อเล็กซันดรา เคาน์เตสแห่งเฟรเดอริกสบอร์ก
อเล็กซันดรา คริสตินา เคาน์เตสแห่งเฟรเดอริกสบอร์ก (เดนมาร์ก: Alexandra Christina, grevinde af Frederiksborg) หรือนามเดิมว่า อเล็กซันดรา คริสตินา มันลีย์ (อังกฤษ: Alexandra Christina Manley; 30 มิถุนายน ค.ศ. 1964) หรือ หมั่น หงาไหล่ (จีน: 文雅麗) เป็นอดีตพระชายาในเจ้าชายโจอาคิมแห่งเดนมาร์ก พระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ภายหลังจากการหย่าเธอได้รับอิสริยยศและบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าหญิงแห่งเดนมาร์ก และ เคาน์เตสแห่งเฟรเดอริกสบอร์ก ตามลำดับ และท้ายที่สุดทรงสละพระอิสริยยศเพื่อเสกสมรสใหม่กับมาร์ติน เยอร์เกนเซน ชายสามัญชนชาวเดนมาร์ก[1][2] ที่มีอายุห่างกับเธอถึง 14 ปี ประวัติอเล็กซันดรา คริสตินา มันลีย์ เกิดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 1964 ณ ฮ่องกงซึ่งขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิบริติช เป็นธิดาของริชาร์ด ไนเจล มันลีย์ ชาวเซี่ยงไฮ้ที่มีบิดามีเชื้อสายอังกฤษและจีน (11 สิงหาคม ค.ศ. 1924 - 12 มกราคม ค.ศ. 2010)[3] ย่าของเขาเป็นชาวจีนกวางตุ้ง[4] กับคริสตา มาเรีย มันลีย์ มีเชื้อสายเช็กและออสเตรีย (สกุลเดิม: โนโวตนี; ค.ศ. 1933)[5] บัพติศมา ณ มหาวิหารเซนต์จอห์น ฮ่องกง บิดาของเธอเป็นผู้บริหารธุรกิจด้านประกันภัย ส่วนมารดาเป็นผู้จัดการขององค์กรสื่อสาร อเล็กซันดราเข้ารับการศึกษาจากโรงเรียนควอร์รีเบย์จูเนียร์ (Quarry Bay Junior School; จีน: 英基學校協會), โรงเรียนเกลเนียลีจูเนียร์ (Glenealy Junior School) และโรงเรียนไอแลนด์ (Island School; 港島中學) ทั้งหมดตั้งอยู่ในฮ่องกง ต่อมาอเล็กซันดราได้ศึกษาต่อในสาขาธุรกิจระหว่างประเทศในมหาวิทยาลัยในประเทศออสเตรีย, ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร จนสำเร็จการศึกษา ในช่วงปี ค.ศ. 1990 - ค.ศ. 1995 เธอได้ทำงานในบริษัทจีทีเมเนจเมนต์จำกัดในฮ่องกง ต่อมาในปีช่วงปี ค.ศ. 1990 - ค.ศ. 1993 เธอได้ทำงานในแผนกการขายและการตลาด แต่หลังจากปี ค.ศ. 1993 ก็ทำงานเป็นรองผู้อำนวยการบริหารแผนกดังกล่าว[6] เสกสมรสอเล็กซันดราและเจ้าชายโจอาคิมได้พบกันครั้งแรกในงานเลี้ยงฉลองในฮ่องกงเนื่องจากเจ้าชายได้ทำงานให้กับบริษัทจัดส่งของเดนมาร์ก หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน ในฤดูใบไม้ร่วงในปลายปี ค.ศ. 1994 ขณะที่ทั้งสองท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ฟิลิปปินส์ เจ้าชายโจอาคิมได้คุกเข่าและมอบแหวนเพชรและทับทิมเป็นของหมั้นแก่เธอ ความผูกพันของทั้งสองได้พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ และพระราชวงศ์เดนมาร์กได้จับตามองและความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์ก็ถูกเปิดเผยขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1995 ท้ายที่สุดทั้งสองก็เสกสมรสกันในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1995 โดยมีสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์กเป็นประธานในพิธี โดยจัดพิธีขึ้นในโบสถ์น้อยภายในปราสาทเฟรเดอริกสบอร์ก ก่อนที่จะเลี้ยงฉลองในพระราชวังเฟรเดอริกสบอร์ก พระองค์ต้องละจากนิกายอังกลิคัน เปลี่ยนมานับถือนิกายอีแวนเจริคัลลูเทอแรน เจ้าหญิงแห่งเดนมาร์กหลังจากการเสกสมรส อเล็กซันดราจึงกลายมาเป็นเจ้าหญิงแห่งเดนมาร์ก เธอสามารถพูดภาษาอังกฤษและเยอรมันได้เป็นทุนเดิม ด้วยเหตุนี้เธอจึงสามารถเอาชนะใจประชาชนชาวเดนมาร์กได้ด้วยการพูดภาษาเดนมาร์กได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว[1] ทว่าเธอไม่สามารถพูดภาษาจีนกลางหรือกวางตุ้งได้เลย[7] ทั้งนี้เธอเล็งเห็นถึงความสำคัญของภาษาเดนมาร์กเพื่อใช้สื่อสารกับคนทั่วไปเพราะเดนมาร์กคือบ้านของเธอ[7] ขณะที่ยังเป็นเจ้านายอยู่นั้น เจ้าหญิงอเล็กซันดราได้ปฏิบัติพระกรณียกิจเกี่ยวกับงานการกุศลเป็นจำนวนมาก อาทิ ยุวชนกาชาด, สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศเดนมาร์ก, ยูนิเซฟ และในโครงการมาเทอร์เฮลป์ นอกจากนี้พระองค์ยังทำหน้าที่เป็นทูตยูนิเซฟเมื่อครั้งที่เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อเข้าเยี่ยมผู้ติดเชื้อเอชไอวี[7] การหย่าและการสมรสใหม่เจ้าหญิงอเล็กซันดราและเจ้าชายโจอาคิมได้ประกาศว่าทรงแยกกันอยู่เมื่อวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2004 ก่อนที่จะทรงหย่ากันเมื่อวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2005 โดยก่อนการหย่าเจ้าหญิงอเล็กซันดราไม่มีแผนที่จะเสด็จออกจากเดนมาร์ก[8] อย่างไรก็ตามหลังจากการหย่าพระองค์ก็ยังทรงพำนักและทรงงานในเดนมาร์กต่อไปเพื่อที่ร่วมกับเจ้าชายโจอาคิมใช้สิทธิในการดูแลพระโอรสทั้งสอง ในช่วงนี้เจ้าหญิงอเล็กซันดราได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์จากสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 เป็น "เจ้าหญิงอเล็กซันดราแห่งเดนมาร์ก เคาน์เตสแห่งเฟรเดอริกสบอร์ก" จนกระทั่งเจ้าหญิงอเล็กซันดราได้ตัดสินพระทัยเสกสมรสใหม่กับมาร์ติน เยอร์เกนเซน เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 2007[2] และลาออกจากฐานันดรศักดิ์จากการเป็นเจ้าหญิง[9][10] อดีตเจ้าหญิงอเล็กซันดรา จึงเป็นสามัญชนแต่ยังคงบรรดาศักดิ์ "เคาน์เตสแห่งเฟรเดอริกสบอร์ก" และเสียภาษีเฉกเช่นพลเมืองเดนมาร์กทั่วไป แต่จะได้รับเบี้ยเลี้ยงจากสำนักพระราชวังปีละ 25,000 ยูโร หรือราว 1.25 ล้านบาทตามเดิม[11] และในปีเดียวกันนั้นเองเคาน์เตสแห่งเฟรเดอริกสบอร์กได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของเฟอร์รีฟาร์มาซูคิคัลส์[12][13] ส่วนเจ้าชายโจอาคิมได้ทรงหมั้นกับมารี กาวัลลีเย วันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 2007 ก่อนที่จะเสกสมรสในวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2008[14] โดยในความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหญิงมารีแห่งเดนมาร์ก ซึ่งถือเป็นพระมารดาเลี้ยงของเจ้าชายนิโคไลกับเจ้าชายเฟลิกซ์ โดยทั้งคู่เข้ากันได้ดีกับพระมารดาเลี้ยง[1] ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2015 เคาน์เตสแห่งเฟรเดอริกสบอร์กและนายเยอร์เกนเซนได้ออกมาเปิดเผยว่าหย่ากัน[15] โดยเคาน์เตสได้ให้เหตุผลในการหย่าเพราะความต่าง[16] เกียรติยศ
พระอิสริยยศและบรรดาศักดิ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|