สมเด็จพระเจ้ากุสตาฟที่ 6 อดอล์ฟแห่งสวีเดน
สมเด็จพระเจ้ากุสตาฟที่ 6 อดอล์ฟ[1]แห่งสวีเดน (พระนามเต็ม ออสการ์ เฟรดดริค วิลเฮล์ม โอลาฟ กุสตาฟ อดอล์ฟ) (11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1882 - 15 กันยายน ค.ศ. 1973) เป็นพระมหากษัตริย์สวีเดนตั้งแต่ ค.ศ. 1950 จนถึงเสด็จสวรรคต เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้ากุสตาฟที่ 5 แห่งสวีเดน และ สมเด็จพระราชินีวิกตอเรียแห่งสวีเดน เสด็จพระราชสมภพที่กรุงสต็อกโฮล์ม เมื่อแรกประสูติดำรงพระอิสริยยศเป็น ดยุกแห่งสเกน ในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1950 สมเด็จพระราชบิดาเสด็จสวรรคต สุภาษิตส่วนพระองค์ว่า "หน้าที่ก่อนทั้งหมด" พระองค์ได้เข้าอภิเษกสมรสครั้งแรกกับเจ้าหญิงมาร์กาเรตแห่งคอนน็อต เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1905 ที่โบสถ์เซนต์จอร์จ ที่ปราสาทวินด์เซอร์ เจ้าหญิงแห่งคอนน็อตเป็นพระธิดาในเจ้าชายอาร์เธอร์ ดยุกแห่งคอนน็อตและสแตรธเอิร์น พระราชโอรสพระองค์ที่สามในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียและเจ้าชายอัลเบิร์ต พระราชสวามี พระองค์เข้าอภิเษกสมรสครั้งที่สองกับลูอีส เมานต์แบ็ตเทน (เจ้าหญิงหลุยส์แห่งแบตเตนเบิร์ก) เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1923 ที่พระราชวังเซนต์เจมส์ เป็นพระเชษฐภคินีของลอร์ดเมาต์แบตแตนและพระมาตุจฉาในเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ เลดีหลุยส์ได้สถาปนาพระองค์เองเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน เป็นพระราชบุตรบุญธรรมซึ่งเป็นพระราชปนัดดาในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ครองราชย์ในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1950 เจ้าชายกุสตาฟ อดอล์ฟ มกุฎราชกุมาร เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ด้วยพระชนมายุ 67 พรรษา เมื่อสมเด็จพระเจ้ากุสตาฟที่ 5 พระราชบิดาสวรรคต ซึ่งก่อนหน้านั้นทรงเป็นรัชทายาทผู้มีสิทธิโดยตรงที่ดำรงพระยศนานที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น และทรงมีคติพระจำพระองค์ว่า "หน้าที่เหนือสิ่งอื่นใด" ในช่วงรัชกาลของพระองค์ สวีเดนกำลังทำการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้น ซึ่งประกาศใช้ในปี ค.ศ. 1975 หลังจากที่เสด็จสวรรคตได้ไม่นาน เพื่อแทนที่รัฐธรรมนูญฉบับเก่า ค.ศ. 1809 และเป็นการปฏิรูปโครงสร้างการปกครองให้ทันสมัยตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป ในบรรดาการปฏิรูปทั้งหลายนี้ มีชาวสวีเดนบางส่วนพยายามเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ให้มีสถาบันพระมหากษัตริย์ (ระบอบราชาธิปไตย) อีกต่อไป หรืออย่างน้อยก็เปลี่ยนแปลงรายละเอียดบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเก่าที่ว่า พระมหากษัตริย์ทรงปกครองอาณาจักรแต่เพียงผู้เดียว ด้วยพระจริยวัตรส่วนพระองค์ทำให้ทรงเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ประชาชนชาวสวีเดน ส่งผลให้สาธาณชนเห็นพ้องต้องกันอย่างมากว่าควรคงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไป และด้วยความถนัดและความสนพระทัยส่วนพระองค์ในวิชาการหลากหลายแขนง (โดยเฉพาะด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์และพฤกษศาสตร์) ประกอบกับความสุขุมแต่เป็นกันเองและท่าทีที่ทรงพยายามหลีกเลี่ยงความเอิกเกริกใหญ่โต ทำให้ทรงเป็นที่เคารพรัก อย่างไรก็ตาม ระบอบราชาธิปไตยในสวีเดนถูกลดบทบาทลงอย่างมากจากการหันไปเน้นความสำคัญกับระบอบประชาธิปไตย พระราชอำนาจบางอย่างถูกลดทอนไปในกระบวนการปฏิรูปรัฐธรรมนูญที่เสร็จสิ้นลงในปี ค.ศ. 1975 ต่อมาหลังจากที่พระพลามัยย่ำแย่ลงจากการประชวรเรื้อรังด้วยโรคปอดบวม พระเจ้ากุสตาฟที่ 6 อดอล์ฟ เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1973 เพียง 10 สัปดาห์ก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีที่ 91 ณ โรงพยาบาลเก่าเฮลซิงบอร์ก จังหวัดสแกเนีย ใกล้กับพระราชวังซอฟีโรอันเป็นพระตำหนักฤดูร้อน และไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งทั่วไป ค.ศ. 1973 ซึ่งการสวรรคตดังกล่าวช่วยสร้างแรงสนับสนุนแก่รัฐบาลพรรคประชาธิปไตยสังคมนิยมชนะการเลือกตั้งอีกหนึ่งสมัย ต่อมาเจ้าชายคาร์ลกุสตาฟ มกุฎราชกุมารแห่งสวีเดน พระราชนัดดา (พระโอรสในเจ้าชายกุสตาฟอดอล์ฟ ผู้วายชนม์) จึงได้สืบราชสมบัติต่อจากพระองค์ ส่วนพระศพไม่ได้ถูกนำไปฝังไว้ ณ สุสานหลวงกรุงสต็อกโฮล์ม ตามราชประเพณี แต่ถูกฝัง ณ สุสานหลวงในเมืองฮากา เคียงข้างพระชายาผู้วายชนม์ทั้งสองพระองค์ พระจริยวัตรส่วนพระองค์
พระราชโอรสพระราชธิดา![]() สมเด็จพระราชาธิบดีกุสตาฟที่ 6 อดอล์ฟและเจ้าหญิงมาร์กาเรตมีพระราชโอรสพระราชธิดาทั้งสิ้น 5 พระองค์ และพระราชนัดดาดังนี้
เจ้าหญิงมาร์การ็ต มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน พระชายาองค์แรกสิ้นพระชนม์ลง เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1920 พระราชบุตรองค์ที่หกก่อนที่จะประสูติ 8 เดือน เจ้าชายกุสตาฟ อดอล์ฟ ได้อภิเษกสมรสอีกครั้งกับเลดีหลุยส์ เมานต์แบตแตน (13 กรกฎาคม ค.ศ. 1889 - 7 มีนาคม ค.ศ. 1965) เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1923 ซึ่งมีพระราชธิดาประสูติแล้วสิ้นพระชนม์ในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1925 สมเด็จพระราชาธิบดีกุสตาฟที่ 6 อดอล์ฟ เป็นพระราชอัยกาในสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก และ สมเด็จพระราชินีอันเนอ-มารีแห่งกรีซ เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พระราชตระกูลอ้างอิง
Information related to สมเด็จพระเจ้ากุสตาฟที่ 6 อดอล์ฟแห่งสวีเดน |