ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์
ศาสตราจารย์ ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ (เกิดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2514) เป็นนักวิชาการ นักเขียน นักรัฐศาสตร์และอดีตนักการทูตชาวไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555[1] อดีตนักวิจัยและนักวิชาการ สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์[2][3] ปัจจุบันเป็นผู้ลี้ภัยการเมืองซึ่งพำนักอยู่ที่ นครเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ประวัติปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เกิดวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2514 ที่กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ระดับปริญญาตรีจากภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระดับปริญญาโทและระดับปริญญาเอกจากวิทยาลัยบูรพคดีศึกษาและการศึกษาแอฟริกา มหาวิทยาลัยลอนดอน ปวินเริ่มทำงานครั้งแรกในฐานะสื่อมวลชนของจส.100 และเป็นสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้นจึงลาออกและสอบคัดเลือกเพื่อเข้ารับราชการที่กระทรวงการต่างประเทศเมื่อพ.ศ. 2537 และเมื่อสอบได้แล้วจึงเลือกสังกัดกรมเอเชียตะวันออกตามคำชวนของดอน ปรมัตถ์วินัย อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ปวินเลือกอยู่หน่วยประเทศญี่ปุ่น จึงย้ายไปอาศัยอยู่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาสั้นๆ จากนั้นในพ.ศ. 2540 เขาลาราชการไปศึกษาต่อที่สหราชอาณาจักรในระดับปริญญาโทและเอก ต่อมาในพ.ศ. 2545 เขาเดินทางกลับไทยมาทำงานที่กระทรวงช่วงหนึ่ง ก่อนที่จะย้ายไปประจำประเทศสิงคโปร์ ปวินลาออกจากราชการเมื่อพ.ศ. 2553 แล้วผันตัวเป็นนักวิชาการของสถาบันแห่งหนึ่งในประเทศสิงคโปร์ ต่อมาในพ.ศ. 2555 เขาย้ายไปทำงานในฐานะอาจารย์ประจำศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาของมหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น จนถึงปัจจุบัน เคลื่อนไหวทางการเมืองวิกิซอร์ซ มีงานต้นฉบับเกี่ยวกับ:
เขาเป็นที่รู้จักจากการเป็นหนึ่งในนักวิชาการที่รณรงค์เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์และเรียกร้องให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยเขาเห็นว่าการใช้มาตรา 112 เป็นการที่ทำให้สถาบันกษัตริย์อ่อนแอลง และเป็นการนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายอนุรักษนิยม[4] เขาได้เป็นวิทยากรในหัวข้อ สถาบันกษัตริย์กับการเมืองไทย เมื่อปี พ.ศ. 2556 ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐ[5] ต่อมาศาลทหารออกหมายจับเขาฐานขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 5/2557[6] แต่เขาไม่ไปรายงานตัว วันที่ 4 สิงหาคม 2566 มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 431/2566 ห้ามนำเข้าหนังสือที่ปวินเขียน[7]ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 การแสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2561 เขาได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เฌอปราง อารีย์กุล สมาชิกวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอต จากกรณีที่เฌอปรางได้เป็นพิธีกรรับเชิญรายการเดินหน้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 4 กันยายน ปีเดียวกัน[8] ซึ่งเขาวิจารณ์ว่าเฌอปรางคือ "ผงซักฟอกเผด็จการ" และอาจเป็นการเลือกข้างทางการเมืองได้[9] และมีบุคคลที่แสดงความคิดเห็นในทางเดียวกันกับเขา เช่น รังสิมันต์ โรม, ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, ศรัณย์ ฉุยฉาย, สมบัติ บุญงามอนงค์[10] ทั้งนี้เขายังมีความขัดแย้งกับพรรคอนาคตใหม่เนื่องมาจากการที่พรรคแถลงว่าเฌอปรางมีสิทธิ์ที่จะเลือกข้างทางการเมือง[11][12] ปัจจุบัน ปวิน ได้เกิดความขัดแย้งกับ อดีตผู้ร่วมอุดมการณ์มากมายเช่น ศรัณย์ ฉุยฉาย ณัฏฐา มหัทธนา จักรภพ เพ็ญแข และ ลักขณา ปันวิชัย เนื่องจากมีการออกมาโจมตีกัน นอกจากนี้ ปวินยังเป็นผู้จัดตั้งกลุ่ม "รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส" ในเฟซบุ๊ก[13] กลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส - ตลาดหลวงในเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 ปวินได้สร้างกลุ่มส่วนตัวในเฟซบุ๊กโดยใช้ชื่อว่า "รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส" เพื่อให้เป็นเวทีสำหรับการอภิปรายเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื้อหามีการผสมผสานตั้งแต่โฆษณาธุรกิจ วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ไปจนถึงการล้อเลียนเสียดสี[14] โดยในกลุ่มมีสมาชิกกว่า 1 ล้านบัญชี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2563 กลุ่มถูกปิดกั้นการเข้าถึงในประเทศไทย โดยที่หน้ากรุ๊ปเพจปรากฏข้อความว่า "กลุ่มนี้ถูกจำกัดการเข้าถึงในประเทศไทยสืบเนื่องจากคำร้องขอทางกฎหมายจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม" ซึ่งก่อนหน้าที่จะไม่สามารถเข้าถึงได้ในประเทศไทย ปวินได้สร้างกลุ่มขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับสมาชิกจากกลุ่มเดิม โดยใช้ชื่อว่า "รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง"[15] เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ซีเอ็นเอ็น รายงานว่าทางเฟซบุ๊กเตรียมดำเนินการทางกฎหมายกับรัฐบาลไทย ระบุว่าการจำกัดการเข้าถึงดังกล่าวขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนและกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความเห็น ทั้งนี้ โฆษกของเฟซบุ๊กกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า “เฟซบุ๊กทำงานเพื่อปกป้องและคุ้มครองสิทธิผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกคน และกำลังเตรียมการดำเนินกฎหมายกับคำร้องขอนี้”[16][17] ผลงานผลงานทางวิชาการที่โดดเด่นปวินมีผลงานทางวิชาการเป็นจำนวนมาก แต่ผลงานทางวิชาการที่โดดเด่นที่สุด อาทิ
หนังสืออัตชีวประวัติ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น |