หม่อมหลวงไกรฤกษ์ เกษมสันต์ศาสตราจารย์พิเศษ หม่อมหลวงไกรฤกษ์ เกษมสันต์ (เกิด 4 ตุลาคม พ.ศ. 2489) ศาสตราจารย์พิเศษ สาขาวิชากฎหมายอาญา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ รองประธานศาลฎีกา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อนุญาโตตุลาการ และราชบัณฑิต [1] ประวัติ
หม่อมหลวงไกรฤกษ์เกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2489 เป็นบุตรของหม่อมราชวงศ์นิธิเกษม เกษมสันต์ และวรรณี เกษมสันต์ ณ อยุธยา[2]สมรสกับ นางจิตรานุช เกษมสันต์ ณ อยุธยา มีบุตรี ได้แก่ ฉัตรรพี เกษมสันต์ ณ อยุธยา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม)จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา หลักสูตรนักบริหารระดับสูง (นบส.2) รุ่น 17 สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน (พ.ศ. 2538) หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูงสถาบันพระปกเกล้า รัฐสภา รุ่น 1 (พ.ศ. 2540) ปริญญาบัตรหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักรรุ่น 4010 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (พ.ศ. 2541) ประสบการณ์การทำงาน เริ่มรับราชการในตำแหน่งอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดแม่สะเรียง และศาลจังหวัดลำปาง เป็นอธิบดีกรมคุมประพฤติ เป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 6 ผู้พิพากษาศาลฎีกา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เคยเป็นกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) รองประธานศาลฎีกา และตุลาการรัฐธรรมนูญ (ต่อมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 300) และผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ หม่อมหลวงไกรฤกษ์เป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชานิติศาสตร์ ขณะดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาและผู้บริหารกระบวนการยุติธรรม ได้ชื่อว่าใจซื่อมือสะอาด ทรงไว้ซึ่งคุณธรรม รวมทั้งมีความกล้าหาญในการพิจารณาพิพากษาตัดสินคดีต่างๆ ด้วยความรอบคอบ ลึกซึ้ง ผลงานด้านการพิพากษาจึงถือเป็นบรรทัดฐานในลำดับถัดมา ในขณะที่เป็นผู้บริหารกระบวนการยุติธรรม ได้เพียรพยายามสร้างเสริมความก้าวหน้าให้แก่งานในหน้าที่รับผิดชอบเสมอมานอกจากนี้ ยังได้อุทิศตนให้เป็นประโยชน์แก่วงวิชาการนิติศาสตร์และกิจสาธารณะประโยชน์อื่นๆ อาทิ ดำรงตำแหน่งกรรมการเนติบัณฑิตยสภาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เลขาธิการเนติบัณฑิตยสภา และกรรมการมูลนิธิแก้ไขฟื้นฟูและสงเคราะห์ผู้กระทำผิด กรมควบคุมประพฤติกระทรวงยุติธรรม เป็นต้น จนได้รับการยกย่องให้เป็น“บุคคลตัวอย่าง” ประจำปีพุทธศักราช 2543 จากมูลนิธิเพื่อสังคมไทย และได้รับการเชิดชูให้เป็น “นักบริหารดีเด่นด้านสาขาการปกครอง” บำพ็ญประโยชน์ต่อสังคมไทยจากมูลนิธิเพื่อสังคมไทยและหนังสือพิมพ์เส้นทางเศรษฐกิจ ในด้านวิชาการ หม่อมหลวงไกรฤกษ์ มีผลงานทางวิชาการจำนวนมาก กล่าวจำเพาะที่โดดเด่นเป็นที่ยอมรับและเป็นเอกสารอ้างอิงสำคัญแก่ผู้สนใจทั่วไปได้แก่ คำอธิบายประมวลกฎหมายอาญาภาคความผิด มาตรา 288 ถึงมาตรา 366/4 ภายหลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 ได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ (ทำหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2549) คำพิพากษาส่วนตัวในคดียุบพรรค หม่อมหลวงไกรฤกษ์ ตัดสินให้ยุบพรรคไทยรักไทย และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด 111 คน เป็นเวลา 5 ปี หลังจากนี้ หม่อมหลวงไกรฤกษ์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ระหว่างพิจารณาคดียุบพรรคมีผู้มาให้สินบนเป็นเงินจำนวนหลายล้านบาท เพื่อไม่ให้ยุบพรรคไทยรักไทยด้วย[3] ในวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2550 มหาวิทยาลัยรังสิตมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ การเมือง แก่ หม่อมหลวงไกรฤกษ์ เกษมสันต์ พร้อมกับ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล และ สนธิ ลิ้มทองกุล และมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งหม่อมหลวงไกรฤกษ์เป็นศาสตราจารย์พิเศษ สาขาวิชากฎหมายอาญา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2554[4] วันที่ 25 ธันวาคม 2561 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1, กฎหมายเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง) ตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ถึงปัจจุบัน [5] [6] ราชการพิเศษ
งานด้านวิชาการ
รางวัลที่ได้รับ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
|