ระวังสับสนกับ
ศึกลำน้ำเลือด (大運河) ซีรีส์ประวัติศาสตร์จีน ออกอากาศเมื่อปี 1987
แผนที่คลองใหญ่ในสมัยราชวงศ์สุย
คลองใหญ่ (อังกฤษ : Grand Canal ) หรือ ต้า-ยฺวิ่นเหอ (จีนตัวย่อ : 大运河 ; จีนตัวเต็ม : 大運河 ; พินอิน : Dà Yùnhé ) ขุดในสมัยราชวงศ์สุย เริ่มขุดตั้งแต่ปี ค.ศ. 587 และใช้เวลาขุดกว่า 30 ปี ใช้แรงงานมนุษย์กว่า 6 ล้านคน จุดประสงค์เพื่อการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยวดินแดนเจียงหนาน (ภาคใต้บริเวณปากแม่น้ำแยงซี ) และเพื่อเชื่อมต่อดินแดนภาคเหนือและใต้เข้าด้วยกัน โดยให้ลั่วหยาง เป็นศูนย์กลาง เริ่มจากอำเภอจั๋วจวิน (ปักกิ่ง ปัจจุบัน) จนถึงเมืองอู๋หาง (หางโจว ปัจจุบัน) เชื่อมต่อกับแม่น้ำ ใหญ่ ๆ 5 สายในจีน อันได้แก่ แม่น้ำไห่เหอ แม่น้ำฮวงโห แม่น้ำหวยเหอ แม่น้ำแยงซี และแม่น้ำเฉียนถังเจียง มีความยาวกว่า 2,500 กิโลเมตร นับเป็นคลองขุดแรงงานมนุษย์ที่มีความยาวที่สุดในโลก[ 1] โดยแบ่งการขุดเป็น 4 ส่วน ได้แก่ คลองทงจี้ คลองหาน คลองหย่งจี้ และลำน้ำเจียงหนาน[ 2]
คลองทงจี้ เริ่มจากนครลั่วหยาง เข้าสู่แม่น้ำฮวงโห ไปเชื่อมแม่น้ำหวยเหอที่ไหลผ่านซันหยาง (หวยอานปัจจุบัน) ต่อไปยัง คลองหาน ซึ่งเป็นคลองขุดโบราณจากยุคชุนชิว ในสมัยราชวงศ์โจว ซึ่งผู้ครองแคว้นหวู่ได้สั่งให้ขุดขึ้นตั้งแต่ 486 ปีก่อนคริสตกาล[ 3] เชื่อมลำน้ำหวยเหอกับแม่น้ำแยงซี ที่เมืองเจียงตู (หยางโจวปัจจุบัน) รวมระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร จากทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียง ขุดไปเชื่อมกับ ลำน้ำเจียงหนาน ถึงเมืองอู๋หาง (หางโจว ปัจจุบัน) ระยะทางกว่า 500 กิโลเมตร ส่วนทางเหนือได้มีการขุด คลองหย่งจี้ เริ่มจากลั่วโข่วใกล้เมืองลั่วหยาง ขึ้นเหนือสู่จั๋วจวิน (ปักกิ่ง ปัจจุบัน) ระยะทาง 1,000 กิโลเมตร รวมกับลำคลองเล็กๆ อีกมากมาย เชื่อมโยงเข้าด้วยกันหมดเป็นเครือข่ายครอบคลุมทั้งเหนือใต้ ภาษีผ่านด่านตามคลอง อิฐ และไม้สำหรับสร้างพระราชวังก็ถูกส่งไปยังเมืองหลวง ตามคลองสายนี้[ 4]
ถึงสมัยราชวงศ์หยวน มีการย้ายเมืองหลวง ไปยังปักกิ่ง ทำให้มีการขุดคลองไปยังหางโจว อีกสายหนึ่ง ย่นระยะทางลงกว่า 700 กิโลเมตร เหลือเพียง 1,800 กิโลเมตร ซึ่งก็คือส่วนที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน
ต่อมาในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อ แห่งราชวงศ์หมิง ได้มีการขุดลอกบูรณะคลองต้า-ยฺวิ่นเหอให้กว้างและลึกขึ้นเป็นระยะทาง 130 ไมล์ สร้างประตูน้ำ 36 แห่ง โดยใช้แรงงานกว่า 3 แสนคน ใช้เวลาตั้งแต่ ค.ศ. 1411 ถึง ค.ศ. 1415[ 3] ปัจจุบันคลองใหญ่มีอยู่หลายช่วงที่ล่องเรือผ่านไปไม่ได้ และไม่ได้ใช้เป็นเส้นทางคมนาคมค้าขาย แต่ก็ยังคงเป็นเส้นทางล่องเรือท่องเที่ยวที่สำคัญของจีน
มรดกโลก
คลองใหญ่ ได้ลงทะเบียนเป็นมรดกโลก ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 38 เมื่อปี พ.ศ. 2557 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังนี้
(ii) - เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใด ๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
(iii) - เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
(iv) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
(vi) - มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์
อ้างอิง
ข้อมูล
Chisholm, Hugh, บ.ก. (1911). "China" . สารานุกรมบริตานิกา ค.ศ. 1911 . Vol. 6 (11 ed.). สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์. p. 168.
Benn, Charles. (2002). China's Golden Age: Everyday Life in the Tang Dynasty . Oxford University Press. ISBN 0-19-517665-0 .
Bishop, Kevin (1997). China's Imperial Way . Hong Kong: Odyssey.
Bowman, John S. (2000). Columbia Chronologies of Asian History and Culture . New York: Columbia University Press.
Brook, Timothy . (1998). The Confusions of Pleasure: Commerce and Culture in Ming China . Berkeley: University of California Press. ISBN 0-520-22154-0
Carles, W.R. (1900). The Grand Canal of China . Shanghai: Journal of the North China Branch RAS, Vol. 31, pp. 102–115, 1896-1897 volume, but actually published in 1900.
Ebrey, Patricia Buckley (1999). The Cambridge Illustrated History of China . Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 0-521-66991-X (paperback).
Fairbank, John King and Merle Goldman (1992). China: A New History; Second Enlarged Edition (2006). Cambridge: MA; London: The Belknap Press of Harvard University Press. ISBN 0-674-01828-1
Gandar, Dominique (1903). Le Canal Imperial: Etude Historique et Descriptive . Shanghai: Imprimerie de la Mission Catholique. Variétés Sinologiques No. 4.
Garnett, J.W. (1907). Report by Mr. J.W. Garnett of a Journey through the Provinces of Shantung and Kiangsu . British Parliamentary Papers, China No.1, CD3500. London: HMSO.
Hinton, Harold C. (1956). The Grain Tribute System of China (1845-1911) . Cambridge: Harvard University Press.
Liao Pin, ed. (1987). The Grand Canal: An Odyssey . Beijing: Foreign Languages Press.
Martin, W.A.P. (1897). A Cycle of Cathay .
Needham, Joseph . (1986). Science and Civilization in China: Volume 4, Physics and Physical Technology, Part 3, Civil Engineering and Nautics . Taipei: Caves Books, Ltd. ISBN 0-521-07060-0
New China News Ltd. (1984). The Grand Canal of China . Hong Kong: South China Morning Post Ltd.
Staunton, George (1797). An Authentic Account of an Embassy ...to the Emperor of China .
China’s Ancient Lifeline เก็บถาวร 2018-01-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน published May 2013 National Geographic magazine
中国运河, 竞放、杜家驹 主编, 金陵书社 1997年 ; China's Canal , Jing Fang and Du Jiaju eds, Jinling Book Society, 1997.
แหล่งข้อมูลอื่น
ทางวัฒนธรรม ทางธรรมชาติ แบบผสม หมายเหตุ: ใช้ชื่อตามที่ได้เสนอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก
30°15′41″N 120°13′26″E / 30.26139°N 120.22389°E / 30.26139; 120.22389