เจ้าชายปีเตอร์แห่งกรีซและเดนมาร์ก
เจ้าชายปีเตอร์แห่งกรีซและเดนมาร์ก (อังกฤษ: His Royal Highness Prince Peter of Greece and Denmarkk) ประสูติเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2451 ณ ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นพระโอรสพระองค์ใหญ่ใน เจ้าชายจอร์จแห่งกรีซและเดนมาร์ก และ เจ้าหญิงมารี โบนาปาร์ต เป็นพระราชนัดดาใน พระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งกรีซ มีพระขนิษฐา 1 พระองค์ คือ เจ้าหญิงยูจีนีแห่งกรีซและเดนมาร์ก โดยทรงสืบเชื้อสายมาจาก นโปเลียน โบนาปาร์ต ผ่านทางสายพระมารดา และยังเป็นพระญาติชั้นที่ 1 ใน เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระราชสวามีใน สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เจ้าชายปีเตอร์ทรงเป็นสมาชิกของ ราชวงศ์ชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์-เซอเนอร์ปอร์-กลึคส์บวร์ค ทรงเป็นพระโอรสพระองค์โตและพระองค์เดียวของ เจ้าชายจอร์จแห่งกรีซและเดนมาร์ก และเจ้าหญิงจอร์จ (มารี โบนาปาร์ต) นักเขียนและนักจิตวิเคราะห์ผู้มั่งคั่ง พระบิดาของพระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สองในพระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งกรีซ และพระมารดาของพระองค์เป็นธิดาเพียงคนเดียวของเจ้าชายโรแลนด์ โบนาปาร์ต นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศสและ มารี-เฟลิกซ์ บลังค์ เจ้าชายปีเตอร์ประสูติที่ปารีส โดยมิได้เสด็จกลับประเทศกรีซระหว่างปี 2455 ถึง 2478 เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และการประกาศสาธารณรัฐเฮเลนิกที่สอง ทรงเข้าร่วมกองทหารรักษาพระองค์แห่งเดนมาร์กในปี พ.ศ. 2475 เพื่อรับราชการทหารขั้นพื้นฐาน และได้รับหน้าที่เป็นร้อยตรีในปี พ.ศ. 2477 ทรงใช้เวลาช่วงฤดูร้อนที่พระราชวังเบิร์นฟอร์ด ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นพระบิดาของพระองค์ เจ้าชายวัลเดมาร์แห่งเดนมาร์ก พระองค์และพระขนิษฐาทรงเรียกเจ้าชายวัลเดมาร์แห่งเดนมาร์ก ว่า "ปาปาทู" ตามธรรมเนียม พระมารดาของพระองค์มิได้มีส่วนร่วมในการอบรมเลี้ยงดูของพระโอรส-ธิดา และเมื่อทรงเข้าสู่วัยหนุ่ม มีเพียงคำแนะนำของนักจิตวิเคราะห์ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ เท่านั้นที่ช่วยระงับความรู้สึกส่วนพระองค์ ภายหลังการฟื้นฟูราชวงศืกรีซจาก สมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 2 แห่งกรีซ ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ เจ้าชายปีเตอร์ได้เสด็จกลับประเทศกรีซ และเข้าร่วมพระราชพิธีพระบรมศพ พระเจ้าคอนสแตนตินที่ 1 แห่งกรีซ และได้พบกับ โอลกา คอนสแตนตินอฟนา แห่งรัสเซีย และ เจ้าหญิงโซเฟียแห่งปรัสเซีย ซึ่งเป็นพระอัยยิกา (ย่า) และ พระปิตุลานี (ป้าสะใภ้) ของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 3 ในการสืบราชบัลลังก์ ถัดจาก สมเด็จพระเจ้าปัฟโลสแห่งกรีซ และ เจ้าชายจอร์จ พระบิดาของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงเป็นสมาชิกพระราชวงศ์ที่สำคัญพระองค์หนึ่ง ในช่วงปี 2473 พระองค์อาจจะเสกสมรสกับ สมเด็จพระราชินีฟรีแดรีกีแห่งกรีซ แต่แล้ว พระนางก็ได้เข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับ สมเด็จพระเจ้าปัฟโลสแห่งกรีซ และได้เข้าขึ้นสู่ตำแหน่งสมเด็จพระราชินีแห่งกรีซ ต่อมาทรงให้กำเนิด สมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสเปน สมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนตินที่ 2 แห่งกรีซ และ เจ้าหญิงไอรีนแห่งกรีซและเดนมาร์ก ในปีพ.ศ. 2478 เจ้าชายปีเตอร์ทรงเริ่มมีความสัมพันธ์กับ ไอรีนา โอตินนิโกวา ซึ่งเป็นหญิงชาวรัสเซียที่อายุมากกว่าพระองค์ราว 4 ปี ในปีถัดมา เธอได้รับการหย่าร้างครั้งที่สอง และอิทธิพลของเธอที่มีต่อเจ้าชายปีเตอร์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครอบครัวของเจ้าชายไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์และ ไอรีนาอย่างยิ่ง เจ้าชายปีเตอร์เองก็มิได้อยากตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร ที่ทรงสละราชบัลลังก์เพื่อทรงอภิเษกสมรสกับ วอลลิส ซิมป์สัน จนเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก เจ้าชายปีเตอร์ได้เสด็จเยือน ทวีปเอเชีย ในเดือนกันยายน 2480 ทรงผ่านซีเรียและเปอร์เซีย ก่อนจะไปถึงอินเดีย เพื่อค้นหาชนเผ่าที่ทรงสามารถศึกษาได้ โดยเสด็จมาถึงที่ซึ่งปัจจุบันคือปากีสถาน ในต้นปี 2481 ทรงทำการวิจัยในภูมิภาคของลาฮอร์ กูลู เลห์ และศรีนคร ทรงเยี่ยมชมหลุมฝังศพของนักเดินทางชาวเดนมาร์ก และเมื่อเสด็จกลับประเทศ พระองค์ตัดสินพระทัยสานสัมพันธ์กับ ไอรีนา โอตินนิโกวา ทั้งคู่เสกสมรสกันในสถานกงสุลเดนมาร์ก ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2482 เมื่อทราบถึงความสัมพันธ์ที่ครอบครัวไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ เจ้าชายไม่ทรงสนพระทัย และประกาศให้ประชาชนทราบ ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เจ้าชายจอร์จทรงถูกดูหมิ่นโดยการตัดสินพระทัยของพระโอรสที่จะไม่ทูลขอพระองค์หรือพระมหากษัตริย์กรีซ ทรงเสกสมรส ทรงปฏิเสธที่จะติดต่อกับพระโอรส ในขณะที่พระมารดา ทรงติดต่อและพระราชทานเงินให้เป็นเนืองๆ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การเสกสมรสจะผ่านไปด้วยความยากเข็ญ แต่ทั้ง 2 ก็ผ่านมาได้ โดยเจ้าชายต้องสูญเสียสิทธิ์ในการสืบราชบัลลังก์ แต่กระนั้น ทั้ง 2 ก็ไม่มีพระบุตร เจ้าชายปีเตอร์แห่งกรีซและเดนมาร์ก สิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2523 สิริพระชันษา 71 ปี
อ้างอิง
|