ธวัชชัย อนามพงษ์
ธวัชชัย อนามพงษ์ (เกิด 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี 8 สมัย อดีตประธานคณะกรรมาธิการส่งเสริมราคาผลผลิตเกษตรกรรม ในสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 24 อดีตประธานสภาจังหวัดตราดและจังหวัดจันทบุรี ประวัติธวัชชัย อนามพงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ที่ตำบลรำพัน อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี จบการศึกษาชั้นประถมศึกษา จากโรงเรียนเทศบาลบ้านป่าแดง และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนท่าใหม่ "พูลสวัสดิ์ราษฎร์นุกูล" ด้านครอบครัว สมรสกับนางกณิกา อนามพงษ์ มีบุตรชายคือ นายแสนคม อนามพงษ์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี เขต 3 พรรคเพื่อไทย งานการเมืองธวัชชัย อนามพงษ์ เป็นสมาชิกสภาจัหวัด และเคยได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราดและจังหวัดจันทบุรี ต่อมาได้เข้าสู่งานการเมืองระดัยชาติ โดยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 จากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2529 ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2531 และ พ.ศ. 2535 (มีนาคม) ได้ย้ายมาสังกัดพรรคประชากรไทย และได้รับเลือกตั้งทั้ง 2 ครั้ง แต่ในปี พ.ศ. 2535 (กันยายน) เขาไม่ได้รับเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2538 เขาย้ายมาลงสมัครรับเลือกตั้งในสังกัดพรรคชาติพัฒนา และได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 4 รวมถึงในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 และ พ.ศ. 2544 เป็นสมัยที่ 5-6 และเมื่อพรรคชาติพัฒนา ยุบรวมกับพรรคไทยรักไทยแล้ว เขาจึงอยู่ในสังกัดพรรคไทยรักไทยไปด้วย ในปี 2548 เขาย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทย และลงสมัครรับเลือกตั้งแต่แพ้ให้กับผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทย คือ นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ เขาได้รับเลือกตั้งอีกครั้งเป็นสมัยที่ 7 ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงในปี พ.ศ. 2554 และเขาได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมาธิการส่งเสริมผลผลิตเกษตรกรรม ในสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 24 กระทั่ง พ.ศ. 2561 นายธวัชชัยให้สัมภาษณ์ว่าได้ย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์มาสังกัด พรรครวมพลังประชาชาติไทย[1] แต่ในเวลาต่อมาได้ย้ายมาสังกัด พรรคพลังประชารัฐ [2][3] เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง[4] ในปี พ.ศ. 2564 ได้ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ และสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
|