เสถียร เพิ่มทองอินทร์
พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตราชองครักษ์พิเศษ [3] อดีตเป็นประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม[4][5] สืบต่อจาก พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ที่เกษียณอายุราชการ ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 การศึกษาพล.อ.เสถียร เป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 11 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 22 เคยผ่านการศึกษาอบรมจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 48 จบการศึกษาด้านรัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และปริญญาโท จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ การทำงานพล.อ.เสถียร เคยดำรงตำแหน่งสำคัญดังนี้
ต่อมาในปี พ.ศ. 2549 ได้รับตำแหน่งรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เป็นผู้บัญชาการหน่วยทหารพัฒนาเมื่อ 1 เมษายน พ.ศ. 2551 ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ต่อมาได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555[6] ก่อนจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนของปีเดียวกัน ต่อมาภายหลังศาลปกครอง ได้มีคำสั่งให้ถอนคำสั่งดังกล่าว[7] เกียรติยศพล.อ.เสถียร ได้รับเกียรติยศและได้รับการยกย่องหลายด้าน อาทิ ศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนวัดราชาธิวาส ศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนเสนาธิการทหารบก บุคคลดีเด่นประจำปี 2551 MAN OF THE YEAR จากนิตยสารเส้นทางไทย เป็นประธานนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 22 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 เป็นประธานนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 11 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 รางวัลเกียรติยศจักรดาวปี พ.ศ. 2552 พล.อ.เสถียร ได้รับโปรดเกล้าเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาลูกเสือแห่งชาติปี พ.ศ. 2552 ได้รับพระราชทานโล่เกียรติคุณ รางวัลบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชนแห่งชาติปี พ.ศ. 2552 เป็นตุลาการศาลทหารสูงสุด ปี พ.ศ. 2553 เป็นนายกสมาคม ลอนโบวล์สแห่งประเทศไทยปี พ.ศ. 2554 และเป็นประธานนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นปี 2548 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 คดีความวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่า พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ผู้คัดค้าน จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๖๔ ประกอบมาตรา ๒๖๓ วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๑ ห้ามผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๑๙ ลงโทษจำคุก ๒ เดือน และปรับ ๔,๐๐๐ บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ [8] ชีวิตส่วนตัวพล.อ.เสถียร มีชื่อเล่นว่า "เปี๊ยก" สื่อมวลชนจึงมักเรียกชื่อตามภาษาของสื่อฯว่า "บิ๊กเปี๊ยก" ชีวิตครอบครัวสมรสกับ ดร.ณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ นายกเทศมนตรีตำบลคำขวาง มีบุตรี 1 คน คือ พ.อ.หญิง ณิชาพัฒน์ เพิ่มทองอินทร์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
วิกิคำคมมีคำคมเกี่ยวกับ เสถียร เพิ่มทองอินทร์ |