แฮล ร็อบสัน-คานู
แฮล ร็อบสัน-คานู (เกิด 21 พฤษภาคม 1989) นักฟุตบอลชาวเวลส์เชื้อสายไนจีเรีย ตำแหน่งกองกลางหรือกองหน้า เคยเล่นให้กับสโมสรเรดิงและเวสต์บรอมมิช อัลเบียน ในพรีเมียร์ลีก และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลทีมชาติเวลส์ชุดที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส ร็อบสัน-คานู เริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลเมื่อเข้ามาอยู่ในศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสรอาร์เซนอล และย้ายไปศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสรเรดิงเมื่ออายุได้ 15 ปี ก่อนที่จะได้รับสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพจากสโมสรเรดิงเมื่อปี 2007 โดยเขาถูกส่งไปหาประสบการณ์ในทีมชุดใหญ่กับสโมสรฟุตบอล เซาท์เอนด์ยูไนเต็ด และ สวินดันทาวน์ ในระดับลีกวันด้วยสัญญายืมตัว ปี ค.ศ. 2009 ร็อบสัน-คานู ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของเรดิงเป็นครั้งแรกด้วยการเป็นผู้เล่นตัวสำรอง ก่อนที่จะยึดตำแหน่งในทีมเอาไว้ได้ และกลายมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของสโมสร โดยเขาพาสโมสรคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป ได้ในฤดูกาล 2011–12 และได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก ในฤดูกาล 2012–2013 ในปัจจุบันแฮล ร็อบสัน-คานู จัดเป็นหนึ่งในผู้เล่นของเรดิงที่ลงสนามให้สโมสรมากที่สุดคนหนึ่ง เมื่อลงเล่นในลีกเกินกว่า 190 นัด ในการลงเล่นระดับชาติแฮล ร็อบสัน-คานู เป็นชาวบริติช-ไนจีเรีย โดยมีบิดาเป็นชาวไนจีเรีย ส่วนบรรพบุรุษของมารดามาจากเวลส์ และตัวเขาเกิดที่เกรเทอร์ลอนดอน, อังกฤษ ร็อบสัน-คานูจึงสามารถเลือกเล่นให้กับทีมชาติได้ถึง 3 ประเทศ ทั้งทีมชาติไนจีเรีย, ทีมชาติอังกฤษ และทีมชาติเวลส์ โดยแฮล ร็อบสัน-คานู เล่นในระดับชาติครั้งแรกให้กับทีมชาติอังกฤษที่เป็นแผ่นดินเกิด โดยลงเล่นในระดับเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปี และเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี ก่อนจะเปลี่ยนมาเล่นให้กับทีมชาติเวลส์ ในปี ค.ศ. 2010 ในระดับเยาวชนอายุไม่เกิน 21 ปี และติดทีมชาติเวลส์ชุดใหญ่ในยุคของจอห์น โตแช็ค รวมถึงเป็นผู้เล่นทีมชาติเวลส์ชุดฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ประวัติแฮล ร็อบสัน-คานู เกิดที่ย่านแอ็กตัน เขตอีลิ่งในเกรเทอร์ลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีบิดาเป็นชาวไนจีเรีย และมารดามีเชื้อสายเวลส์[4] เขาได้เข้าสู่ศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล เมื่ออายุได้ 10 ปี และอยู่ที่นั่นจนถึงอายุ 15 ก่อนจะย้ายเข้ามาสู่ศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสรเรดิง ตามคำชักชวนของเบรนดัน ร็อดเจอส์ ที่ขณะนั้นเป็นผู้จัดการทีมชุดเยาวชนของเรดิง เซาท์เอนด์ยูไนเต็ดฤดูกาล 2007–08 หลังจากจบหลักสูตรในศูนย์ฝึกเยาวชนของเรดิง แฮล ร็อบสัน-คานู ได้รับสัญญาในฐานะนักฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2007 ในยุคที่มี สตีฟ คอปเพลล์ อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ เป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้น ก่อนที่ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2008 เขาจะถูกส่งตัวไปหาประสบการณ์ในการลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ โดยเขาย้ายไปเล่นให้กับ สโมสรฟุตบอลเซาท์เอนด์ยูไนเต็ด ในระดับลีกวันด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล ร็อบสัน-คานู ลงสนามในฐานะนักฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรกในการแข่งขันลีกวัน นัดที่บุกไปเสมอกับ เลย์ตันออเรียนต์ 2–2 ที่สนามบริสเบนโรด เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง[5] และมายิงประตูแรกในอาชีพค้าแข้งได้ ในนัดที่เปิดบ้านเสมอกับสโมสรนอตทิงแฮมฟอเรสต์ 1–1 ที่สนามรูตส์ฮอลล์[6] โดยในฤดูกาลแรก เขายิงเพิ่มได้อีก 2 ประตูในนัดที่แข่งกับสโมสร ฮัดเดอร์สฟีลด์ทาวน์ และสโมสรสวอนซีซิตี ก่อนจะกลับต้นสังกัดด้วยผลงานการลงสนาม 8 นัด ยิงไป 3 ประตูในลีกวัน ฤดูกาล 2008–09 ร็อบสัน-คานู กลับมาเล่นให้สโมสรเซาท์เอนด์ยูไนเต็ด อีกครั้งด้วยสัญญายืมตัวเป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยลงสนามในลีกวันไป 14 นัด ยิงได้ 2 ประตู ก่อนจะหมดสัญญายืมตัวและกลับต้นสังกัดอีกครั้งหนึ่ง สวินดันทาวน์เดือนมกราคม ค.ศ. 2009 ร็อบสัน-คานู ย้ายมาเล่นในลีกวันกับสโมสรสวินดันทาวน์ด้วยสัญญายืมตัว โดยเขาลงสนามให้กับสวินดันทาวน์นัดแรกในการแข่งขันลีกวันนัดที่เปิดบ้านเอาชนะสโมสร วอลซอลล์ ไป 3–2 ที่สนามเคาน์ตีกราวน์ และเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ลงสนามอย่างต่อเนื่องและสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น ด้วยการยิงประตูใส่สโมสร สกันทอร์ปยูไนเต็ด, เชลต์นัมทาวน์, โคลชิสเตอร์ยูไนเต็ด และยังยิงประตูใส่ต้นสังกัดเก่าอย่าง เซาท์เอนด์ยูไนเต็ด แฮล ร็อบสัน-คานู ลงเล่นในลีกให้สวินดันทาวน์ 20 นัด ยิงได้รวม 4 ประตู โดย แดนนี วิลสัน อดีตกองกลางทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ ผู้เป็นกุนซือของสโมสรในเวลานั้น ได้ออกมายกย่องฟอร์มการเล่นของร็อบสัน-คานู และกอร์ดอน เกรียร์ 2 ผู้เล่นที่ทำการยืมตัวมาว่ามีฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจอย่างมาก โดยร็อบสัน-คานูเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้สโมสรรอดพ้นจากการตกชั้นเมื่อจบฤดูกาล เรดิงฤดูกาล 2009–10 เบรนดัน ร็อดเจอส์ อดีตผู้จัดการทีมชุดเยาวชนของเรดิงที่เคยร่วมงานกับแฮล ร็อบสัน-คานู สมัยยังเป็นนักเตะเยาวชน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมชุดใหญ่ และได้ให้โอกาสเขาลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของสโมสรเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 2009 ในการแข่งขันฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป นัดที่เปิดบ้านเสมอกับสโมสรนอตทิงแฮมฟอเรสต์ 0–0 ที่สนามมาเดย์สกี[7] โดยในฤดูกาลแรกในทีมชุดใหญ่ของเรดิง เขาได้ลงสนามในฐานะตัวสำรองเป็นส่วนมาก และได้ลงสนามในลีกรวม 17 นัด และเอฟเอคัพ 1 นัด ฤดูกาลต่อมา ร็อบสัน-คานู พัฒนาฟอร์มการเล่นของตัวเองจนสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงภายในทีม และยิงประตูแรกให้กับเรดิงได้ในการแข่งขันฟุตบอลคาร์ลิงคัพ กับสโมสร นอร์ทแฮมป์ตัน ทาวน์ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ.2010 ต่อมาเขายิงประตูแรกในลีกได้ในชัยชนะ 3–0 เหนือสโมสรฟุตบอลบาร์นสลีย์ ก่อนจะยิงในลีกเพิ่มได้อีก 4 ประตู และพาสโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 5 ซึ่งอยู่ในพื้นที่เพลย์ออฟเพื่อเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก โดยในการแข่งขันเพลย์ออฟรอบชิงชนะเลิศ เรดิงต้องพบกับความผิดหวังเพราะต้องพ่ายแพ้ให้แก่สโมสรฟุตบอลสวอนซีซิตี ฤดูกาล 2011–12 สโมสรภายใต้การคุมทีมของ ไบรอัน แม็คเดอร์ม็อต ได้ขายกองหน้าตัวเป้าของทีมอย่างเชน ลอง ออกไป ทำให้ร็อบสัน-คานู ต้องถูกปรับเปลี่ยนให้มาเล่นเป็นกองหน้าแทนในช่วงแรก ก่อนจะกลับมาเล่นในตำแหน่งปีกเช่นเดิม โดยเขาลงสนามในลีกฤดูกาลนี้ถึง 35 นัด ยิงในลีกได้ 4 ประตู และช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป พร้อมกับเลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ วันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2012 ร็อบสัน-คานู ลงเล่นพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก ในนัดที่เสมอกับสโมสรฟุตบอลสโตกซิตี 1–1 ก่อนที่จะยิงประตูแรกในระดับพรีเมียร์ลีกได้เมื่อวันที่ 16 กันยายน ค.ศ.2012 ในนัดที่แพ้สโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์ 1–3 ที่สนามมาเดจสกี สเตเดียม และเป็นที่จดจำของแฟนบอลจากการยิงลูกวอลเลย์ด้วยเท้าซ้าย ผ่านมืออันเนอส์ ลินเนอกา ให้เรดิงขึ้นนำสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก่อนที่จะแพ้ไป 3–4 และยิงคนเดียว 2 ประตูช่วยให้ต้นสังกัดบุกไปชนะสโมสรฟุตบอลฟูแลม ถึงสนามเครเวนคอตทิจ โดยฤดูกาลนี้เขายิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้รวม 7 ประตู ซึ่งเป็นฤดูกาลที่เขายิงประตูในลีกได้มากที่สุด และยังได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสร ลำดับที่ 3 อย่างไรก็ตามฟอร์มการเล่นของเขาไม่อาจช่วยให้สโมสรรอดพ้นจากการตกชั้นได้ เดือนกรกฎาคม ค.ศ.2013 หลังจากเรดิง ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ร็อบสัน-คานู ได้ต่อสัญญากับสโมสรออกไปถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ.2016 เวสต์บรอมมิช อัลเบี้ยนวันที่ 31 สิงหาคม 2016 ร็อบสัน-คานู ได้เซ็นสัญญาสองปีกับทีม เวสต์บรอมมิช อัลเบี้ยน เขาได้ลงสนาม พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016–17 นัดแรกในนัดที่ชนะ สโมสรฟุตบอลเซาแทมป์ตัน 2-1 โดยเขายิงประตูแรกและทำแอสซิสต์แรกในนัดเดียวกันอีกด้วย และในเกมต่อมาเขาก็ทำแอสซิสต์ให้กับเจมส์ มอร์ริสัน ทำประตูขึ้นนำสโมสรฟุตบอลฮัลล์ซิตีก่อนที่จบเกมจะเสมอกัน 1-1 อ้างอิง
|