เขตการปกครองของไต้หวัน
ไต้หวัน หรือเรียกในชื่อทางการว่า สาธารณรัฐจีน แบ่งเขตการปกครองตามกฎหมายออกเป็นหลายระดับ[1] เนื่องจากไต้หวันมีสถานะทางการเมืองที่ซับซ้อน ทำให้ระบบการแบ่งเขตการปกครองโดยนิตินัยเดิมที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และระบบพฤตินัยที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ตามรัฐธรรมนูญ สาธารณรัฐจีนแบ่งออกเป็น มณฑล และนครปกครองโดยตรง โดยแต่ละมณฑลแบ่งออกเป็น นครภายใต้มณฑล และเทศมณฑล (อำเภอ) แต่ในปัจจุบัน มณฑลได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ และไม่มีบทบาทหน้าที่อีกต่อไป[2] ด้วยความที่มณฑลไม่มีบทบาทหน้าที่ในทางปฏิบัติ ไต้หวันจึงมีการแบ่งเขตการปกครองระดับบนสุดออกเป็น 22 แห่ง โดยแต่ละแห่งจะมีรัฐบาลท้องถิ่นที่นำโดยหัวหน้าที่มาจากการเลือกตั้งและสภาท้องถิ่น งานที่รัฐบาลท้องถิ่นรับผิดชอบหรือรับผิดชอบบางส่วน ได้แก่ การบริการสังคม การศึกษา การวางผังเมือง การโยธาสาธารณะ การจัดการน้ำ การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม การขนส่ง และความปลอดภัยสาธารณะ และเขตการปกครองระดับบนสุดจึงมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ นครปกครองโดยตรง นครภายใต้มณฑล และเทศมณฑล (อำเภอ) โดยที่ทั้งนครปกครองโดยตรงและนครภายใต้มณฑลจะแบ่งย่อยออกเป็นเขต ส่วนเทศมณฑลจะแบ่งย่อยออกเป็นเมือง ตำบล และนครภายใต้เทศมณฑล เขตการปกครองเหล่านี้สามารถปกครองตนเองได้ระดับหนึ่ง และมีหน่วยงานของรัฐที่มีผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งและสภาท้องถิ่น ซึ่งจะแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบร่วมกันกับเทศมณฑล เมื่อสาธารณรัฐจีนล่าถอยมายังไต้หวันในปี 1949 สาธารณรัฐจีนมีดินแดนที่อ้างสิทธิ์ซึ่งประกอบด้วย 35 มณฑล, 12 นครปกครองโดยตรง, 1 เขตปกครองพิเศษ และ 2 เขตปกครองตนเอง อย่างไรก็ตาม สาธารณรัฐจีนได้ควบคุมเพียงแค่มณฑลไต้หวัน และเกาะบางเกาะของมณฑลฝูเจี้ยนเท่านั้น นอกจากนี้ สาธารณรัฐจีนยังได้ควบคุมเกาะปราตัสและเกาะไท่ผิงในหมู่เกาะสแปรตลี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะทะเลจีนใต้ที่มีข้อพิพาท โดยหลังจากการถอยล่าไปไต้หวันของสาธารณรัฐจีน บรรดาเกาะดังกล่าวได้รับการกำหนดให้อยู่ภายใต้การบริหารของนครเกาสฺยง[3] นับตั้งแต่ปี 1949 รัฐบาลได้ทำการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ภายใต้การควบคุม ได้แก่ ยกไทเปให้กลายเป็นนครปกครองโดยตรงในปี 1967 เช่นเดียวกับเกาสฺยงในปี 1979 และปรับปรุงการบริหารระดับมณฑลให้มีความคล่องตัวขึ้น โดยถ่ายโอนอำนาจหน้าที่ของมณฑลไปยังรัฐบาลกลาง (มณฑลฝูเจี้ยนในปี 1956 และมณฑลไต้หวันในปี 1998)[4] ในปี 2010 ได้มีการยกฐานะซินเป่ย์ ไถจง และไถหนาน ขึ้นเป็นนครปกครองโดยตรง และในปี 2014 ได้มีการยกฐานะเทศมณฑลเถายฺเหวียน ขึ้นเป็นนครปกครองโดยตรง การยกฐานะครั้งนี้ทำให้เขตการปกครองต่าง ๆ ที่กล่าวไปมีฐานะปัจจุบันเป็นเขตการปกครองระดับบนสุด[5] ตามมาตรา 4 ของรัฐบัญญัติการปกครองส่วนท้องถิ่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนครปกครองโดยตรงยังมีผลบังคับใช้กับเทศมณฑลที่มีประชากรเกิน 2 ล้านคนด้วย แม้ว่าในปัจจุบันบทบัญญัตินี้จะไม่ได้บังคับใช้กับเทศมณฑลใด ๆ ของไต้หวัน แต่ก็เคยบังคับใช้กับเทศมณฑลไทเป (ปัจจุบันคือนครซินเป่ย์) และเทศมณฑลเถายฺเหวียน (ปัจจุบันคือนครเถายฺเหวียน) ประวัติศาสตร์เมื่อประเทศจีนเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐจากระบอบราชาธิปไตยเป็นระบอบสาธารณรัฐในปี 1912 นั้น พรรคชาตินิยม (國民黨 Guómíndǎng; Kuomintang) ได้เถลิงอำนาจในประเทศจีน เขตการปกครองยังคงเป็นเหมือนในสมัยราชาธิปไตย เวลานั้น ประเทศจีนมี
เฉพาะพื้นที่ไต้หวันปัจจุบันนั้นเดิมประกอบด้วย มณฑลไต้หวัน (臺灣省 Táiwān Shěng; Taiwan Province) และมณฑลฝูเจี้ยน (福建省 Fújiàn Shěng; Fujian Province) ต่อมาในปี 1949 สงครามกลางเมืองส่งผลให้พรรคสังคมนิยม (共产党 Gòngchǎndǎng; Communist Party) ได้เป็นใหญ่ในประเทศจีน พรรคสังคมนิยมเปลี่ยนรูปแบบการปกครองจากระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบสังคมนิยม และเรียกประเทศเสียใหม่ว่า "สาธารณรัฐประชาชนจีน" พรรคชาตินิยมจึงหนีไปยังเกาะไต้หวัน และจัดตั้งการปกครองบนพื้นที่ไต้หวันแยกเป็นประเทศต่างหากจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เรียกว่า "สาธารณรัฐจีน" แต่พรรคสังคมนิยมยังคงถือว่า พื้นที่ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน กับทั้งสาธารณรัฐจีนเองก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติว่าเป็นประเทศเอกราชมาจนปัจจุบัน สาธารณรัฐจีนนั้นชั้นแรกยังบริหารตามเขตการปกครองเดิม คือ มีมณฑลไต้หวัน กับมณฑลฝูเจี้ยน และมณฑลทั้ง 2 แบ่งออกเป็นเทศบาลมณฑล และเทศมณฑล กับทั้งมีเขตการปกครองพิเศษเรียกว่า เทศบาลพิเศษ อยู่ในสังกัด แต่ภายหลังมีการจัดระเบียบใหม่ ในช่วงปี 1967 ถึง 2010 มีการแยกเทศบาลพิเศษออกจากมณฑลเพื่อให้ปกครองตนเองโดยขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา มีการให้เทศบาลมณฑลกับเทศมณฑลปกครองตนเองโดยขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางเช่นกัน ไม่ปกครองผ่านมณฑลอีก แต่ยังคงสังกัดมณฑลอย่างเดิม ปัจจุบัน มณฑลจึงเหลืออยู่แต่ในนาม แต่ก็ยังมิได้ยุบเลิกไปเสียทีเดียว[6][7] ดินแดนในปี 1945 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สาธารณรัฐจีนได้ไต้หวัน (ฟอร์โมซา) และเผิงหู (เพสคาโดเรส) จากจักรวรรดิญี่ปุ่น ต่อมาในปี 1949 และ 1950 รัฐบาลสาธารณรัฐจีนที่นำโดยก๊กมินตั๋งแพ้สงครามกลางเมืองจีน จึงถอยไปตั้งรัฐบาลที่ไทเป ไต้หวัน รัฐบาลสาธารณรัฐจีนสูญเสียอำนาจปกครองเกือบทั้งหมดในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเหลือเพียงเกาะนอกชายฝั่งบางส่วนเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงเขตการปกครองข้างล่างนี้เป็นตารางสรุปการเปลี่ยนแปลงเขตการปกครองของไต้หวัน
การยกฐานะครั้งนี้ทำให้เขตการปกครองต่าง ๆ ดังกล่าวมีฐานะปัจจุบันเป็นเขตการปกครองระดับบนสุด ซึ่งได้แก่ มณฑลในนาม 2 แห่งที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการบริหาร, นครปกครองโดยตรง 6 แห่ง, และเขตการปกครองที่อยู่ภายใต้มณฑล ได้แก่ เทศมณฑล 13 แห่ง และนคร 3 แห่ง[8] ระบบปัจจุบัน
นครปกครองโดยตรง เทศมณฑล และนครภายใต้มณฑลปัจจุบันมีเขตการปกครองระดับบนสุดอยู่ 3 ประเภท จำนวนรวมทั้งสิ้น 22 แห่ง และบริหารโดยตรงโดยรัฐบาลกลาง (สภาบริหาร, Executive Yuan) ตามรัฐบัญญัติการปกครองท้องถิ่นของไต้หวัน เขตการปกครองที่มีประชากรมากกว่า 1.25 ล้านคน สามารถยกขึ้นเป็นนครปกครองโดยตรงได้ เขตการปกครองที่มีประชากรระหว่าง 0.5 ถึง 1.25 ล้านคน สามารถยกขึ้นเป็นนครได้ และเทศมณฑลที่มีประชากรมากกว่า 2 ล้านคน สามารถให้สิทธิพิเศษบางอย่างในการปกครองตนเองซึ่งออกแบบมาสำหรับนครปกครองโดยตรง
เขตการปกครองทั้ง 22 แห่งเหล่านี้ได้รับการบังคับใช้โดยรัฐบัญญัติการปกครองท้องถิ่น ในฐานะองค์กรปกครองตนเองท้องถิ่น แต่ละแห่งมีฝ่ายบริหารของตนเองที่เรียกว่า "รัฐบาลนคร/รัฐบาลเทศมณฑล" และฝ่ายนิติบัญญัติของตนเองที่เรียกว่า "สภานคร/สภาเทศมณฑล" ทั้งนายกเทศมนตรีนคร ผู้ปกครองเทศมณฑล และสมาชิกสภานิติบัญญัติ ทั้งหมดนี้ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนภายใต้เขตอำนาจของตนทุกสี่ปี
เมือง ตำบล นครภายใต้เทศมณฑล และเขตเขตการปกครองระดับบนสุดทั้ง 22 แห่ง แบ่งย่อยออกเป็น 368 เขตการปกครอง สามารถจัดประเภทได้ดังตารางข้างล่างนี้
เขตการปกครองระดับล่างเขตการปกครองทั้ง 368 แห่ง แบ่งย่อยออกเป็นหมู่บ้านและละแวก
ผู้ใหญ่บ้านจะได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของตนทุก ๆ สี่ปี และหัวหน้าละแวกจะได้รับการแต่งตั้งจากผู้ใหญ่บ้าน ดูเพิ่มอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ เขตการปกครองของไต้หวัน
|