พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา (อังกฤษ: Wat Kungtapao Local Museum) เป็นแหล่งการเรียนรู้ท้องถิ่นขนาดเล็ก ตั้งอยู่ที่ วัดคุ้งตะเภา หมู่ 4 หมู่บ้านคุ้งตะเภา ตำบลคุ้งตะเภา อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ จัดแสดงเอกสารโบราณและโบราณวัตถุของวัดและชุมชนหมู่บ้านคุ้งตะเภา บริหารจัดการในรูปแบบกรรมการโดยวัดและชุมชน[3] ในความอุปถัมภ์ของมูลนิธิ 250 ปี วัดคุ้งตะเภา[4][5] พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2549 โดยดำริของพระสมุห์สมชาย จีรปุญฺโญ (แสงสิน) และพระมหาเทวประภาส วชิรญาณเมธี ที่ได้เก็บรวบรวมโบราณวัตถุและศิลปวัตถุของวัด เพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงเอกสารโบราณและวัตถุโบราณของวัด และที่ทางวัดได้รับบริจาคจากชาวบ้าน เช่น พระพุทธรูปโบราณ สมุดไทย สมุดข่อย ใบลาน เพื่อให้คนในท้องถิ่นได้ศึกษาขนบวัฒนธรรมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในอดีตของบรรพบุรุษ และเพื่อให้คนในท้องถิ่นได้รับรู้และเกิดความภาคภูมิใจในมรดกและความเป็นมาของชุมชนบ้านคุ้งตะเภาที่มีอายุความเป็นมายาวนานมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา[6] ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา ตั้งอยู่ที่อาคารอสีติวัสสายุมงคลมหาศาลาการเปรียญ ภายในวัดคุ้งตะเภา ใกล้กับจุดตัดสี่แยกคุ้งตะเภา ติดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 ทางผ่านสำคัญก่อนขึ้นสู่จังหวัดแพร่ เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมทุกวันธรรมสวนะ ตั้งแต่เวลา 8.20 - 17.30 น. โดยไม่เก็บค่าเข้าชม ประวัติพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา ก่อตั้งขึ้นโดยดำริของพระสมุห์สมชาย จีรปุญฺโญ (แสงสิน) และพระมหาเทวประภาส วชิรญาณเมธี เนื่องจากท่านสังเกตเห็นโบราณวัตถุและเอกสารโบราณต่าง ๆ ที่ถูกเก็บรักษากระจัดกระจายไว้ตาม สถานที่ต่าง ๆ ภายในวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกสารโบราณ เช่น ใบลาน สมุดไทย สมุดข่อย จำนวนมาก (มากกว่า 100 ผูก/เล่ม) ซึ่งมีทั้งตำรายาแผนโบราณ ตำราบทพระอัยการ จินดามณี และคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้รับการดูแลอย่างที่ควรจะเป็น ท่านจึงได้ริเริ่มเก็บรวบรวมโบราณวัตถุต่าง ๆ ในวัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 จนในปี พ.ศ. 2549 จึงสามารถนำเอกสารโบราณต่าง ๆ มาจัดแสดงให้ประชาชนได้ชม โดยใช้พื้นที่ชั้นสองของกุฏิปั้นหยา เป็นอาคารสำหรับจัดแสดง เพื่อที่พระสงฆ์จะได้ดูแลรักษาเอกสารและวัตถุโบราณต่าง ๆ ที่นำมาจัดแสดงได้โดยสะดวก ซึ่งสิ่งของที่นำมาจัดแสดงให้ชมยังมีจำนวนไม่มากนัก (เพียง 4 ตู้จัดแสดง) และเอกสารโบราณและวัตถุโบราณที่สำคัญส่วนใหญ่ยังคงเก็บรักษาไว้โดยมิได้นำมาออกแสดง เดิมนั้น พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา เป็นเพียงส่วนพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุโบราณ เพียงแห่งเดียวของตำบลคุ้งตะเภา (พ.ศ. 2554) และเนื่องจากไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคราชการ ทำให้ส่วนตู้จัดแสดงสามารถวางสิ่งของจัดแสดงได้น้อย เพราะตู้จัดแสดงมีอย่างจำกัด ในขณะที่โบราณวัตถุและเอกสารโบราณที่สมควรนำออกจัดแสดงที่ท่านเจ้าอาวาสวัดคุ้งตะเภารวบรวมไว้มีจำนวนมาก ในปี พ.ศ. 2555 วัดคุ้งตะเภาได้จัดสร้างห้องพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา โดยความร่วมมือระหว่างวัดและชุมชนบ้านคุ้งตะเภา โดยการนำของเจ้าอาวาส คณะสงฆ์วัดคุ้งตะเภา และนายสมชาย สำเภาทอง ผู้ใหญ่บ้านคุ้งตะเภา สร้างพื้นที่จัดแสดงบนอาคารศาลาการเปรียญวัดคุ้งตะเภาหลังใหม่ (อาคารอสีติวัสสายุมงคลมหาศาลาการเปรียญ) และได้ย้ายสถานที่จัดแสดงจากอาคารกุฎิปั้นหยาซึ่งมีขนาดเล็ก มาจัดแสดงบนพื้นที่ใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีตู้จัดแสดงรวมมากกว่า 20 ตู้ บนเนื้อที่กว่า 300 ตารางเมตร เต็มพื้นที่อาคารศาลาทิศตะวันออก มีการนำโบราณวัตถุศิลปวัตถุ เอกสารโบราณ และเครื่องมือเครื่องใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นโบราณของคนคุ้งตะเภาในอดีตมาจัดแสดง รวมมากกว่า 500 สิ่งจัดแสดง เป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่ดำเนินการโดยวัดและชุมชน ที่มีวัตถุจัดแสดงมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดอุตรดิตถ์[7] อาคารพิพิธภัณฑ์อาคารที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ อยู่ในพื้นที่ด้านตะวันออกของศาลาประธานวัดคุ้งตะเภา ซึ่งเป็นอาคารทรงโรงเครื่องสับแบบภาคกลางโบราณ ที่มีอายุมากกว่าสองร้อยปี จากประวัติหลักฐานการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา กล่าวว่าในสมัยธนบุรี จุลศักราช 1132 ปีขาล โทศก วัดคุ้งตะเภามีศาลาการเปรียญเก่าแก่อยู่หลังหนึ่ง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ชาวบ้านคุ้งตะเภาได้ย้ายโครงสร้างศาลาดังกล่าว มา ณ ที่ตั้งปัจจุบันในปี พ.ศ. 2472 โดยคงรูปแบบเก่าแต่ครั้งธนบุรีไว้ด้วย จากรูปแบบภูมิสถาปัตย์ของอาคารหลังนี้ เป็นรูปแบบศาลาโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีโครงสร้างคล้ายกับศาลาการเปรียญวัดใหญ่ท่าเสาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ[8] โดยความเก่าแก่ของโครงสร้างและรูปแบบศาลาลักษณะนี้ อาจารย์พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษประจำกรมศิลปากรกล่าวว่า เป็นรูปแบบโครงอาคารศาลาการเปรียญที่มีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยอยุธยา ศาลาการเปรียญหลังนี้ได้รับการบูรณะในปี พ.ศ. 2549 และส่วนจัดแสดงอาคารหอพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภาแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2554 มีพื้นที่กว่า 300 ตารางเมตร มีโบราณวัตถุ-ศิลปวัตถุ จัดแสดงจำนวนกว่า 1,000 สิ่งจัดแสดง โดยจัดทิศทางการเข้าชมตามความเหมาะสมของพื้นที่อาคาร ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา แบ่งพื้นที่ห้องจัดแสดงออกเป็นสามส่วนคือ ส่วนจัดแสดงประวัติความเป็นมาของชุมชนและวัดคุ้งตะเภา ส่วนจัดแสดงเอกสารโบราณ และส่วนจัดแสดงโบราณวัตถุและเครื่องมือเครื่องใช้ภูมิปัญญาโบราณของท้องถิ่น นอกจากนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา ยังมีห้องสมุดทางพระพุทธศาสนา ซึ่งมีพระไตรปิฎก อรรถกถา ตำรา และหนังสือทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งหนังสือวิชาการและงานวิจัยทางด้านประวัติศาสตร์ ประเพณี และวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมมากกว่า 3,000 เล่ม[9] การจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์วัตถุที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภาส่วนใหญ่ ได้มาจากชาวบ้านคุ้งตะเภาทุกคนผู้มีจิตศรัทธา ที่ตั้งใจอุทิศให้เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน เป็นสาธารณสมบัติของชุมชน โดยมีวัดคุ้งตะเภาเป็นผู้ดูแล ในรูปแบบของกรรมการ วัตถุจัดแสดงทั้งหมด เริ่มดำเนินการจัดหา รวบรวม จากทั้งภายในวัดคุ้งตะเภา และจากการรับบริจาคของคนในชุมชนคุ้งตะเภา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 จัดแสดงครั้งแรกในอาคารปั้นหยาสองชั้นจนถึงปี พ.ศ. 2554 ต่อมาวัตถุจัดแสดงมีจำนวนมาก จึงได้หาทุนจัดสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์จากศรัทธาในชุมชน และย้ายมาจัดแสดงในอาคารพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา (อาคารเฉลิมพระเกียรติอสีติวัสสายุมงคล) จนถึงปัจจุบัน วัตถุจัดแสดงส่วนใหญ่ในพิพิธภัณฑ์จึงเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีความผูกพันกับวิถีชีวิต ความเชื่อ และภูมิปัญญาท้องถิ่นคนคุ้งตะเภาในอดีตช่วงร้อยกว่าปีก่อน และจากหลักฐานเอกสารโบราณที่ประกอบไปด้วยทั้งอักษรไทย (สมัยอยุธยา-ต้นรัตนโกสินทร์) และอักษรตัวเมืองบางส่วน (อักษรธรรมลานนา) รวมทั้งเสาหงส์โบราณ (คติมอญ) ทำให้ทราบว่าหมู่บ้านคุ้งตะเภาในอดีตเป็นชุมชนพหุวัฒนธรรมเก่าแก่ ที่มีการปะทะสังสรรค์ทางวัฒนธรรมมาตั้งแต่โบราณกาล เป็นหมู่บ้านพหุวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การศึกษาสำหรับผู้สนใจ โดยเฉพาะวัตถุที่จัดแสดงบางชิ้นมีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งค้นพบในบริเวณที่ตั้งหมู่บ้านคุ้งตะเภา แม้จะไม่ได้มาจากการขุดค้นทางโบราณคดี แต่เชื่อได้ว่า หมู่บ้านคุ้งตะเภา เป็นถิ่นฐานที่มีผู้คนอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ หรือกว่า 2,000 - 3,000 ปีมาแล้ว[9] ประเภทกลุ่มการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา มีลักษณะเป็นอาคารโถงสองชั้น หลังคาทรงไทย ภายในอาคารจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ไว้ตามมุมต่าง ๆ และที่ตู้จัดแสดง กว่า 20 ตู้ จำแนกเป็นกลุ่มได้ 13 กลุ่ม[9] คือ
การดำเนินการปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา ดำเนินการในรูปแบบคณะกรรมการ ซึ่งมาจากผู้บริจาคโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุ ให้กับทางพิพิธภัณฑ์นับร้อยคน เพื่อเน้นกระบวนการมีส่วนร่วม และการสานเสวนาเพื่อการพัฒนาพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์ โดยมาจากการแต่งตั้งของเจ้าอาวาสวัดคุ้งตะเภา ตามคำสั่งเจ้าอาวาสวัดคุ้งตะเภา ที่ 2/2555 เรื่อง จัดตั้งพิพิธภัณฑ์วัดคุ้งตะเภา ภายใต้คำขวัญ "พิพิธภัณฑ์ของชุมชน โดยชุมชน และเพื่อชุมชน" และวัตถุประสงค์การจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา ทั้ง 4 ข้อ ดังนี้[1]
ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา ดำเนินการโดยใช้งบประมาณทั้งหมดจากศรัทธาของพระสงฆ์และประชาชนในชุมชน เกียรติคุณและรางวัลที่ได้รับจากการลงพื้นที่สำรวจและประเมินพิพิธภัณฑ์ต้นแบบการเรียนรู้ ของคณะกรรมการจากสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) พบว่าพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา มีแนวคิดการจัดพื้นที่เป็นพิพิธภัณฑ์เปิด ที่สอดคล้องสัมพันธ์กับวิถีความเชื่อของชุมชน และมีแผนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา ได้รับคัดเลือก เป็น 1 ใน 4 พิพิธภัณฑ์ จากทั่วประเทศ ให้ได้รับรางวัล "พิพิธภัณฑ์ต้นแบบการเรียนรู้" (ประเภทวัดและชุมชน) จากสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) ในปี พ.ศ. 2557 [10][11]
การเข้าชมปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา เปิดให้เข้าชมทุกวันธรรมสวนะ ตั้งแต่เวลา 06.30 - 16.00 น. โดยไม่เก็บค่าเข้าชม สำหรับผู้ที่สนใจชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภานอกจากวันและเวลาที่กำหนดไว้ สามารถติดต่อพระภิกษุผู้ดูแลอาคารเพื่อขอเข้าชมได้ โดยควรแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ Wat Kungtapao Local Museum
|