เจ้าชายโคลทวิชแห่งโฮเอินโลเออ-ชิลลิงส์เฟือสท์
เจ้าชายโคลทวิช คาร์ล วิคทอร์ เฟือสท์แห่งโฮเอินโลเออ-ชิลลิงส์เฟือสท์ เจ้าชายแห่งราทิบอร์และแห่งคอร์ไว (เยอรมัน: Chlodwig Carl Viktor Fürst zu Hohenlohe-Schillingsfürst, Prinz von Ratibor und von Corvey) เป็นเจ้าชายเยอรมันจากราชรัฐโฮเอินโลเออและเป็นรัฐบุรุษเยอรมัน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจักรวรรดิเยอรมันและมุขมนตรีปรัสเซียระหว่างปี ค.ศ. 1894 ถึง 1900 โดยก่อนหน้าที่จะทรงเป็นนายกรัฐมนตรี ทรงเคยดำรงตำแหน่งมุขมนตรีบาวาเรีย (1866–1870), เอกอัครราชทูตประจำกรุงปารีส (1873–1880), เสนาบดีต่างประเทศปรัสเซีย (1880) และผู้กำกับราชการจักรวรรดิประจำอาลซัส-ลอแรน (1885–1894) ทรงได้รับการยอมรับนับถือเป็นหนึ่งในนักการเมืองหัวก้าวหน้าคนสำคัญที่สุดของเยอรมนีในยุคนั้น เจ้าชายโคลทวิชประสูติที่เมืองโรเทินบวร์คอันแดร์ฟุลดาในรัฐเฮ็สเซินของสมาพันธรัฐเยอรมัน ในราชตระกูลโฮเอินโลเออ เจ้าชายฟรันทซ์ โยเซฟ พระบิดาทรงเป็นคาทอลิก ในขณะที่เจ้าหญิงค็อนชตันเซอแห่งโฮเอินโลเออ-ลังเงินบวร์ค พระมารดา เป็นลูเทอแรน เจ้าชายโคลทวิชเคยคิดจะเข้ารับราชการทหารในกองทัพอังกฤษโดยการสนับสนุนของเจ้าหญิงเฟโอดอราแห่งโฮเอินโลเออ-ลังเงินบวร์ค ผู้เป็นป้าและเป็นลูกพี่ลูกน้องกับสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย แต่แล้วก็ทรงเปลี่ยนใจเข้ารับราชการในฝ่ายการทูตของปรัสเซียแทนในปี ค.ศ. 1843 เส้นทางชีวิตข้าราชการในช่วงแรกนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 4 เท่าที่ควร ในช่วงปี ค.ศ. 1850–1866 โคลทวิชพยายามสร้างสัมพันธภาพกับรัฐบาลบาวาเรียมาตลอด ในที่สุดเขาก็มีเส้นสายแข็งแกร่งในเบอร์ลินกับมิวนิกและเป็นที่ยอมรับของรัฐบาลบาวาเรีย ต่อมาหลังสงครามออสเตรีย-ปรัสเซียในปี ค.ศ. 1866 มุขมนตรีปรัสเซีย อ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์ค เริ่มเข้ามาสนับสนุนเขาอย่างลับ ๆ ทั้งในด้านการเงินและการเมือง ในปลายปีเดียวกันนั้น โคลทวิชได้รับตำแหน่งเสนาบดีราชสำนักและกิจการต่างประเทศ ควบตำแหน่งมุขมนตรีบาวาเรีย และต่อมาในปี ค.ศ. 1873 เขาถูกเลือกโดยบิสมาร์คไปเป็นทูตเยอรมันประจำกรุงปารีสเป็นเวลาเจ็ดปี จนกระทั่งเมื่อเสนาบดีต่างประเทศ แบร์นฮาร์ท แอนสท์ ฟ็อน บือโล ถึงแก่อนิจกรรมในปี ค.ศ. 1879 เขาถูกเรียกตัวกลับกรุงเบอร์ลินเพื่อมาดูแลการต่างประเทศชั่วคราวและยังปฏิบัติหน้าที่แทนบิสมาร์คที่ระหว่างที่ลางานจากอาการป่วย |