ปัจจัยการผลิต
ปัจจัยการผลิต (อังกฤษ: Means of production) หรือสินค้าทุน (อังกฤษ: Capital goods)[1] มีความหมายเชิงเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยาว่า เป็นวัตถุทางกายภาพที่มิได้เป็นตัวเงิน ซึ่งใช้ในการผลิตสินค้าและบริการอันจะทำให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ปัจจัยการผลิตอาจรวมถึงวัตถุดิบ สถานที่ เครื่องจักร และเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ[2][3] บรรญัติศัพท์ในเชิงเศรษฐศาสตร์คลาสสิคนั้น ปัจจัยการผลิต หมายถึง “ตัวแปรการผลิต” ลบกับทุนทางการเงินและทุนมนุษย์ ปัจจัยการผลิตทางสังคม หมายถึงสินค้าทุนและสินทรัพย์ที่ต้องมีการลงแรงของแรงงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ มิใช่การลงแรงของผู้ใดผู้หนึ่งเท่านั้น[4] กรรมสิทธิ์ในปัจจัยการผลิตทางสังคม ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ใช้เป็นเกณฑ์แบ่งหมวดหมู่ของระบบเศรษฐกิจรูปแบบต่าง ๆ ปัจจัยการผลิตแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เครื่องมือทางแรงงาน (เครื่องมือ โรงงาน โครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ) และวัตถุทางแรงงาน (ทรัพยากรธรรมชาติและวัตถุดิบ) กระบวนการผลิตจึงเป็นการแปรรูปวัตถุทางแรงงานโดยใช้เครื่องมือทางแรงงานในการดำเนินงาน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ แรงงานมีกิจกรรมที่ต้องลงมือกระทำต่อปัจจัยการผลิตเพื่อผลิตสินค้า[5] ในยุคสังคมเกษตร ปัจจัยการผลิตที่เป็นหัวใจสำคัญคือพลั่วและดิน ในยุคสังคมอุตสาหการ ปัจจัยการผลิตกลายสภาพเป็นปัจจัยการผลิตทางสังคมที่รวมถึงเหมืองแร่และโรงงาน ในยุคเศรษฐกิจแห่งความรู้ คอมพิวเตอร์และโครงข่ายคอมพิวเตอร์นับเป็นปัจจัยการผลิต นอกจากนี้ความหมายโดยกว้างของ “ปัจจัยการผลิต” ยังรวมถึง “ปัจจัยการกระจายตัว” ด้วย เช่นร้านค้า อินเตอร์เน็ต และทางรถไฟ (ทุนโครงสร้างพื้นฐาน)[6] ลัทธิมากซ์ และทฤษฎีชนชั้นแบบมากซ์
การวิเคราะห์ปัจจัยการผลิตด้านความซับซ้อนของเทคโนโลยี และในแง่กรรมสิทธิ์ในปัจจัยการผลิตนั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญของกรอบทฤษฎีลัทธิมากซ์เรื่องวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์สำนักมาคส์ งานเขียนของมากซ์ ตลอดจนพัฒนาการของทฤษฎีลัทธิมากซ์ในระยะหลัง อธิบายว่าวิวัฒนาการด้านเศรษฐกิจและสังคมนั้น เป็นไปตามความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีในปัจจัยการผลิต เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น และทำให้สมรรถภาพทางการผลิตเพิ่มขึ้น จะทำให้รูปแบบความสัมพันธ์ทางสังคมที่ปรากฏ ณ เวลานั้นกลายเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยและไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป และก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างระดับของเทคโนโลยีในปัจจัยการผลิตในด้านหนึ่ง กับการระเบียบทางเศรษฐกิจและสังคมในอีกด้านหนึ่ง ความขัดแย้งนี้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในรูปของความขัดแย้งทางชนชั้น ซึ่งก่อตัวขึ้นจนถึงจุดที่วิถีการผลิต ณ เวลานั้นไม่มีเสถียรภาพ อันจะทำให้ถึงจุดที่ล่มสลาย หรือถูกโค่นล้มด้วยการปฏิวัติทางสังคม อย่างใดอย่างหนึ่ง ความขัดแย้งเหล่านี้จะคลี่คลายโดยการกำเนิดของวิถีการผลิตแบบใหม่ ซึ่งมีรากฐานของความสัมพันธ์ทางสังคมที่แตกต่างจากเดิม โดยเฉพาะการมีรูปแบบกรรมสิทธิ์ในปัจจัยการผลิตที่ต่างจากเดิมอย่างมีนัยยะสำคัญ[7] กรรมสิทธิ์ในปัจจัยการผลิตและอำนาจควบคุมเหนือผลิตผลส่วนเกิน ซึ่งได้จากการผลิตนั้น เป็นปัจจัยพื้นฐานในการกำหนดวิถีการผลิตในรูปแบบต่าง ๆ เช่นทุนนิยมมีนิยามว่ากรรมสิทธิ์และอำนาจควบคุมในปัจจัยการผลิตเป็นของเอกชน ซึ่งผลิตผลส่วนเกินเป็นที่มาของรายได้ค้างรับของผู้เป็นเจ้าของ ในขณะที่สังคมนิยมมีนิยามว่ากรรมสิทธิ์ในปัจจัยการผลิตเป็นของสังคม ดังนั้นผลิตผลส่วนเกินจะเกิดการทวีตัวและกลับคืนสู่สังคมส่วนใหญ่ เกณฑ์จำแนกชนชั้นทฤษฎีชนชั้นของมาร์กซ์ ได้นิยามชนชั้นในเชิงความสัมพันธ์ต่อกรรมสิทธิ์และอำนาจควบคุมเหนือปัจจัยการผลิต เช่นในกรณีสังคมทุนนิยม ชนชั้นกระฎุมพี หรือชนชั้นนายทุน คือชนชั้นผู้เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต และเก็บเกี่ยวรายได้ที่มิได้มาจากการออกแรงทำงานโดยตรงจากกิจกรรมการผลิตเหล่านั้น ในขณะที่ชนชั้นกรรมาชีพ หรือชนชั้นแรงงานผู้เป็นประชากรส่วนใหญ่ ไม่อาจเข้าถึงปัจจัยการผลิตดังกล่าว จึงถูกชักนำให้ต้องขายกำลังแรงงานของตนเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าแรง หรือเงินเดือน เพื่อให้ตนสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการต่าง ๆ อันเป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต[8] จากคำถามที่ว่าเหตุใดสังคมมนุษย์จึงมีชนชั้นปรากฏขึ้นตั้งแต่แรกนั้น คาร์ล มากซ์ ให้ข้ออธิบายเชิงวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์ว่า กำเนิดของชนชั้นมาจากกรรมสิทธิ์ในปัจจัยการผลิตที่ฝังตัวอยู่ในวิถีทางวัฒนธรรม อรรถาธิบายนี้แตกต่างกับข้ออธิบายอื่น ๆ เป็นอย่างยิ่งในข้อที่ว่า ชนชั้นเกิดจาก “ความสามารถที่ต่างกัน” ระหว่างกลุ่มชน หรือศาสนา หรือสังกัดทางการเมือง นอกจากนี้อรรถาธิบายของมาร์กซ์ข้อนี้ มีความสอดคล้องต้องกันในทฤษฎีส่วนใหญ่ของลัทธิมากซ์ ที่กล่าวว่าการเมืองและศาสนานั้น เป็นเพียงผลพลอยได้ (โครงสร้างส่วนบน) จากรากฐานความเป็นจริงทางเศรษฐกิจของมนุษย์[9] บัญญัติศัพท์ที่เกี่ยวข้อง
ตัวแปรการผลิต (อังกฤษ: Factors of production) ปรากฏอรรถาธิบายในหนังสือว่าด้วยทุน ของนักเศรษฐศาสตร์ชาวเยอรมัน คาร์ล มากซ์ ว่าประกอบไปด้วยแรงงาน วัตถุทางแรงงาน และเครื่องมือทางแรงงาน บัญญัติศัพท์นี้จึงตรงกับนัยของ ปัจจัยการผลิตบวกกับแรงงาน อนึ่ง คำว่าตัวแปรการผลิต มักเป็นที่กล่าวถึงในงานเขียนเชิงเศรษฐศาสตร์จากสำนักคลาสสิค ว่าประกอบไปด้วยที่ดิน แรงงาน และทุน บางกรณีมาร์กซ์มักใช้คำว่า “พลังการผลิต” สลับกับคำว่า “ตัวแปรการผลิต” เช่นในหนังสือว่าด้วยทุน มาร์กซ์ใช้คำว่า “ตัวแปรการผลิต” ในขณะที่คำนำของงานเขียนเรื่องทัศนะต่อข้อวิพากษ์เศรษฐศาสตร์การเมือง มาร์กซ์ใช้คำว่า “พลังการผลิต” (อาจขึ้นอยู่กับสำนวนการแปล) ความสัมพันธ์ทางการผลิต (อังกฤษ: Relations of Production, เยอรมัน: Produktionsverhältnis) คือความสัมพันธ์ระหว่างกันของมนุษย์ในแง่การใช้ประโยชน์ซึ่งปัจจัยการผลิตในกิจกรรมการผลิต ตัวอย่างเช่นความสัมพันธ์ระหว่าง นายจ้าง/ลูกจ้าง ผู้ซื้อ/ผู้ขาย การแบ่งงานเชิงเทคนิคในโรงงาน ตลอดจนความสัมพันธ์ในทรัพย์สิน วิถีการผลิต (อังกฤษ: Mode of production, เยอรมัน: Produktionsweise) หมายถึงระเบียบการผลิตซึ่งเป็นกระแสหลักในสังคม เช่น “ทุนนิยม” เป็นชื่อของวิถีการผลิตของนายทุน ผู้เป็นชนชั้นเอกชนกลุ่มน้อยในสังคม (กระฎุมพี) ซึ่งถือกรรมสิทธิ์ในปัจจัยการผลิตต่าง ๆ และได้ประโยชน์จากแรงงานของชนชั้นแรงงาน (ชนชั้นกรรมาชีพ) ในขณะที่ คอมมิวนิสม์ เป็นวิถีการผลิตซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต แต่ปัจจัยการผลิตดังกล่าวถูกแบ่งปันไปสู่ส่วนรวม และปราศจากการขูดรีดทางชนชั้น ดูเพิ่มเชิงอรรถ
อ้างอิง
|