พรรคอนาคตใหม่
พรรคอนาคตใหม่ (อังกฤษ: Future Forward Party ย่อ: อนค.) เป็นอดีตพรรคการเมืองในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561 โดยธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และปิยบุตร แสงกนกกุล [14] และถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 และสมาชิกเดิมส่วนใหญ่ย้ายไปสังกัดพรรคก้าวไกล ประวัติธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองประธานบริหารบริษัทไทยซัมมิท และปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมทั้งผู้ร่วมจดจัดตั้งอีก 24 คน ยื่นจดแจ้งชื่อจัดตั้งพรรคต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561 ในการประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ธนาธรได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคคนแรก และปิยบุตรได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรคคนแรก[15] พรรคอนาคตใหม่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้งให้มีสถานะเป็นพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2561 [16] บุคลากรคณะกรรมการบริหารพรรคคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ชุดแรก มีจำนวนทั้งสิ้น 17 คน ประกอบด้วย
ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่จำนวน 26 คน ดังนี้ [19][20]
บทบาททางการเมือง
ภายหลังการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 เสร็จสิ้น พรรคอนาคตใหม่ได้จำนวน สส. ทั้งสิ้น 81 คน และได้รับคะแนนมหาชนเป็นลำดับที่ 3 ของสภา และเนื่องจาก ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทยในขณะนั้นกล่าวว่า "กลไกที่พิการ" ทำให้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคจึงมีมติให้เสนอชื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน โดยธนาธรแถลงขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ได้แสดงสปริตที่น่ายกย่อง ไม่ยึดติดกับตำแหน่งและผลประโยชน์ เป็นการแสดงจุดยืนที่น่านับถือ และยังประกาศด้วยว่า "ผมพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี" ธนาธรกล่าวอีกว่า ตนจะเดินทางไปเตรียมพร้อมที่รัฐสภา หากได้รับอนุญาตให้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมก็พร้อม และจะยินดีมากหากจะมีการพูดถึงคุณสมบัติของผู้ท้าชิงทุกคน โดยยืนยันว่าคดีข้อร้องเรียนที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ไม่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี[21] ในวันเปิดสมัยประชุมสภาวันแรก พรรคอนาคตใหม่เสนอชื่อ เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง แข่งกับ สุชาติ ตันเจริญ จากพรรคพลังประชารัฐ[22] แต่แพ้ไปด้วยคะแนนเสียง 246 ต่อ 248[23] พรรคอนาคตใหม่นั้นมีความตั้งใจจะลงเลือกตั้งท้องถิ่น โดยเริ่มจากการประชันวิสัยทัศน์ เพื่อค้นหาผู้สมัครนายก อบจ.นนทบุรีในนามพรรคอนาคตใหม่ โดยผู้ที่ได้รับเลือกในครั้งนั้นคือ ไพบูลย์ กิจวรวุฒิ[24] ทว่าพรรคอาคตใหม่กลับถูกยุบเสียก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงทำให้ต้องไปลงในนามคณะก้าวหน้าแทน นโยบายนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ ได้แก่[25]
ฐานเสียงพรรคอนาคตใหม่มีจุดยืนต่อต้านรัฐประหารเช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย แต่ฐานเสียงของพรรคอนาคตใหม่จะเป็นกลุ่มที่อยู่นอกเหนือความขัดแย้งทางการเมืองในพุทธทศวรรษ 2540 และมองว่าชนชั้นนำหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 เป็นแอกของคนรุ่นใหม่ อีกทั้งพรรคอนาคตใหม่ยังมีภาพลักษณ์เป็นหน้าใหม่ในการเมืองไทย มีลักษณะประชากรส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางที่อาศัยอยู่ในเมือง นักศึกษา ผู้เบื่อหน่ายต่อความขัดแย้ง[26] อดีตสมาชิกพรรคที่มีชื่อเสียง
กิจกรรมอื่น ๆ ของพรรคนิวเจนเน็ตเวิร์คพรรคอนาคตใหม่มีกลุ่มย่อย คือ คณะกรรมการเครือข่ายเยาวชนคนรุ่นใหม่ หรือ นิวเจนเน็ตเวิร์ค (New Gen Network: NGN) ก่อตั้งโดย วิภาพรรณ วงษ์สว่าง หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และกรรมการบริหารพรรคในขณะนั้น นิวเจนเน็ตเวิร์คก่อตั้งเพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาททางสังคมการเมืองให้มากขึ้น โดยจะเคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ ซึ่งได้แสดงงานต่างๆมากมาย ที่กลุ่มสร้างสรรค์ขึ้นมา เพื่อสะท้อนปัญหาการเมืองและสังคม ในมุมมองของวัยรุ่น คือไม่ใช่สงครามการเมืองระดับชาติ แต่เป็นจุดเล็กๆ ที่ต้องการให้สังคมมองเห็นถึงปัญหา เช่น เรื่องการรับน้อง, การลดเกณฑ์อายุของคำว่าบรรลุนิติภาวะ, สิทธิของพระสงฆ์ในการเลือกตั้ง ฯลฯ ทว่า พฤศจิกายน 2561 กลุ่ม New-Dem ตัวแทนคนรุ่นใหม่ของฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ ได้ส่งจดหมายเชิญ ให้พรรคอนาคตใหม่ มาร่วมแข่งกีฬาสานความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมือง ในสโลแกน #เราไม่ท้าต่อยแต่เราท้าเตะ โดยในตอนแรก พรรคอนาคตใหม่ตอบตกลง โดยเป็นการตัดสินใจของผู้บริหาร ที่ไม่ได้ผ่านมติพรรค ซึ่งกลุ่ม NGN ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ ต่อมา 19 พฤศจิกายน พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐ จะเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาด้วย ทำให้ พรรคอนาคตใหม่ ถอนตัวจากการแข่งขันทันที เนื่องจาก ไม่ต้องการทำสังฆกรรมใดๆ กับพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับ คสช. จากประเด็นนี้ ทำให้กลุ่ม NGN ออกมาคอมเมนต์ว่า “พรรคน่าจะรู้ตัวได้ตั้งนานแล้ว” กระทั่ง 21 พฤศจิกายน กลุ่ม NGN ได้โพสต์แคมเปญ ขอเชิญชวนประชาชน และพรรคการเมืองทุกพรรค ยื่นข้อเสนอร่วมปฏิรูปกองทัพ หน้ากระทรวงกลาโหม พร้อมตั้งแฮชแท็กว่า#เราไม่ท้าเตะแต่ท้าปฏิรูปกองทัพ โดยในโพสต์นั้น ยังแท็ก พรรคอนาคตใหม่ด้วย หลังเหตุการณ์ดังกล่าว 27 พฤศจิกายน 2561 ผู้บริหารพรรคอนาคตใหม่มีคำสั่งให้คณะกรรมการเครือข่ายเยาวชนคนรุ่นใหม่จำนวนทั้งหมด 5 คนหยุดทำหน้าที่โดยทันที ประกอบด้วย วิภาพรรณ วงษ์สว่าง, นลัทพร ไกรฤกษ์, กันต์พงศ์ ทวีสุข, อัครพล ทองพูน และ เปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์ และจะมีการเลือกคณะกรรมการ NGN ชุดใหม่หลังการเลือกตั้งปี 2562 เสร็จสิ้น [27] โดยหลังประกาศนี้ออกมา วิภาพรรณ กับ เปรมปพัทธ ได้ประกาศลาออก และยุติบทบาทจากพรรคอนาคตใหม่ทุกกรณี[28] 29 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน ภายหลังจากการลาออก วิภาพรรณได้ออกมาวิพากย์วิจารณ์ถึงการทำงานภายในพรรค และขอตัดขาดกับพรรคอนาคตใหม่[29] เดอะฟิวเจอร์เฟสต์วันที่ 25 และ 26 มกราคม 2563 พรรคอนาคตใหม่ร่วมกับผู้สนับสนุนจัดงานเทศกาลดนตรี ศิลปะและวัฒนธรรม หรือ ฟิวเจอร์ เฟส 2020 (Future Fest 2020) ที่ The Link อโศก-มักกะสัน โดยมีการจัดงานในหัวข้อ “เปลี่ยนปัจจุบัน เปลี่ยนอนาคต” ตามด้วยหัวข้อเสวนาที่น่าสนใจ อาทิ THAITHAI : การส่งออกวัฒนธรรมไทยๆ ร่วมสมัย, The Final Countdown? : วิกฤตสิ่งแวดล้อมแห่งศตวรรษที่ 21, Design the People : ออกแบบคน ออกแบบอนาคต, สังคมอุดมสุรา : สุราไทยเมาไกลระดับโลก รวมถึงการเปิดตลาดขายของในชื่อตลาดไร้ขยะของคนไม่ยอมจำนน และการจัดแสดงงานศิลปะ อินสตอเลชั่น อาร์ต[30][31] การเลือกตั้งผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต 26 ที่นั่ง[32] และได้คะแนนมหาชนมากเป็นอันดับสามรองจากพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย และยังเป็นพรรคที่ได้คะแนนมหาชนมากที่สุดในกรุงเทพมหานคร หลังประกาศผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นการทางเสร็จสิ้น พรรคอนาคตใหม่ได้ สส. รวมกัน 88 ราย ก่อนที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะคำนวณจำนวน สส.บัญชีรายชื่อในสัดส่วนที่พึงมีใหม่ ทำให้จำนวน สส.ลดลงเหลือ 81 ราย[33] หลังการเลือกตั้ง พรรคอนาคตใหม่แถลงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคการเมืองอีก 6 พรรค ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคประชาชาติ, พรรคเศรษฐกิจใหม่, พรรคเพื่อชาติ, และ พรรคพลังปวงชนไทย และได้รับการเสนอชื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 30 มีนาคม พ.ศ. 2562 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค นำสมาชิกลงนามสัตยาบันยืนยันจุดยืนทางการเมืองของพรรค ซึ่งมีใจความว่า จะส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย คัดค้านระบอบรัฐประหาร[34] 10 กันยายน พ.ศ. 2562 จุมพิตา จันทรขจร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค จังหวัดนครปฐม เขต 5 ได้ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากปัญหาสุขภาพ จึงต้องมีการจัดการเลือกตั้งซ่อมในเขตนั้น ผลปรากฏว่า เผดิมชัย สะสมทรัพย์ จากพรรคชาติไทยพัฒนาชนะการเลือกตั้ง 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดสมาชิกภาพ ส.ส. และให้ตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อเว้นว่าง จึงมีผลให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมาแทนตำแหน่งที่ว่างลง ทำให้มานพ คีรีภูวดล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 51 พรรคอนาคตใหม่ เลื่อนลำดับขึ้นมา[35] ผลการเลือกตั้งทั่วไป
เลือกตั้งซ่อม
ข้อวิจารณ์พรรคอนาคตใหม่ถูกวิจารณ์เรื่องการที่มี สส. ในพรรค ลงมติในสภาสวนกับมติของพรรคอยู่หลายครั้ง ซึ่งต่อมาปรากฏพบว่ามี 4 คน ที่ประชุมวิสามัญของพรรคเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2562 จึงมีมติเสนอให้ที่ประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคขับทั้ง 4 คนออกจากพรรค[36] และที่ประชุมร่วมได้มีมติเมื่อวันรุ่งขึ้น (17 ธันวาคม) เห็นชอบตามข้อเสนอดังกล่าวอย่างเป็นเอกฉันท์[37] โดย 4 คนดังกล่าวมีดังนี้
ยุบพรรคตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคอนาคตใหม่และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง และห้ามจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง เมื่อวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 สืบเนื่องจากกรณีที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจำนวน 191 ล้านบาท ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 พรรคอนาคตใหม่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไปในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง และห้ามจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ภายหลังการยุบพรรคธนาธรและคณะกรรมการบริหารพรรคได้ตั้งกลุ่มคณะขึ้นมาใหม่โดยให้ชื่อว่า คณะอนาคตใหม่ ภายในวันเดียวกัน (ต่อมาในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้น คณะอนาคตใหม่ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "คณะก้าวหน้า" เพื่อเลี่ยงข้อกฎหมาย) [38] ส่วน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งได้รับมอบเข็มกลัดผู้นำพรรคจากธนาธร จะเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ และจะนำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรครวม 55 คนเข้าสังกัดพรรคนั้น โดยจะมีการประกาศชื่อในวันที่ 8 มีนาคม[39] โดยจะเป็นการย้ายเข้าไปสังกัดพรรคการเมืองที่จดทะเบียนกับทาง กกต. ไว้แล้วก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่สามัญของพรรคในช่วงต้นเดือนเมษายนเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค นโยบายพรรค และที่ทำการพรรค โดยจะย้ายออกจากอาคารไทยซัมมิทซึ่งเป็นอดีตที่ทำการของพรรคอนาคตใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดการร้องเรียนได้ในอนาคต รวมถึงเปลี่ยนแปลงชื่อพรรคและตราสัญลักษณ์พรรค ซึ่งเป็นรูปแบบที่คล้ายกันกับพรรคไทยรักษาชาติ โดยก่อนหน้านั้นในวันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2563 กลุ่ม 55 ส.ส. จะประชุมเพื่อเลือกชื่อพรรคใหม่ โดยมีทั้งหมด 3 ชื่อคือ พรรคก้าวไกล พรรคไทยเท่าเทียม และพรรคอนาคตไทย ซึ่งเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบในชื่อพรรคก้าวไกล โดย 55 ส.ส. จะเดินทางไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคใหม่พร้อมกันในวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2563 พร้อมกับประกาศชื่อพรรคใหม่ [40] แต่ในวันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2563 พิธาได้โพสต์ในเฟซบุ๊กของตัวเองว่า ตัวเองและเพื่อน ส.ส. อีก 54 คนจะเดินทางไปสมัครสมาชิกพรรคพร้อมกันในวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2563 หรือ 1 อาทิตย์หลังจากประกาศชื่อพรรคใหม่[41] ซึ่งพรรคดังกล่าวคือ พรรคก้าวไกล ทว่า มี สส. บางส่วนที่ไม่ได้ย้ายตามมาด้วย กลับเลือกที่จะไปเข้าร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นอย่าง พรรคภูมิใจไทย โดยมี สส. ในขณะนั้นคนหนึ่งอ้างว่า ไม่สามารถร่วมงานกับพิธาได้[42]
หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ การประท้วงในประเทศไทย พ.ศ. 2563 ในระยะแรกจึงเริ่มขึ้น เกิดการเดินขบวนในมหาวิทยาลัย วิทยาลัยและโรงเรียนหลายแห่งทั่วประเทศตั้งแต่นั้นมา ดูเพิ่มอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ พรรคอนาคตใหม่ วิกิคำคมมีคำคมเกี่ยวกับ พรรคอนาคตใหม่
|