผู้สมัครมีสิทธิ์เลือกคณะหรือสถาบันการศึกษาได้ 6 อันดับ และเลือกวิชาสอบไปในคราวเดียวกัน หลังจากที่ระบบสอบคัดเลือกรวมได้ดำเนินการได้ระยะหนึ่ง ก็พบประเด็นปัญหาที่สำคัญดังนี้
- การคัดเลือกแบบเดิมมีผลทางลบต่อการจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คือ ผู้เรียนส่วนใหญ่จะไม่สนใจเรียนวิชาที่ไม่ต้องใช้ในการสอบคัดเลือก เป้าหมายของการเรียนกลายเป็นการสอบเข้าศึกษาต่อเท่านั้น ผลที่ตามมาคือ นักเรียนที่เรียนดีได้มุ่งสอบเทียบเพื่อให้ตนมีคุณสมบัติเทียบเท่าสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แล้วเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยโดยเรียนไม่ครบตามชั้นปี ผู้ปกครองหรือนักเรียนอาจเห็นว่าเป็นการประหยัดเงินและเวลา ส่งผลให้มีผู้เรียนเข้าสู่ระดับอุดมศึกษาก่อนมีวุฒิภาวะที่เหมาะสม และการจัดชั้นเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายก็มีปัญหาตามมา
- การคัดเลือกแบบเดิมได้นักศึกษาที่มีความรู้ความสามารถไม่สอดคล้องกับสาขาวิชาที่เข้าเรียน เนื่องจากมีการสอบเฉพาะวิชาสามัญ
- จำนวนผู้เข้ารับการคัดเลือกมีแนวโน้มสูงขึ้น
- ระบบการคัดเลือกสร้างความเครียดให้นักเรียนและผู้ปกครอง
- มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา เนื่องจากดำเนินการเฉพาะช่วงปิดภาคการศึกษาเท่านั้น
ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง UCAS (2543 - 2548)
ระบบคัดเลือก UCAS ถูกใช้ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาไทย ในช่วงปีการศึกษา 2543 - 2548 [2]
ทบวงมหาวิทยาลัยได้แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษา ตรวจสอบ และพัฒนาการนำผลการเรียนในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายมาใช้ในการคัดเลือกผู้สมัครเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา [4][a] จึงได้ผลเป็นระบบคัดเลือกใหม่และทบวงให้ใช้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2542 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ระบบคัดเลือกนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาได้ผู้เรียนที่มีความรู้ความสามารถและความถนัดตรงกับสาขาวิชาที่ต้องการเข้าเรียน การคัดเลือกใช้องค์ประกอบ 2 ส่วนในการพิจารณา [5] คือ ผลการเรียนตลอดหลักสูตรระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า (ค่าน้ำหนัก 10%) และผลการสอบวิชาหลักและวิชาเฉพาะ (เรียกรวมว่า การสอบวัดความรู้ ) (ค่าน้ำหนัก 90%) และมีการดำเนินการสอบวัดความรู้ ปีละ 2 ครั้ง แล้วนำคะแนนครั้งที่มากมาคำนวณและจัดลำดับผลการสอบของผู้สมัครแต่ละคน
ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง ระยะที่ 1
ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง หรือ ระบบ Admissions ระยะที่ 1 ได้ประกาศใช้โดย สกอ. และ ทปอ. ตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 ระบบคัดเลือกนี้ใช้ GPAX, GPA (กลุ่มสาระฯ ), O-NET และ A-NET เป็นองค์ประกอบของเกณฑ์การคัดเลือก
ในที่นี้ คำว่า ผลการเรียน หมายถึง ผลการเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า, การรับเข้าศึกษาต่อ : การรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาไทย, สถานศึกษา : มหาวิทยาลัยหรือสถาบันผู้รับเข้าศึกษา, การคัดเลือก : การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย
- ความเป็นมาของระบบกลาง (Admissions) ระยะที่ 1 [2]
- ทปอ. ได้เสนอให้ทบวงพิจารณาปรับปรุงระบบการคัดเลือกในระบบสอบรวม โดยขอให้เริ่มตั้งแต่รุ่นปีการศึกษา 2547 เป็นต้นไป โดยยึดหลักการให้เพิ่มผลการเรียนเป็นส่วนหนึ่งของการคัดเลือกมากขึ้น และพิจารณาความสามารถของผู้สมัครจากผลการสอบวิชาหลัก และ/หรือแบบทดสอบมาตรฐานความสามารถทางการเรียน ซึ่งจัดสอบโดย สทศ. ที่จะจัดตั้งขึ้น[6]
- สำหรับผลการเรียนต้องได้รับการตรวจสอบจาก สพฐ. หรือสำนักงานปลัด หรือต้นสังกัดต่าง ๆ เพื่อป้องกันการคิดเกรดผิดพลาด
- ทั้งนี้ สถานศึกษาอาจกำหนดคุณสมบัติอื่น หรือให้มีการสอบวิชาเฉพาะ ซึ่งแต่ละสถานศึกษา หรือ สทศ.เป็นฝ่ายจัดสอบ หรือกลไกการสอบรวม (ทบวงเป็นผู้ประสานงานและสถานศึกษาเป็นศูนย์สอบ) เพื่อปรับปรุงให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542[7]
Admissions ระยะที่ 1: องค์ประกอบ
GPAX
|
10%
|
GPA (กลุ่มสาระ)
|
20%
|
O-NET
|
35–70%
|
A-NET และ/วิชาเฉพาะไม่เกิน 3 วิชา
|
0–35%
|
- การพิจารณาของ ทปอ. ร่วมกับ สกอ. ได้ยึดหลักการแนวทางเพื่อกำหนดเป็นระบบกลางของการรับเข้าศึกษาต่อ มีสาระดังนี้
- ระบบใหม่จะต้องปรับเปลี่ยนจากระบบสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา เป็นระบบที่พิจารณาจากผลการเรียน และต้องเป็นระบบที่มีความยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้
- การพิจารณาผลการเรียนเพื่อการรับเข้าศึกษาต่อจะพิจารณาจากการวัดผลด้วยวิธีการและตามช่วงวลาต่าง ๆ ที่กำหนดในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 ตามกระบวนการปฏิรูปการศึกษา[8] [b]
- หลีกเลี่ยงการสอบเพิ่มเติม หรือแม้หากมีการสอบเพิ่มเติมกำหนดให้ไม่เกิน 3 วิชา
- การปรับปรุงระบบการคัดเลือกได้ดำเนินการมาโดยลำดับ ได้ข้อยุติเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2548 โดย ทปอ. ประกาศการใช้ระบบการคัดเลือกนี้ เริ่มตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 (ดูตารางขวามือ)
ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง ระยะที่ 2
ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง หรือ ระบบ Admissions ระยะที่ 2 ได้ประกาศใช้ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2553 โดยใช้ GPAX, GPA (กลุ่มสาระ), O-NET, และ PAT เป็นองค์ประกอบของเกณฑ์การคัดเลือก [2]
เนื่องจากระบบระยะที่ 1 ได้รับเสียงวิจารณ์เรื่องการให้สัดส่วนผลการเรียนมากเกินไป การรับเข้าศึกษาด้วยระบบ Admissions มีเป้าหมายว่า เมื่อดำเนินการเต็มรูปแบบ สถานศึกษาจะเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณารับเข้าและประกาศเกณฑ์อย่างทั่วถึง ผู้ที่สนใจจะสมัครเข้าศึกษาต่อสถาบันศึกษาใดจะต้องนำผลการสอบที่ สทศ. จัดสอบเพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกันและต้องไม่เพิ่มภาระแก่ผู้สมัคร ที่สามารถจะนำผลการสอบไปยื่นสมัครที่หน่วยคัดเลือกกลางที่มีกลไกดำเนินงานที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ
Admissions ระยะที่ 2: องค์ประกอบ
GPAX
|
20%
|
GAT
|
10–50%
|
O-NET (8 กลุ่มสาระ)
|
30%
|
PAT
|
0–40%
|
ในการปรับปรุงระบบ ทปอ. ได้มอบให้กลุ่มเสวนาการรับบุคคลเข้าศึกษาและการวัดผล (Admissions and Assessment Forum) ดำเนินการ โดยมีหลักการซึ่ง ทปอ. ให้พิจารณานำผลการเรียนและการสอบ PAT เป็นองค์ประกอบของการคัดเลือก ผลการเรียนประกอบด้วย GPAX และผลการสอบ O-NET ส่วน PAT จะแทนที่การสอบ A-NET และ/หรือวิชาเฉพาะ เนื่องจากหลักการของ PAT เป็นการทดสอบความถนัดทางการเรียนซึ่งไม่เน้นเนื้อหาวิชา จึงสามารถจัดสอบได้หลายครั้งในแต่ละปี
ทปอ. เห็นชอบองค์ประกอบการคัดเลือกปีการศึกษา 2553 ดังตารางทางขวามือ
ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง TCAS
ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง TCAS (Thai university Central Admission System) เป็นการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาใหม่ เริ่มใช้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 [9]
- ความเป็นมา
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) พิจารณาปรับรูปแบบการรับเข้าศึกษา โดยมีหลักการที่สำคัญ คือ ให้นักเรียนอยู่ในห้องเรียนจนจบหลักสูตร ให้จัดการสอบเพื่อการคัดเลือกได้หลังจากนักเรียนเรียนจบหลักสูตรโดยใช้ข้อสอบของส่วนกลาง และให้มีการบริหารสิทธิ์ในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย [10]: 6
- ทปอ.ได้รับหลักการและเสนอแนวทางการรับเข้าอุดมศึกษาแบบใหม่ โดยสถาบันอุดมศึกษาในเครือข่ายทปอ. 30 แห่ง ร่วมกันพิจารณากระบวนการคัดเลือกเข้าอุดมศึกษา เพื่อความเท่าเทียมกัน ซึ่งจะเริ่มใช้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นไป ด้วยหลักการ 3 ประการ [10]: 6
- ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎและที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ได้รับหลักการในการเข้าร่วมดำเนินการตามแนวทางนี้ด้วย [10]: 6
เกณฑ์การคัดเลือกและกระบวนการ
ระเบียนสถาบันอุดมศึกษา
การสอบเอ็นทรานซ์
การสอบเอ็นทรานซ์ (Entrance Examination) เป็นส่วนหนึ่งของระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง CUAS การสอบเอ็นทรานซ์เป็นการวัดความรู้เป็นหลัก โดยสำนักทดสอบกลาง ทบวงมหาวิทยาลัย ต่อมาคือ สำนักทดสอบกลาง สกอ. (สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ ในปัจจุบัน)
การจัดสอบเอ็นทรานซ์มีรายวิชาหลัก (วิชาความรูพื้นฐานวิชาการ) และวิชาเฉพาะ (วิชาพื้นฐานวิชาชีพ) จัดสอบปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 3 วัน เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2541 ผลของการสอบเอ็นทรานซ์ถูกใช้ในการนำคะแนนครั้งที่มากมาคำนวณจัดเรียงลำดับที่ของผู้สมัครแต่ละคน คะแนนของการสอบเอ็นทรานซ์มีอายุ 3 ปี[2][1]
วิชาสอบเอ็นทรานซ์
การสอบวิชาหลักและวิชาเฉพาะ (เรียกรวมว่า การสอบวัดความรู้ ) มีรายวิชาที่กำหนดไว้ตามความต้องการของแต่ละคณะหรือสาขาวิชาต่าง ๆ ในระบบอุดมศึกษาของประเทศไทย
- 01 ภาษาไทย
- 02 สังคมศึกษา
- 03 ภาษาอังกฤษ
- 04 คณิตศาสตร์ 1
- 05 เคมี
- 06 ฟิสิกส์
- 07 ชีววิทยา
- 08 วิทยาศาสตร์กายภาพชีวภาพ
- 09 คณิตศาสตร์ 2
- 10 ภาษาฝรั่งเศส
- 11 ภาษาเยอรมัน
- 12 ภาษาบาลี
- 13 ภาษาอาหรับ
- 14 ภาษาจีน
- 15 ภาษาญี่ปุ่น
|
- 16 ความถนัดทางวิศวกรรม (พื้นฐานทางวิศวกรรม)
- 17 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ (พื้นฐานสถาปัตย์)
- 18 ความถนัดทางวิชาชีพครู วัดแววความเป็นครู)
- 19 พลศึกษา
- 20 ดนตรีปฏิบัติ (ไทย)
- 21 ดนตรีปฏิบัติ (สากล)
- 22 ความถนัดทางศิลป์
- 23 ทฤษฎีทัศนศิลป์
- 24 ปฏิบัติทัศนศิลป์
- 25 ทฤษฎีนฤมิตศิลป์
- 26 ปฏิบัตินฤมิตศิลป์
- 27 ความรู้ทั่วไปทางศิลปวัฒนธรรม
- 28 ความสามารถทางศิลปะ
- 29 วาดเส้น
- 30 องค์ประกอบศิลป์
|
- 31 วาดเส้นมัณฑนศิลป์
- 32 ออกแบบภายใน
- 33 ออกแบบนิเทศศิลป์
- 34 ออกแบบผลิตภัณฑ์
- 35 ออกแบบประยุกต์ศิลป์
- 36 ออกแบบเครื่องเคลือบดินเผา
- 37 ความถนัดทางนิเทศศิลป์
- 38 ทฤษฎีดุริยางคศิลป์
- 39 ทฤษฎีนาฎยศิลป์
- 40 ปฏิบัตินาฎยศิลป์ (ไทย)
- 41 ปฏิบัตินาฎยศิลป์ (สากล)
|
เกณฑ์การคัดเลือกและกระบวนการ TCAS
- หลักเกณฑ์การคัดเลือกและกระบวนการที่สำคัญ
- การคัดเลือกของทั้งประเทศจะมี 5 รอบ [10]: 11–13 [11]
- การสอบคัดเลือกในแต่ละรอบเมื่อรับเสร็จจะทำการ Clearing คือ ผู้สมัคร 1 คน มี 1 สิทธิ์ในการยืนยันการเข้าศึกษต่อในสาขาที่สอบได้ เมื่อยืนยันแล้วระบบจะตัดชื่อออกจากการมีสิทธิ์สมัครสอบรอบต่อไป หากต้องการสมัครรอบต่อไปต้องสละสิทธิ์ก่อน หากมีการสมัครครั้งต่อไปโดยไม่สละสิทธิ์แล้วผ่านการคัดเลือกจะถือเป็นโมฆะ [10]: 13 ทั้งนี้มีปฏิทินกำหนดวันที่ทำการ Clearing แน่นอน ดังเช่นในประกาศของ ทปอ. ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2560 [11]
- คะแนนวิชาสามัญ มี 9 วิชา วิชาละ 100 คะแนน (มีการจัดสอบวิชาละ 1 ชั่วโมง 30 นาที จัดสอบ 2 วัน) [10] วิชารวม:
- สายวิทย์-ศิลป์ คือ ภาษาไทย สังคมศึกษาฯ ภาษาอังกฤษ
- สายวิทย์ 3+4 วิชา 700 คะแนน
- สายศิลป์ 3+2 วิชา 500 คะแนน
- คะแนน GAT/PAT มีอายุ 2 ปี [10]: 36
- สำหรับรอบที่ 3 (การรับตรงร่วมกัน) ทปอ. เป็นหน่วยกลางในการรับสมัคร ผู้สมัครสามารถเลือก 4 สาขาวิชา แบบไม่มีลำดับ [10]: 12
- สำหรับรอบที่ 4 (การรับแบบ Admission) ทปอ. เป็นหน่วยกลางในการรับสมัคร ผู้สมัครสามารถเลือก 4 สาขาวิชา แบบมีลำดับ โดยใช้เกณฑ์ค่าน้ำหนักตามที่ประกาศไว้ล่วงหน้า 3 ปี [10]: 12 - ดูเกณฑ์ค่าน้ำหนักที่ เกณฑ์การคัดเลือกเข้าอุดมศึกษาระบบกลาง
หลักเกณฑ์การคัดเลือก และกระบวนการ TCAS
รอบ
|
กระบวนการ
|
กลุ่มเป้าหมาย
|
ที่รับสมัคร
|
สอบข้อเขียน?
|
กำหนดเวลา
|
หมายเหตุ
|
ผู้สมัครทั่วไป
|
เฉพาะกลุ่ม
|
1
|
รับด้วย Portfolio
|
|
กลุ่มเฉพาะ 1 [c]
|
สถานศึกษา
|
ไม่
|
มีนาคม
|
ไม่มีการสอบข้อเขียน
|
2
|
รับแบบโควต้า
|
|
กลุ่มเฉพาะ 2 [d]
|
สถานศึกษา
|
อาจจะ
|
พฤษภาคม
|
มีการสอบข้อเขียนหรือข้อปฏิบัติ
|
3
|
รับตรงร่วมกัน
|
|
กลุ่มเฉพาะ 3 [e]
|
ทปอ.
|
ใช่
|
มิถุนายน
|
|
4
|
รับแบบ Admissions
|
|
|
ทปอ.
|
ใช่
|
กรกฎาคม
|
ใช้เกณฑ์แต่ละสาขาเหมือนกัน [f]
|
5
|
รับตรงอิสระ
|
|
|
สถานศึกษา
|
อาจจะ
|
ปลายกรกฎาคม
|
|
- คุณสมบัติของผู้สมัครและเงื่อนไข TCAS
- จบการศึกษามัธยมตอนปลายหรือเทียบเท่า (กศน. และ ปวช.)
- มีระเบียน (ใบรับรองผลการศึกษา) แสดงผลการเรียนที่แสดงค่าผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (GPAX) 6 ภาคการศึกษา ที่ระบุวันที่จบภายในวันสุดท้ายของการรับสมัครแอดมิชชั่นกลาง [12]
- เลือกเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาได้ 4 อันดับ (สาขาวิชา) [12]
- มีคุณสมบัติเฉพาะ (ถ้ามี) ในหนังสือระเบียบการคัดเลือกฯ ซึ่มีรายละเอียดตามที่มหาวิทยาลัยแค่งละแห่งเป็นผู้กำหนด [12]
เกณฑ์การคัดเลือกเข้าอุดมศึกษาระบบกลาง
ระบบการตัดเลือกเข้าอุดมศึกษาระบบกลาง (Admissions) เป็นระบบที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) รับผิดชอบในการจัดการทดสอบวัดความรู้พื้นฐาน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2549
เกณฑ์การคัดเลือก จากการสอบมีการเปลี่ยนแปลงในชนิดการทดสอบ และค่าน้ำหนัก ดังตารางข้างล่างนี้ ในช่วงปีการศึกษา 2549 - 2561 ตามข้อมูลต่อไปนี้
เกณฑ์การคัดเลือกเข้าอุดมศึกษา
|
องค์ประกอบ
|
ค่าน้ำหนัก ระบบ Admissions กลาง
|
หมายเหตุ
|
2549
|
2550
|
2551
|
2553-2559
|
2561
|
[g]
|
GPAX
|
10%
|
10%
|
10%
|
20%
|
20%
|
|
[h]
|
GPA (กลุ่มสาระ)
|
20%
|
30%
|
40%
|
|
|
[i]
|
O-NET
|
35–70%
|
60%
|
50%
|
30%
|
30%
|
[j]
|
A-NET และ/วิชาเฉพาะไม่เกิน 3 วิชา
|
0–35%
|
|
|
|
|
[k]
|
GAT
|
|
|
|
10-50%
|
10-50%
|
[l]
|
PAT
|
|
|
|
0-40%
|
0-40%
|
ค่าน้ำหนักกลุ่มสาขาวิชา TCAS 4
ค่าน้ำหนักขององค์ประกอบ (GPAX, O-NET, GAT, PAT) ตามกลุ่มสาขาในการคัดเลือกเข้าสถาบันอุดมศึกษา เมื่อปีการศึกษา 2561 [15]
PAT
1: คณิตศาสตร์
2: วิทยาศาสตร์
3: วิศวกรรมศาสตร์
4: สถาปัตยกรรมศาสตร์
5: วิชาชีพครู
6: ศิลปกรรมศาสตร์
7.1: ภาษาฝรั่งเศส
7.2: ภาษาเยอรมัน
7.3: ภาษาญี่ปุ่น
7.4: ภาษาจีน
7.5: ภาษาอาหรับ
7.6: ภาษาบาลี
7.7: ภาษาเกาหลี
|
ระบบกลาง TCAS รอบ 4 : กลุ่มสาขาวิชาและค่าน้ำหนัก
#
|
กลุ่มสาขา
|
สาขา
|
GPAX
|
O-NET
|
GAT
|
PAT
|
หมายเหตุ
|
01 |
วิทยาศาสตร์สุขภาพ |
|
|
- ดูรายชื่อสาขาในคอลัมน์ 'สาขา'
|
[m]
|
20% |
30% |
20% |
30% |
PAT 2
|
- ทันตแพทยศาสตร์
|
|
20% |
30% |
20% |
30% |
|
- เภสัชศาสตร์
|
|
20% |
30% |
10% |
40% |
PAT 2
|
02
|
วิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพ
|
|
- วิทยาศาสตร์, ทรัพยากรธรรมชาติ
|
|
20% |
30% |
10% |
40% |
|
- เทคโนโลยีสารสนเทศ
|
|
20% |
30% |
10% |
40% |
|
03
|
วิศวกรรมศาสตร์
|
|
20% |
30% |
15% |
35% |
|
04
|
สถาปัตยกรรมศาสตร์
|
|
20% |
30% |
10% |
40% |
PAT 4
|
05
|
เกษตรศาสตร์
|
[n]
|
20% |
30% |
10% |
40% |
|
06
|
บริหารธุรกิจ พาณิชย์ศาสตร์ การบัญชี การจัดการ การท่องเที่ยว และเศรษฐศาสตร์
|
|
- บริหารธุรกิจ |พาณิชยศาสตร์ การบัญชี เศรษฐศาสตร์
|
|
20% |
30% |
30% |
20% |
PAT 1
|
- การท่องเที่ยวและการโรงแรม รูปแบบที่ 1
|
|
20% |
30% |
50% |
|
|
- การท่องเที่ยวและการโรงแรม รูปแบบที่ 2
|
|
20% |
30% |
40% |
10% |
PAT 7 (เลือก 1 วิชา)
|
07
|
ครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์
|
[o]
|
|
- รูปแบบที่ 1
|
|
20% |
30% |
20% |
30% |
PAT 5
|
- รูปแบบที่ 2
|
|
20% |
30% |
|
20% |
PAT 1/2/3/4/6/7 (เลือก 1 วิชา)
|
08
|
ศิลปกรรมศาสตร์ วิจิตรศิลป์ และประยุกต์ศิลป์
|
[p]
|
20% |
30% |
10% |
40% |
PAT 4 หรือ PAT 6 (เลือก 1 วิชา)
|
09
|
สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
|
[q]
|
|
- พื้นฐานวิทยาศาสตร์
|
|
20% |
30% |
30% |
20% |
PAT 1
|
- พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 1
|
|
20% |
30% |
50% |
|
|
- พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2
|
|
20% |
30% |
30% |
20% |
PAT 7 (เลือก 1 วิชา)
|
ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตามกลุ่มสาระการเรียนรู้
ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ หรือ GPA กลุ่มสาระฯ คือ ผลการเรียนเฉลี่ยของวิชาพื้นฐาน และวิชาเลือก ที่ได้เรียนมาตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย เฉพาะในสาระการเรียนรู้นั้น
กลุ่มสาระการเรียนรู้'
- 21 ภาษาไทย
- 22 สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
- 23 ภาษาต่างประเทศ
- 24 คณิตศาสตร์
- 25 วิทยาศาสตร์
- 26 สุขศึกษาและพลศึกษา
- 27 ศิลปะ
- 28 การงานอาชีพและเทคโนโลยี
|
เช่น หากได้เรียนวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม ก็จะนำผลการเรียนไปคิดอยู่ในกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ หรือหากเรียนวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐานและวิชาภาษาเยอรมัน ก็จะนำไปคิดอยู่ในกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ เป็นต้น
แต่ละคณะจะกำหนดกลุ่มสาระและค่าน้ำหนัก (เป็น %) ของกลุ่มสาระที่จะนำ GPA มาพิจารณาให้มีความสอดคล้องกับสาขาที่จะศึกษาต่อ โดยส่วนใหญ่จะนำ GPA ของวิชาภาษาไทย สังคมศึกษาฯ ภาษาต่างประเทศ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์มาใช้ แต่คณะมนุษยศาสตร์ก็มักจะไม่ใช้ GPA คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มาในการพิจารณา
เมื่อนักเรียนจบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ช่วงชั้นที่ 4) จะได้รับใบแสดงผลการเรียน (ปพ.) ซึ่งบอกทั้ง GPAX และ GPA กลุ่มสาระอยู่แล้ว จึงไม่ต้องคำนวณเอง
การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน
การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต (O-NET) โดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ จัดสอบตามสาระการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ โอเน็ต วัดผลการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในช่วงชั้นที่ 4 จัดสอบ 5 กลุ่มสาระ ได้แก่ [16]
- ภาษาไทย
- คณิตศาสตร์
- วิทยาศาสตร์
- ภาษาอังกฤษ
- สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
แต่ละปีมีการจัดสอบโอเน็ตเพียงครั้งเดียว เวลาสอบวิชาละ 2 ชั่วโมง
- ตัวอย่างเนื้อหาสาระหลัก [r]
01 ภาษาไทย
02 สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
|
03 ภาษาอังกฤษ - การใช้ภาษาและคำศัพท์
- การอ่าน
- การเขียน
- การพูด
04 คณิตศาสตร์
05 วิทยาศาสตร์
|
การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง
- การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นสูง (Advanced National Educational Test; A-NET) เป็นการสอบความรู้ขั้นสูง 6 ภาคเรียน ทดสอบเฉพาะนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ประสงค์จะเข้าศึกษาสถาบันอุดมศึกษาในระบบแอดมิชชั่น จำนวนวิชาสอบ 11 วิชา ตามแต่ละคณะที่กำหนด มีช่วงเวลาสอบในเดือนตุลาคมและเดือนมีนาคมของทุกปี ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2553 ได้ยกเลิกการสอบเอเน็ตแล้วเปลี่ยนไปใช้การทดสอบความถนัดทั่วไป วิชาชีพและวิชาการ (GAT-PAT) แทน รวมมีการจัดสอบเอเน็ตทั้งหมด 4 ครั้ง
เอเน็ต (A-NET) เป็นการสอบสำหรับผู้ประสงค์จะเข้าศึกษาสถาบันอุดมศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 (ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง ระยะที่ 1)
การสอบวิชาเฉพาะ
วิชาเฉพาะ'
ภาษาต่างประเทศ
|
- 31 ภาษาฝรั่งเศส
- 32 ภาษาเยอรมัน
- 33 ภาษาบาลี
- 34 ภาษาอาหรับ
- 35 ภาษาจีน
- 36 ภาษาญี่ปุ่น
|
ความถนัด
|
- 37 ความถนัดทางวิศวกรรม (พื้นฐานทางวิศวกรรม)
- 38 ความถนัดทางสถาปัตยกรรม
- 39 ความถนัดทางวิชาชีพครู (วัดแววความเป็นครู)
- 40 ความรู้ความถนัดทางศิลป์
- 41 ทฤษฎีทัศนศิลป์
- 42 ปฏิบัติทัศนศิลป์
- 43 ทฤษฎีนฤมิตศิลป์
- 44 ปฏิบัตินฤมิตศิลป์
- 45 วาดเส้น
- 46 องค์ประกอบศิลป์
- 47 ความถนัดทางนิเทศศิลป์
|
วิชาเฉพาะมีลักษณะเดียวกับ A-NET คือ ขึ้นอยู่กับความต้องการของคณะหรือสาขาวิชา แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ภาษาต่างประเทศ และความถนัด
- สำหรับปีการศึกษา 2548 สทศ. จัดสอบวิชาเฉพาะ (ภาษาต่างประเทศ) พร้อมกับการสอบ O-NET และ A-NET ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม พ.ศ. 2549
- สำหรับปีการศึกษา 2548 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้เป็นผู้จัดสอบวิชาเฉพาะ (ความถนัด) ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2548
- ปี พ.ศ. 2552 เป็นปีสุดท้ายที่มีการใช้ A-NET และปี พ.ศ. 2553 เป็นต้นไปได้ใช้ GAT (ความถนัดทั่วไป) และ PAT (ความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ) แทน
ขั้นตอนของระบบแอดมิสชันส์
ระบบแอดมิสชันส์: กลุ่มสาขาวิชา
- วิทยาศาสตร์สุขภาพ
- วิทยาศาสตร์กายภาพ เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม พลังงาน และทรัพยากร
- วิศวกรรมศาสตร์
- สถาปัตยกรรมศาสตร์
- เกษตรศาสตร์
- บริหารธุรกิจพาณิชย์ศาสตร์ การบัญชี การจัดการ การท่องเที่ยว และเศรษฐศาสตร์
- ครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์
- ศิลปกรรมศาสตร์ วิจิตรศิลป์ และประยุกต์ศิลป์
- สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
|
ขั้นตอนของแอดมิสชันส์ต่อไปนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการคัดเลือก ระบบ Admissions ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นไปใช้ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง TCAS
- ทดสอบแบบทดสอบต่าง ๆ ตามที่แต่ละคณะ/สาขาวิชาได้กำหนดไว้ให้ครบถ้วน
- สมัครและเลือกคณะที่ต้องการศึกษาต่อผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยเลือกได้ไม่เกิน 4 อันดับ และชำระค่าสมัครผ่านทางธนาคารหรือไปรษณีย์
- ระบบการคัดเลือกจะนำคะแนนขององค์ประกอบต่าง ๆ มาคำนวณเพื่อตัดสินผลตามอันดับที่ผู้มัครได้เลือกไว้ การคำนวณนี้จะใช้ค่าน้ำหนักขององค์ประกอบตามกลุ่มสาขาที่เลือก (ดูตารางขวามือ) แต่ละปีอาจมีการเปลี่ยนแปลงค่าน้ำหนักตามข้อตกลงร่วมกันของสถาบันอุดมศึกษา, ทปอ. และ สกอ.
- องค์ประกอบของการพิจารณาคัดเลือก
- - ปีการศึกษา 2549-2552 : GPAX, GPA (กลุ่มสาระฯ ), O-NET และ A-NET
- - ปีการศึกษา 2553-2560 : GPAX, GPA (กลุ่มสาระฯ ), O-NET และ PAT
- สอบสัมภาษณ์และตรวจร่างกาย
- ประกาศผลการคัดเลือก โดย สกอ. หรือ ทปอ. หรือองค์กรตัวแทน
ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษา โดยรับตรง
ระบบรับตรง เป็นวิธีคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา โดยจะใช้ระเบียบของแต่ละสถาบันในการคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถเฉพาะทาง และเปิดโอกาสทางการศึกษา โดยทั่วไปสถาบันแต่ละแห่งมักจะพิจารณาด้วยเกณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นกับความต้องการของคณะหรือสาขาวิชา อาทิเช่น [17]
- ประวัติผลงาน (Portfolio) ที่แสดงศักยภาพเชิงวิชาการ และผลการเรียนเฉลี่ยรวมในกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามที่กำหนด (สาขาวิศวกรรมสำรวจและสารสนเทศภูมิศาสตร์ ภาคพิเศษ)
- ประวัติผลงานเกี่ยวกับคหกรรมศาสตร์, ประสบการณ์ที่สะท้อนความสนใจในวิชาชีพครูหรือคหกรรมศาสตร์, และเรียงความแสดงเจตจำนงในการเข้าศึกษา (Statement of Purpose) (สาขาคหกรรมศาสตรศึกษา)
- ประวัติผลงานมีการได้รับรางวัลทางด้านภาษาไทยระดับภูมิภาคขึ้นไป (สาขาภาษาไทย)
- หลักฐานที่แสดงว่ามีประสบการณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวหรือกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ หรือได้รับรางวัลจากการแข่งขันหรือการประกวดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวหรือกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ (สาขานวัตกรรมการท่องเที่ยว)
- เรียงความ "แรงบันดาลใจในการเข้าศึกษาต่อสาขาการจัดการโรงแรมและท่องเที่ยว" (สาขาการจัดการโรงแรมและท่องเที่ยว ภาคพิเศษ)
เชิงอรรถ
- ↑ ตามคำสั่งทบวงมหาวิทยาลัย ที่ 90/2542 คณะกรรมการศึกษา ตรวจสอบ และพัฒนาการนำผลการเรียนในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายมาใช้ในการคัดเลือกผู้สมัครเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ประกอบด้วยผู้แทนกรมวิชาการ ผู้แทนกรมสามัญศึกษา (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในปัจจุบัน) ผู้แทนคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ร่วมเป็นอนุกรรมการ
- ↑ เหตุผลที่ต้องปรับระบบการคัดเลือกในปีการศึกษา 2549 เนื่องจากเป็นปีที่นักเรียนเรียนจบตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 เป็นรุ่นแรกและเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2549)
- ↑ กลุ่มเฉพาะ 1: ผู้สมัครที่มีความสามารถพิเศษ ผู้สมัครโควตา ผู้สมัครเครือข่าย
- ↑ กลุ่มเฉพาะ 2: ผู้สมัครที่อยู่ในเขตพื้นที่หรือภาคโควตาโรงเรียนในเครือข่าย โครงการความสามารถพิเศษ และโควตา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
- ↑ กลุ่มเฉพาะ 3: โครงการ กสพท. โครงการอื่น ๆ
- ↑ โดยใช้เกณฑ์แต่ละสาขาเหมือนกัน (ตามเกณฑ์ค่าน้ำหนักที่กำหนดไว้ 3 ปี แล้ว), ดูเกณฑ์การสอบ และค่าน้ำหนักที่: เกณฑ์การคัดเลือกเข้าอุดมศึกษาระบบกลาง
- ↑ GPAX : ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษา ตอนปลาย หรือเทียบเท่า
- ↑ GPA (กลุ่มสาระ) : ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษา ตอนปลายตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ (GPA กลุ่มสาระ 3 - 5 กลุ่ม จาก 8 กลุ่ม
- ↑ O-NET : ผลการสอบทางศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (Ordinary National Educational Test)
- ↑ A-NET : ผลการสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง (Advanced National Educational Test) และ/วิชาเฉพาะไม่เกิน 3 วิชา;
- ↑ GAT : ผลการทดสอบความถนัดทั่วไป
- ↑ PAT : ผลการทดสอบความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ
- ↑ 01 วิทยาศาสตร์สุขภาพ,
- สัตวแพทยศาสตร์
- สหเวชศาสตร์
- สาธารณสุขศาสตร์
- เทคนิคการแพทย์
- พยาบาลศาสตร์
- วิทยาศาสตร์กีฬา
- ↑ 05 เกษตรศาสตร์
- เกษตรศาสตร์
- อุตสาหกรรมเกษตร
- วนศาสตร์
- เทคโนโลยีเกษตร
- ↑ 07 ครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์,
- ครุศาสตร์
- ศึกษาศาสตร์
- พลศึกษา
- สุขศึกษา
- ↑ 08 ศิลปกรรมศาสตร์,
- ศิลปกรรมศาสตร์
- วิจิตรศิลป์
- ศิลปประยุกต์
- ดุริยางคศิลป์
- นาฏศิลป์
- ศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์
- ศิลปะการออกแบบหัตถอุตสาหกรรม
- ↑ 09 สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์,
- มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
- นิเทศศาสตร์
- วารสารศาสตร์
- อักษรศาสตร์
- ศิลปศาสตร์
- มนุษยศาสตร์
- รัฐศาสตร์
- นิติศาสตร์
- สังคมวิทยา
- สังคมสงเคราะห์ศาสตร์
- ↑ ข้อสอบ O-NET ฉบับหนึ่ง ๆ จะมีคำถาม 75-100 ข้อ เฉพาะในวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์จะเป็นข้อสอบที่มีทั้งปรนัยและอัตนัย มีประมาณ 10% เป็นคำถามตอบสั้น
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น