Share to:

 

มัทธิว 3

มัทธิว 3
มัทธิว 3:10-12 บนพาไพรัส 101 (ค.ศ. 250)
หนังสือพระวรสารนักบุญมัทธิว
หมวดหมู่พระวรสาร
ภาคในคัมภีร์ไบเบิลคริสต์พันธสัญญาใหม่
ลำดับในภาคของคัมภีร์ไบเบิลคริสต์1

มัทธิว 3 (อังกฤษ: Matthew 2) เป็นบทที่ 3 ของพระวรสารนักบุญมัทธิวในพันธสัญญาใหม่ เป็นบทแรกที่เกี่ยวข้องกับพันธกิจของพระเยซูซึ่งเป็นกลุ่มเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสามทศวรรษหลังจากการประสูติของพระเยซูที่เล่าไว้ใน 2 บทก่อนหน้า จุดเน้นของบทนี้คือการเทศนาของยอห์นผู้ให้บัพติศมาและพระเยซูทรงรับบัพติศมา[1]

บทนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มัทธิว 1:1 ที่มีการเชื่อมโยงกับพระวรสารนักบุญมาระโกอย่างชัดเจน นักวิชาการหลายคนมั่นใจว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ของบทนี้เป็นการดัดแปลงจากมาระโก 1 บทนี้ยังคู่ขนานกับลูกา 3 ซึ่งเชื่อว่าอิงจากมาระโก 1 เช่นกัน มีข้อความหลายส่วนที่ลูกาและมัทธิวมีเหมือนกันแต่ไม่พบในมาระโก โดยทั่วไปลงความเห็นว่ามีที่มาจากแหล่งสมมติ 'คิว'

ต้นฉบับ

ข้อความต้นฉบับเขียนด้วยภาษากรีกคอยนี บทนี้แบ่งออกเป็น 17 วรรค

พยานต้นฉบับ

ต้นฉบับบางส่วนในยุคต้นที่มีเนื้อหาของบทนี้ได้แก่:[a]

ภาพรวม

พระคริสต์รับศีลจุ่ม โดยปีเอโร เดลลา ฟรันเชสกา (ประมาณ ค.ศ. 1448-1450)

ในคัมภีร์ไบเบิลเยรูซาเล็ม (ค.ศ. 1966) บทนี้เป็นเป็นการเปิดฉาก "ส่วนเรื่องเล่า" ของพระวรสารซึ่งประกาศถึงอาณาจักรสวรรค์[5] อาณาจักรสวรรค์เป็นหนึ่งในแนวเรื่องหลักของพระวรสารนักบุญมัทธิว[6] บทนี้เริ่มต้นด้วยภาพของยอห์นผู้ให้บัพติศมา[7] นำเสนอถึงการเทศนา การแต่งกาย และการรับประทานอาหารของยอห์น ในฐานะที่ยอห์นเป็นนักเทศน์ในถิ่นทุรกันดารที่เผยพระวจนะเกี่ยวกับ "พระพิโรธที่กำลังมาถึง" จากนั้นบทนี้จึงเปลี่ยนไปเป็นคำประณาม โดยยอห์นกล่าวประณามพวกฟาริสีและสะดูสีแล้วเตือนให้กลับใจ ซึ่งรวมถึงวลีอันมีชื่อเสียงที่ว่า "พวกชาติงูร้าย" ในมัทธิว 3:7[8] จากนั้นพระเยซูเสด็จมาจากกาลิลีเพื่อทรงรับบัพติศมา ณ สถานที่ที่ห่างจากนาซาเร็ธประมาณ 70–80 ไมล์ บริเวณแม่น้ำจอร์แดนในตำแหน่งเดียวกับที่วงศ์วานอิสราเอลภายใต้การนำของโยชูวาเคยข้ามไปยังแผ่นดินแห่งพระสัญญา[9] บทนี้ปิดท้ายด้วยการรับบัพติศมาของพระเยซู, พระสุรเสียงของพระบิดา และการปรากฏของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในรูปของนกพิราบ[10]

ต้นฉบับเต็ม

ฉบับซีนาย (Codex Sinaiticus; ประมาณ ค.ศ. AD 330–360), มัทธิว 2:5-3:7
ฉบับซีนาย (Codex Sinaiticus; ประมาณ ค.ศ. AD 330–360), มัทธิว 3:7-4:19

ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน บทนี้มีความว่า

1 ในเวลานั้นยอห์นผู้ให้บัพติศมา มาประกาศในถิ่นทุรกันดารแคว้นยูเดียว่า
2 "จงกลับใจใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว"
3 ยอห์นผู้นี้แหละที่อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะกล่าวถึงว่า "มีเสียงของผู้หนึ่งป่าวร้องในถิ่นทุรกันดารว่า จงเตรียมมรรคาแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำหนทางของพระองค์ให้ตรงไป"
4 เสื้อผ้าของยอห์นผู้นี้ ทำด้วยขนอูฐและท่านใช้หนังสัตว์คาดเอว อาหารของท่านคือตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่า
5 ขณะนั้นชาวเมืองเยรูซาเล็ม และคนทั่วแคว้นยูเดีย และคนทั่วลุ่มแม่น้ำจอร์แดนก็ออกไปหายอห์น
6 สารภาพบาปของพวกเขา และรับบัพติศมาจากท่านในแม่น้ำจอร์แดน
7 เมื่อยอห์นเห็นพวกฟาริสี และพวกสะดูสีมากันเป็นจำนวนมาก เพื่อจะรับบัพติศมา ท่านจึงกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า "พวกชาติงูร้าย ใครเตือนพวกท่านให้หนีจากพระพิโรธที่จะมานั้น
8 เพราะฉะนั้นจงเกิดผลให้สมกับการกลับใจ
9 อย่าทึกทักว่าตัวเองมีอับราฮัมเป็นบรรพบุรุษ เพราะข้าพเจ้าบอกพวกท่านว่า พระเจ้าทรงสามารถให้บุตรแก่อับราฮัมจากก้อนหินเหล่านี้ได้
10 บัดนี้ขวานวางไว้ที่โคนต้นไม้แล้ว และทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีจะต้องถูกตัดแล้วโยนทิ้งในกองไฟ
11 ข้าพเจ้าให้ท่านรับบัพติศมาด้วยน้ำ แสดงว่ากลับใจใหม่ก็จริง แต่พระองค์ผู้จะมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงยิ่งใหญ่กว่าข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะถือฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้พวกท่านรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ
12 พระองค์ทรงถือพลั่วอยู่ในพระหัตถ์แล้ว และจะทรงชำระลานข้าวของพระองค์ให้ทั่ว พระองค์จะทรงรวบรวมเมล็ดข้าวของพระองค์ไว้ในยุ้งฉาง แต่พระองค์จะทรงเผาแกลบด้วยไฟที่ไม่มีวันดับ"
13 แล้วพระเยซูเสด็จจากแคว้นกาลิลี มาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดนเพื่อทรงรับบัพติศมาจากท่าน
14 แต่ยอห์นทูลห้ามพระองค์ว่า "ข้าพระองค์ต้องการจะรับบัพติศมาจากพระองค์ ควรหรือที่พระองค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์?"
15 แต่พระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า "บัดนี้ จงยอมเถิด เพราะสมควรที่พวกเราจะทำความชอบธรรมให้ครบถ้วนทุกประการ" แล้วยอห์นก็ยอม
16 เมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้วก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และในทันใดนั้นฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาดุจนกพิราบสถิตบนพระองค์
17 และนี่แน่ะ มีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า "ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก"

การเปรียบเทียบระหว่างมัทธิว 3:7-10 และลูกา 3:7-9 ข้อความทั่วไปเน้นด้วยสีแดง จาก Scrivener New Testament ในปี ค.ศ. 1894

ดูเพิ่ม

หมายเหตุ

  1. ฉบับอเล็กซานเดรีย (Codex Alexandrinus) ที่หลงเหลืออยู่ไม่มีบทนี้ เนื่องจากข้อความขาดไป

อ้างอิง

  1. Coogan 2007, p. 11 New Testament.
  2. Egypt Exploration Fund (1903). Grenfell, Bernard P.; Hunt, Arthur S. (บ.ก.). The Oxyrhynchus Papyri. Vol. 3. Oxford. p. 10. 405 consists of seven fragments written in a small neat uncial hand, which is not later than the first half of the third century, and might be as old as the later part of the second.
  3. Thomas, J. David. The Oxyrhynchus Papyri LXIV (London: 1997), pp. 2–4.
  4. "Liste Handschriften". Münster: Institute for New Testament Textual Research. สืบค้นเมื่อ 27 August 2011.
  5. Jerusalem Bible (1966), Heading at Matthew 3:1
  6. Clarke, Howard W. The Gospel of Matthew and its Readers: A Historical Introduction to the First Gospel, Bloomington: Indiana University Press, 2003
  7. Allison 2007, p. 850.
  8. France 2007, p. 110.
  9. Phillips 2005, p. 38.
  10. Keener 1999, p. 132.

บรรณานุกรม

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้า
มัทธิว 2
บทของคัมภีร์ไบเบิล
พระวรสารนักบุญมัทธิว
ถัดไป
มัทธิว 4
Kembali kehalaman sebelumnya