สตานิสลาฟ เปตรอฟ
สตานิสลาฟ เยฟกราโฟวิช เปตรอฟ (รัสเซีย: Станислав Евграфович Петров) เป็นนาวาอากาศโทเกษียณของกองกำลังป้องกันทางอากาศโซเวียต ผู้เบี่ยงเบนไปจากระเบียบการของโซเวียตตามปกติโดยสามารถระบุการเตือนภัยการโจมตีด้วยขีปนาวุธว่าเป็นสัญญาณหลอกได้อย่างถูกต้องเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2526[1] การตัดสินใจดังกล่าวอาจช่วยป้องกันการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ตอบโต้สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกจากความเข้าใจผิด การสืบสวนระบบเตือนภัยดาวเทียมยืนยันว่า ระบบทำงานผิดพลาด เหตุการณ์มีหลายรายงานว่าเปตรอฟได้รายงานการเตือนภัยดังกล่าวต่อผู้บังคับบัญชาหรือไม่ และตั้งคำถามถึงส่วนการตัดสินใจของเขาในการป้องกันสงครามนิวเคลียร์ เพราะ ตามข้อมูลของผู้แทนถาวรแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย การตอบโต้ด้วยนิวเคลียร์นั้นมีรากฐานจากหลายแหล่งข้อมูลซึ่งยืนยันว่ามีการโจมตีจริง[2] อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ามีข้อบกพร่องในระบบเตือนภัยล่วงหน้าของโซเวียต เปตรอฟยืนยันว่าเขาไม่ได้รับรางวัลหรือถูกลงโทษจากการกระทำดังกล่าว[3] หากเปตรอฟรายงานว่ามีขีปนาวุธสหรัฐเข้ามา ผู้บังคับบัญชาของเขาอาจเริ่มปฏิบัติการโจมตีต่อสหรัฐอเมริกา และกระตุ้นให้สหรัฐอเมริกาตอบโต้ด้วยนิวเคลียร์เช่นเดียวกัน เปตรอฟประกาศว่าการบ่งชี้ของระบบเป็นสัญญาณหลอก ภายหลัง เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเขาถูก ไม่มีขีปนาวุธเข้ามา และระบบตรวจจับคอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาด มีการพิจารณาต่อมาว่า สัญญาณหลอกดังกล่าวเกิดขึ้นจากการวางแนวที่เกิดขึ้นน้อยของแสงแดดต่อเมฆระดับสูง และวงโคจรดาวเทียมมอลนิยา อันเป็นข้อผิดพลาดซึ่งภายหลังได้รับการแก้ไขโดยการอ้างดาวเทียมค้างฟ้าที่[4] เปตรอฟภายหลังชี้ว่าอิทธิพลในการตัดสินใจครั้งนี้ประกอบด้วย ข่าวที่เขาได้รับแจ้งว่าการโจมตีของสหรัฐจะเป็นไปอย่างเต็มที่ ดังนั้น ขีปนาวุธห้าลูกจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่สมเหตุสมผล[1], ข้อเท็จจริงที่ว่าระบบตรวจจับการปล่อยนั้นยังใหม่ และในมุมมองของเขา ยังไม่สามารถเชื่อถือได้ทั้งหมด และเรดาร์ภาคพื้นดินไม่สามารถเก็บหลักฐานที่สอดคล้องกันได้ แม้จะล่าช้าออกไปหลายนาทีแล้วก็ตาม[5] เปตรอฟถูกตั้งคำถามอย่างหนักโดยผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับการกระทำของเขา ในตอนแรก เขาได้รับการสรรเสริญจากการตัดสินใจนี้[1] พลเอกยูรี โวตินต์เซฟ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บัญชาการหน่วยป้องกันขีปนาวุธของกองกำลังป้องกันทางอากาศโซเวียต คนแรกที่ได้ฟังรายงานของเปตรอฟเกี่ยวกับเหตุการณ์ (และเป็นคนแรกที่เปิดเผยต่อสาธารณะในคริสต์ทศวรรษ 1990) ระบุว่า "การกระทำที่ถูกต้อง" ของเปตรอฟนั้น "โดดเด่นอย่างเหมาะสม"[1] ตัวเปตรอฟเองระบุว่า ตอนแรกเขาได้รับการสรรเสริญโดยเวตินต์เซฟ และได้รับสัญญาว่าจะได้รับรางวัล[1][6] แต่เขาถูกตำหนิจากการยื่นคำร้องงานเอกสารอย่างไม่เหมาะสม ด้วยเขาไม่ได้อิทธิพลเหตุการณ์ดังกล่าวในอนุทินทางทหาร[6][7] เขาไม่ได้รับรางวัล ตามคำบอกของเปตรอฟ นี่เป็นเพราะเหตุการณ์ดังกล่าวและข้อผิดพลาดอื่นที่พบในระบบตรวจจับขีปนาวุธได้สร้างความอับอายแก่ผู้บังคับบัญชาของเขาและนักวิทยาศาสตร์ทรงอิทธิพลผู้รับผิดชอบต่อระบบดังกล่าว ดังนั้น หากเขาได้รับรางวัลอย่างเป็นทางการ พวกเขาทั้งหมดก็จะถูกลงโทษ[1][3][6][7] เขาถูกมอบหมายให้ไปทำหน้าที่ในตำแหน่งที่มีความละเอียดอ่อนน้อยกว่า[7] เกษียณอายุล่วงหน้า (แม้เขาจะย้ำว่าเขามิได้ถูก "บีบให้ออก" จากกองทัพ ดังในกรณีที่เสนอโดยแหล่งข้อมูลตะวันตกบางแห่ง)[6] และประสบกับความเจ็บป่วยทางอารมณ์และจิตใจ[7] เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกี่ยวข้องกับเปตรอฟเป็นที่รู้จักแก่สาธารณะในคริสต์ทศวรรษ 1990 ตามการตีพิมพ์บันทึกความทรงจำของพลเอกโวตินต์เซฟ การรายงานสื่ออย่างกว้างขวางนับแต่นั้นได้เพิ่มความตระหนักรู้ของสาธารณะต่อการกระทำของเปตรอฟ เปตรอฟ เสียชีวีตในวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ด้วยโรคปอดอักเสบจากเสมหะคั่ง (hypostatic pneumonia) การเสียชีวีตของเขายังไม่ถูกเปิดเผยจนกระทั่งมีการเปิดเผยในเดือนกันยายน[8][9][10] อ้างอิง
|