เจ้าชายโจอาคิมแห่งเดนมาร์ก
เจ้าชายโจอาคิมแห่งเดนมาร์ก เคานต์แห่งมงเปอซา (เดนมาร์ก: Prins Joachim Holger Waldemar Christian til Danmark, greve af Monpezat ; 7 มิถุนายน พ.ศ. 2512) เป็นพระราชโอรสองค์เล็กในสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก กับ เจ้าชายเฮนริก พระราชสวามี และเป็นพระโสทรานุชาเพียงพระองค์เดียวใน สมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดอริกที่ 10 แห่งเดนมาร์ก หลังการเสด็จขึ้นครองราชสมบัติของสมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าชายโจอาคิมทรงอยู่ในลำดับที่ห้าในการสืบราชสันตติวงศ์เดนมาร์ก ต่อจากพระบุตรทั้งสี่ของสมเด็จพระราชาธิบดี พระประวัติพระบิดามารดาอุปถัมภ์ของเจ้าชายโจอาคิมได้แก่ เคานต์ฌ็องแห่งลาบอร์ด เดอ มงเปอซา, พระเจ้าฮารัลด์ที่ 5 แห่งนอร์เวย์ เจ้าหญิงเบเนดิกเทอแห่งเดนมาร์ก และเจ้าหญิงคริสตินาแห่งสวีเดน เจ้าชายโจอทคิมทรงใช้ภาษาเดนมาร์กเป็นภาษาแม่ ทั้งยังสามารถรับสั่งภาษาฝรั่งเศส, อังกฤษ และเยอรมัน ปัจจุบันพระองค์ทรงพำนักอยู่ที่ปราสาทซเฮคเคินบอร์ก ในจัตแลนด์ เจ้าชายโจอาคิมทรงเข้าศึกษาโรงเรียนประจำตั้งแต่ พ.ศ. 2517 - พ.ศ. 2519 ที่พระราชวังอามาเลียนเบิร์ก และจากนั้นตั้งแต่ พ.ศ. 2519 - พ.ศ. 2525 ที่เครปสโครว์ ในโคเปนเฮเกน ในช่วง พ.ศ. 2525 - พ.ศ. 2526 เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เอโกลเดส์โรกส์ แคว้นนอร์ม็องดี ประเทศฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2529 ทรงเข้าศึกษาต่อที่โอเรการ์ด จิมเนเซียม ใน พ.ศ. 2534 - พ.ศ. 2536 ทรงสำเร็จการศึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเกษตรที่ Den Classenske Agerbrugskole Næsgaard พระกรณียกิจด้านการทหารเจ้าชายโจอาคิมทรงเริ่มศึกษาด้านการทหารในปี พ.ศ. 2530 เมื่อทรงได้เข้ากองทหารในพระราชินี ในปี พ.ศ. 2531 พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นนายสิบและปีต่อมาทรงเป็นร้อยโทของกองกำลังสำรอง พระองค์ทรงได้เป็นผู้บัญชาการกองทหารรถถังตั้งแต่ พ.ศ. 2532 - พ.ศ. 2533 จนในปี พ.ศ. 2533 ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นร้อยโทของกองกำลังสำรองในกองทัพสหรัฐอเมริกา และในปี พ.ศ. 2535 ทรงเป็นร้อยเอกของกองกำลังสำรอง หลังจากนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นพันตรีของกองกำลังสำรองปี พ.ศ. 2548 และยังคงปฏิบัติงานด้านป้องกันประเทศ ชีวิตส่วนพระองค์เสกสมรสครั้งแรกในวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 เจ้าชายโจอาคิมเสกสมรสกับอเล็กซานดรา คริสตินา มันลีย์ ชาวฮ่องกง อดีตพนักงานขายและหัวหน้าตัวแทนฝ่ายบริหารด้านการตลาด และมีเชื้อสายอังกฤษ, จีน, เช็ก และออสเตรีย พิธีจัดที่พระราชวังเฟรเดอริกสบอร์ก โดยทั้งคู่มีพระโอรส 2 พระองค์ได้แก่
16 กันยายน พ.ศ. 2547 ได้มีการรายงานว่าทั้ง 2 พระองค์ทรงแยกกันอยู่และทรงหย่าในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2548 ตามด้วยเคานต์เตสอเล็กซันดราทรงอภิเษกสมรสใหม่ทำให้ทรงสูญเสียพระอิสริยยศชั้นเจ้าหญิง เคานต์เตสทรงพำนักและทรงงานในเดนมาร์กต่อไปและทั้งคู่ร่วมกันใช้สิทธิในการดูแลพระโอรสทั้งสอง เสกสมรสครั้งที่สองในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ราชสำนักได้ประกาศว่าเจ้าชายโจอาคิมทรงหมั้นกับมารี กาวัลลีเย เสกสมรสในวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2551[1] ที่โบสถ์โมเกลทอนเดอร์ ซึ่งเป็นโบสถ์เดียวกนกับพิธีศีลจุ่มเจ้าชายเฟลิกซ์แห่งเดนมาร์ก พิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นตรงกับวันครบรอบ 73 ปีการอภิเษกสมรสของพระอัยกาสมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 9 แห่งเดนมาร์ก กับพระอัยยิกาเจ้าหญิงอิงกริดแห่งสวีเดน[2] โดยภายในงานพิธีอภิเษกที่จัดภายในโบสถ์ยุคกลาง ใกล้กับพระตำหนักที่ประทับของเจ้าชายโยคิม ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งงานอภิเษกสมรสครั้งนี้มีแขกรับเชิญเพียง 300 คน รวมทั้งพระสหาย กับราชนิกูลเดนมาร์ก และตัวแทนราชวงศ์ในแถบสแกนดิเนเวีย รวมทั้งองค์มกุฎราชกุมารีวิกตอเรียแห่งสวีเดน และมกุฎราชกุมารโฮกุนแห่งนอร์เวย์ งานจัดอย่างเรียบง่าย ซึ่งแตกต่างกันมากกับความหรูหราของพิธีอภิเษกสมรสในโคเปนเฮเกน เมื่อปี พ.ศ. 2538 กับอดีตพระชายา[3] ในวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ราชสำนักเดนมาร์กได้ประกาศว่าทั้งสองพระองค์มีพระบุตรองค์แรก[4] เจ้าหญิงมารีทรงให้กำเนิดพระโอรสในเวลา 4 นาฬิกา 57 นาที ณ โรงพยาบาลริทฮอสพิทอเล็ทในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552[5] พระโอรสได้รับศีลจุ่มในวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ที่โบสถ์โมเกลทอนเดอร์ ได้รับพระนามว่าเจ้าชายเฮนริก พระอิสริยยศ
อ้างอิงวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ เจ้าชายโจอาคิมแห่งเดนมาร์ก
แหล่งข้อมูลอื่น
|