Share to:

 

เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก

เจ้าหญิงชาร์ลีน
เจ้าหญิงพระชายาแห่งโมนาโก
ดำรงพระยศ1 กรกฎาคม 2011 – ปัจจุบัน
ก่อนหน้าเกรซ เคลลี
ประสูติ (1978-01-25) 25 มกราคม ค.ศ. 1978 (46 ปี)
บูลาวาโย ประเทศโรดิเซีย
ชาร์ลีน ไลเนตต์ วิตต์สท็อก
พระสวามีเจ้าชายอาลแบร์ที่ 2 เจ้าผู้ครองโมนาโก (2011–ปัจจุบัน)
พระบุตร
พระบิดาไมเคิล เคนเนท วิตต์สท็อก
พระมารดาไลเนตต์ ฮัมเบอร์สโตน
ศาสนาโรมันคาทอลิก (เดิมโปรเตสแตนต์)
อาชีพนักว่ายน้ำ
ลายพระอภิไธย

เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก (พระนามเดิม ชาร์ลีน ไลเนตต์ วิตต์สท็อก; 25 มกราคม ค.ศ. 1978) เป็นอดีตนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติแอฟริกาใต้[1] และได้ดำรงอิสริยยศเป็น เจ้าหญิงแห่งโมนาโก ในฐานะพระชายาในเจ้าชายอาลแบร์ที่ 2 เจ้าผู้ครองโมนาโก หลังจากที่ตำแหน่งดังกล่าวได้ว่างลงหลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงเกรซ พระมารดาของสวามี[2]

พระประวัติ

เจ้าหญิงชาร์ลีนประสูติเมื่อวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 1978 ณ เมืองบูลาวาโย ประเทศโรดิเซีย (ปัจจุบันคือประเทศซิมบับเว)[3] เป็นธิดาของไมเคิล เคนเนต วิตต์สท็อก กับไลเนตต์ วิตต์สท็อก (สกุลเดิม ฮัมเบอร์สโตน) บิดาของเธอมีอาชีพเป็นพนักงานขาย[4] ส่วนมารดาเป็นอดีตผู้ฝึกสอนนักว่ายน้ำและนักดำน้ำ[5][6] ชาร์ลีนมีน้องชายด้วยกันสองคน ได้แก่ กาเรธ (เกิด ค.ศ. 1980) นักเทคนิคคอมพิวเตอร์ และฌอน (เกิด ค.ศ. 1983) ทำงานพนักงานขาย[5]

ครอบครัวของชาร์ลีนอพยพเข้าสู่ประเทศแอฟริกาใต้ใน ค.ศ. 1989 ขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 11 ปี[3] และเข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนประถมทอมนิวบีในเมืองเบโนนี ใกล้กับเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ช่วงปี 2531- 2534[7]

บรรพบุรุษของพระองค์คือ มาร์ทิน ก็อตต์ลีบ วิตต์สท็อก และลุยเซอ วิตต์สท็อก ซึ่งมีพื้นเพเดิมมาจากหมู่บ้านแซร์เรินซิน แถบพอเมอเรเนีย ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเยอรมัน ได้อพยพเข้าสู่ประเทศแอฟริกาใต้ใน ค.ศ. 1861 เพื่อหลบหนีความยากลำบากเพื่อมาขุดเพชร แต่กลับไม่ประสบผลสำเร็จ[8]

เฮนริก คาร์ล วิตต์สท็อก บุตรชายของมาร์ทิน ก็อตต์ลีบได้สมรสกับโอลีฟ ฟลอเรนซ์ คอล์ดเวลล์ สตรีเชื้อสายอังกฤษ และบุตรชายของพวกเขาคือ ดัดลีย์ เคนเน็ต วิตต์สท็อก (ปู่ของชาร์ลีน) ได้สมรสกับซิลเวีย ฟากัน นิโคลสัน ซึ่งมีเชื้อสายอังกฤษเช่นกัน[9]

นักกีฬาว่ายน้ำ

อภิเษกสมรส

ชาร์ลีนได้พบกับเจ้าชายอัลแบร์ครั้งแรกใน ค.ศ. 2000 ในการแข่งขันว่ายน้ำที่จัดขึ้นในโมนาโก[5][10] และทั้งสองได้ออกงานร่วมกันครั้งแรกในพิธีเปิดงานโอลิมปิกฤดูหนาวใน ค.ศ. 2006[3] ภายหลังชาร์ลีนได้เข้าไปอาศัยร่วมกันกับเจ้าชายอัลแบร์ในปีเดียวกันนั้นเอง[10] ชาร์ลีนและเจ้าชายอัลแบร์ได้ออกงานร่วมกันอีกในงานอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงวิกตอเรีย มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน ค.ศ. 2010 และงานอภิเษกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์ ในปี 2011

เจ้าชายอัลแบร์ทรงหมั้นกับชาร์ลีนเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2011[11][12][13][14] เธอต้องละจากการนับถือนิกายโปรเตสแตนต์ แล้วเปลี่ยนไปนับถือนิกายโรมันคาทอลิก ตามกฎมนเทียรบาลของโมนาโก[15] หลังจากนั้นว่าที่เจ้าหญิงแห่งโมนาโกจะต้องหัดรับสั่งภาษาฝรั่งเศส และภาษาโมนาโก

เดิมการอภิเษกสมรสจะถูกจัดขึ้นภายในวันที่ 8-9 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 แต่กลับถูกเลื่อนไปเนื่องจากงานอภิเษกสมรสอาจซ้อนกับงานประชุมของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ซึ่งงานประชุมดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 5-9 กรกฎาคม ทั้งสองได้เชิญสมาชิกของ IOC รวมไปถึงนายฌาคส์ รอคเคอ (Jacques Rogge) ประธาน IOC เพื่อมาร่วมงานอภิเษกสมรส[16] ทั้งสองวางแผนการประชุม IOC ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของเจ้าหญิงแห่งโมนาโกที่จะได้เสด็จไปยังบ้านเดิมของพระองค์เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ที่ประเทศแอฟริกาใต้[16]

เจ้าชายและเจ้าหญิงขณะเสด็จประพาสเมืองกรากูฟ

หนึ่งสัปดาห์ก่อนงานอภิเษก สำนักพระราชวังปฏิเสธรายงานข่าวเกี่ยวกับชาร์ลีนว่าเธอไม่กล้าเข้าร่วมพิธีอภิเษกสมรส[3][17] มีรายงานจาก L'Express หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ของฝรั่งเศส ได้รายงานข่าวว่า ชาร์ลีนได้พยายามหนีออกจากพระราชวังในวันที่ 28 มิถุนายน หลังจากข่าวลือว่าเจ้าชายอัลแบร์มีพระบุตรนอกสมรสคนที่สาม[18] ซึ่งรายงานดังกล่าวได้อ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของโมนาโกได้พยายามขัดขวางชาร์ลีนในสนามบินนีซโกตดาซูร์ (Nice Côte d'Azur) และยึดหนังสือเดินทางของเธอ[19] มีการโน้มน้าวเธอจากเจ้าชายอัลแบร์และเจ้าหน้าที่ของพระราชวังให้เธอกลับไปยังที่พัก[20] ขณะเดียวกันสำนักพระราชวังของโมนาโกได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ข่าวลือที่ขี้เหร่" อันเกิดจากความริษยา[18]

วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 ทั้งคู่ได้สมรสกันตามกฎหมายที่จัดภายในพระราชวังเจ้าชายแห่งโมนาโก[3] และพิธีสมรสทางศาสนาในวันที่ 2 กรกฎาคม ที่จัดอย่างหรูหรา[3] หลังการฮันนีมูนของทั้งสองที่ประเทศแอฟริกาใต้ หนังสือพิมพ์ของสเปน, สหราชอาณาจักร และรายงานอื่นๆ ต่างลงข่าวว่าทั้งสองไม่ได้พักอยู่ในโรงแรมเดียวกัน[21] แต่แท้จริงแล้วทั้งสองจองโรงแรมหลายแห่งที่ห่างกันหลายไมล์ ซึ่งรายงานดังกล่าวเปรียบเสมือนการกระตุ้นความไม่ลงรอยในชีวิตส่วนพระองค์ซึ่งมีตั้งแต่ก่อนการอภิเษกสมรสของทั้งสอง[22][23][24]

วันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2014 พระองค์มีพระประสูติกาลพระโอรสและพระธิดาแฝดคล้ายร่วมกัน 2 พระองค์[25] คือ

  1. เจ้าหญิงกาเบรียลา เคาน์เตสแห่งการ์ลาแด็ส (ประสูติ: 10 ธันวาคม ค.ศ. 2014)
  2. เจ้าชายฌัก รัชทายาทแห่งโมนาโก (ประสูติ: 10 ธันวาคม ค.ศ. 2014)

พระเกียรติยศ

พระอิสริยยศ

  • ชาร์ลีน ไลเนตต์ วิตต์สท็อก (25 มกราคม ค.ศ. 1978 - 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2011)
  • เฮอร์เซอรีนไฮนิส เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก (1 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 - ปัจจุบัน)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

พงศาวลี

อ้างอิง

  1. "องค์ประมุขโมนาโก เจ้าชายที่กลัวฝน". นสพ.เดลินิวส์. 9 มิถุนายน 2552. สืบค้นเมื่อ 2010-11-20.
  2. "Biography". Prince's Palace of Monaco. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-04. สืบค้นเมื่อ 1 July 2011.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 "Monaco's Prince Albert weds South African Charlene Wittstock". BBC News. 1 July 2011.
  4. "Biography - Prince's Palace of Monaco". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-04. สืบค้นเมื่อ 5 July 2011.
  5. 5.0 5.1 5.2 Centre de Presse de Monaco. "Biographical details for Ms. Charlene Wittstock". Princely Wedding Monaco 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-26. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  6. "After William and Kate's wedding, preparations for royal wedding of Prince Albert of Monaco begin". International Business Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-07. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  7. "Charlene Wittstock remembered at former primary school". Times LIVE. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  8. "Charlenes Wurzeln Vorfahren kommen aus Zerrenthin". n-tv (ภาษาเยอรมัน). 19 June 2011. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  9. 9.0 9.1 Wittstock (PDF), Ancestry 24
  10. 10.0 10.1 AP (23 June 2010). "Monaco's Prince Albert to marry Charlene Wittstock". Gmanews.tv. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  11. เจ้าชายอัลแบร์ได้พระราชทานสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสฉบับหนึ่งว่า งานอภิเษกสมรสจะถูกจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 2006.Fit for a princess: Prince Albert and Charlene guests of honour at Grace Kelly exhibit
  12. La Nueva España. "Baile de la Rosa con sabor marroquí". Lne.es. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  13. By the CNN Wire Staff. "Monaco's Prince Albert gets engaged". CNN. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  14. "Prince Albert of Monaco engaged to Charlene Wittstock". BBC News. 23 June 2010. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  15. "Marriage Princier 2011 Website, Frequently Asked Questions". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-23. สืบค้นเมื่อ 26 April 2011.
  16. 16.0 16.1 "Prince Albert and Charlene change wedding date". Hello!. 2 August 2010. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  17. "Monaco's three-day royal wedding kicks off". Nine News. 1 July 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-02. สืบค้นเมื่อ 1 July 2011.
  18. 18.0 18.1 AP (1 July 2011). "Prince Albert of Monaco weds Charlene Wittstock". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-04. สืบค้นเมื่อ 1 July 2011.
  19. "Prince Albert Reportedly Had Charlene Wittstock's Passport Confiscated: Monaco's Runaway Bride Going Nowhere Fast". [International Business Times. 30 June 2011. สืบค้นเมื่อ 30 June 2011.
  20. "Monaco prince marries South African swimmer". Reuters. 1 July 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-03. สืบค้นเมื่อ 1 July 2011.
  21. "มติชนออนไลน์ - เจ้าชายแห่งโมนาโก-พระชายา"ชาร์ลีน"แยกเตียงนอน ระหว่างฮันนีมูน ย้ำข่าวลือฝ่ายหญิงไม่เต็มใจแต่ง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2011-07-17.
  22. Alberto y Charlene: luna de miel en hoteles separados. http://www.elmundo.es/elmundo/2011/07/12/gentes/1310498303.html
  23. Los Príncipes de Mónaco pasan su luna de miel en hoteles separados. http://www.abc.es/20110712/estilo-gente/abci-charlene-alberto-monaco-luna-201107121439.html
  24. Princess Charlene of Monaco 'spent honeymoon sleeping 10 MILES away from husband Albert' in different hotel. http://www.dailymail.co.uk/news/article-2013453/Princess-Charlene-Monaco-spent-honeymoon-10-MILES-away-Prince-Albert.html
  25. "พสกนิกรโมนาโกสุด "ปลื้มปิติ" เจ้าหญิงชาร์ลีน ทรงพระประสูติกาล "พระทายาทแฝดหญิง-ชาย" วังยิงสลุตฉลอง". มติชนออนไลน์. 11 ธันวาคม 2557. สืบค้นเมื่อ 11 ธันวาคม 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)[ลิงก์เสีย]
  26. Sovereign Ordonnance n° 4038 of 17 November 2012 เก็บถาวร 2013-01-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  27. "Photo of Charlene receiving the Order". 18 November 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-16. สืบค้นเมื่อ 2013-12-15.
  28. Nice Matin, 18 October 2012 "The Princely has arrived in Poland", mention of receiving the order of Merit without citing the grade

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้า เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก ถัดไป
เกรซ แพทริเซีย เคลลี เจ้าหญิงพระชายาแห่งโมนาโก
(1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 – ปัจจุบัน)
ปัจจุบัน
Kembali kehalaman sebelumnya