โรคคาวาซากิ ชื่ออื่น Kawasaki syndrome,[ 1] lymph node syndrome, mucocutaneous lymph node syndrome[ 2] ผู้ป่วยเด็กแสดงอาการ "strawberry tongue" ซึ่งพบในโรคคาวาซากิ [ 3] สาขาวิชา กุมารเวช อาการ มีไข้ > 5 วัน, ต่อมน้ำเหลืองโต , มีผื่น, เจ็บคอ , ท้องเสีย [ 1] ภาวะแทรกซ้อน หลอดเลือดหัวใจโคโรนารีโป่งพอง [ 1] การตั้งต้น อายุ < 5 ปี[ 1] ระยะดำเนินโรค ≈ 3 สัปดาห์[ 1] สาเหตุ ไม่ทราบ[ 1] วิธีวินิจฉัย ขึ้นอยู่กับอาการ, ตรวจหัวใจด้วยเครื่องสะท้อนเสียงความถี่สูง [ 1] โรคอื่นที่คล้ายกัน ไข้ดำแดง , ข้ออักเสบรูมาตอยด์ในเด็ก , กลุ่มอาการอักเสบหลายระบบในเด็ก ซึ่งเกี่ยวข้องกับ COVID-19 [ 1] [ 4] ยา แอสไพริน , อิมมูโนโกลบูลิน [ 1] ความชุก 8–124 ต่อ 100,000 ประชากรที่อายุต่ำกว่า 5 ปี[ 5] การเสียชีวิต อัตราการเสียชีวิต 0.2% (โดยมีการรักษา)[ 3]
โรคคาวาซากิ (ญี่ปุ่น : 川崎病 ; อังกฤษ : Kawasaki disease ) หรือ กลุ่มอาการเยื่อเมือกผิวหนังต่อมน้ำเหลือง [ 6] (อังกฤษ : Mucocutaneous lymph node syndrome ; MCLS, MLNS หรือ MCLNS) เป็นกลุ่มอาการ ที่ยังไม่ทราบสาเหตุชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยมักมีอายุน้อยกว่า 5 ปี และมีอาการเด่นคือมีไข้ [ 7] โรคนี้เป็นโรคหลอดเลือดอักเสบ ชนิดหนึ่ง[ 1] ผู้ป่วยมักมีไข้มากกว่า 5 วัน โดยไข้มักไม่ลดลงหลังกินยาลดไข้ ทั่ว ๆ ไป[ 1] อาการอื่นที่พบได้บ่อยคือมีต่อมน้ำเหลืองที่คอโต ผื่น ตามร่างกายและอวัยวะเพศ ตาแดง ปากแดง ฝ่ามือฝ่าเท้าแดง[ 1] สามสัปดาห์หลังเริ่มมีอาการผิวหนังบริเวณมือและเท้ามักลอก และผู้ป่วยมักมีอาการดีขึ้น[ 1] ผู้ป่วยบางรายจะมีหลอดเลือดหัวใจโป่งพอง ตามมาเป็นภาวะแทรกซ้อน[ 1]
แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุจำเพาะ แต่เชื่อกันว่ากลไกการเกิดอาการของโรคนี้มาจากการทำงานผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ที่เกิดขึ้นหลังจากตอบสนองต่อการติดเชื้อ บางประเภทในเด็กที่มีพันธุกรรมไวต่อการเกิดโรค โรคนี้ไม่ติดต่อจากคนสู่คน[ 1] การวินิจฉัยทำได้โดยดูจากอาการและอาการแสดง[ 1] การตรวจพิเศษอื่น ๆ อาจช่วยสนับสนุนการวินิจฉัยได้ เช่น การตรวจอุลตราซาวนด์หัวใจ การตรวจเลือด เป็นต้น[ 1] กระบวนการวินิจฉัยจะต้องพิจารณาถึงโรคอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันด้วย เช่น ไข้ดำแดง โรคข้ออักเสบในเด็ก เป็นต้น[ 8]
การรักษาโรคคาวาซากิในระยะแรกจะใช้ยาแอสไพริน ขนาดสูงควบคู่กับอิมมูโนโกลบูลิน [ 1] หากได้ผลผู้ป่วยมักหายจากอาการไข้ภายใน 24 ชั่วโมง และฟื้นตัวเป็นปกติ[ 1] ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดกับหลอดเลือดหัวใจ จะต้องมีการติดตามรักษาและอาจต้องผ่าตัด[ 1] หากไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยโรคคาวาซากิจะเกิดหลอดเลือดหัวใจโป่งพองได้ 25% และประมาณ 1% จะเสียชีวิต[ 3] [ 9] ในขณะที่หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอัตราการเสียชีวิตจะลดเหลือ 0.17%[ 9] รายที่มีหลอดเลือดหัวใจโป่งพองจะต้องได้รับการตรวจหัวใจต่อเนื่องตลอดชีวิตโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ[ 10]
โรคคาวาซากิถือเป็นโรคหายาก[ 1] พบได้ประมาณ 8-67 ต่อ 100,000 ประชากรเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ยกเว้นในประเทศญี่ปุ่นซึ่งพบโรคนี้ประมาณ 124 ต่อ 100,000 ประชากร[ 5] พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง[ 1] โรคนี้ได้รับการบรรยายไว้ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1967 โดยนายแพทย์โทมิซากุ คาวาซากิ (ญี่ปุ่น : 川崎 富作 ; โรมาจิ : Kawasaki Tomisaku ) ที่ประเทศญี่ปุ่น[ 5] [ 11]
สาเหตุ
ยังไม่ทราบแน่นอนถึงสาเหตุที่แท้จริง[ 7] แต่มีการระบาดเป็นครั้งคราวในชุมชน ทำให้น่าจะเชื่อว่าเป็นสาเหตุมาจากจุลชีพได้มีการเสนอถึงสาเหตุจากจุลชีพหลายชนิด ที่อาจจะสัมพันธ์กับโรคนี้เช่น ริกเก็ตเซีย (Rickettsia), ไวรัสเอ็ปสไตน์-บาร์ , จากไรฝุ่นบ้าน (Dermatophagoides), หัด , หัดเยอรมัน และอื่น ๆ อีก แต่ยังไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่าจุลชีพชนิดไหนเป็นสาเหตุของโรคคาวาซากิ แต่เป็นไปได้ที่จะกระตุ้นให้ผู้ป่วยบางคนตอบสนองทางระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) ผิดปกติทำให้เกิดโรค[ 1]
อาการ
อาการแสดงของผู้ป่วยโรคคาวาซากิ[ 3]
ไข้สูงเฉียบพลันทันทีทันใด สูงเกิน 104 องศาฟาเรนไฮต์ ไข้จะขึ้น ๆ ลง ระยะเวลา 4-14 วัน แต่บางราย อาจถึง 30 วัน
ตาแดงทั้ง 2 ข้าง ไม่มีขี้ตา (ocular conjunctival injection) เป็นหลังมีไข้ประมาณ 1-2 วัน และเป็นอยู่นานประมาณ 1-2 สัปดาห์
การเปลี่ยนแปลงของริมฝีปากและในช่องปาก ซึ่งอาจพบได้ดังนี้คือ ริมฝีปากแห้ง แดงแตก ลิ้นอาจมีลักษณะหนาขึ้นและออกเป็นสีชมพูคล้ายผลสตรอเบอรี (strawberry tongue) และเยื่อบุในช่องปากแดง
ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต โตข้างเดียวเป็นส่วนใหญ่แต่อาจโตหลายต่อมก็ได้ เมื่อกดที่ต่อมไม่มีอาการเจ็บ
มีผื่นที่ลำตัวหน้าแขน ขา ผื่นเป็นปื้น ๆ หลายรูปแบบบางครั้งพบว่ามีผิวหนังแดง และลอกที่บริเวณก้น (perineal) มักเกิดหลังมีไข้ 1-2 วัน และมีได้หลายแบบ และผื่นอยู่นาน 1-2 สัปดาห์
มีการเปลี่ยนแปลงที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า โดยจะบวมแดง ไม่เจ็บ หลังจากนั้นจะมีการลอกของผิวหนังบริเวณปลายนิ้วมือ และนิ้วเท้า (ประมาณ 10-20 วันหลังมีไข้) และลามไปที่ฝ่ามือฝ่าเท้าบางรายเล็บอาจหลุดได้ หลังจากนั้นบางราย 1-2 เดือนจะมีรอยขวางที่เล็บ (Beau's line)
อาการแสดงอื่น ๆ ที่อาจเกิดร่วมด้วย ได้แก่ ปวดตามข้อ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบแบบไม่ติดเชื้อ ท้องเสีย เป็นต้น[ 1]
โรคแทรกซ้อน
ถ้าเกิดโรคแทรกซ้อนมาก และรุนแรง อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ (ประมาณร้อยละ 1-2)
ในสัปดาห์แรกมือเท้าบวมและเจ็บ
ในสัปดาห์ที่สอง ผิวหนังลอกที่ปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า มีข้ออักเสบมักเป็นทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน เป็นได้ทั้งข้อใหญ่ข้อเล็กในระยะแรกอาจจะมีอาเจียน ปวดท้อง อุจจาระร่วง กล้ามเนื้ออักเสบ
นอกจากนี้ยังพบแก้วหู อักเสบ แผลในปาก ไอ เมื่อมีอาการแทรกซ้อนคือ ปอดอักเสบ รุนแรง ถึงเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เด็กซึม ตับโต ม้ามโต และกระสับกระส่าย ความผิดปกติที่หัวใจพบได้ร้อยละ 10-40 ของเด็กซึ่งเป็นโรคแทรกซ้อนที่สำคัญ ต้องปรึกษาแพทย์ที่รักษาอย่างใกล้ชิด
โรคแทรกซ้อนที่หัวใจ และหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ (coronary artery) ได้แก่
หากเกิดมีอาการมากอาจทำให้เสียชีวิตภายใน สัปดาห์ที่ 2-4 เกิดจาก กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (myocardial ischemia), กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (acute myocardial infarction) จากหลอดเลือดโป่งแตกออก หรือลิ่มเลือดอุดตัน (thrombosis) พบประมาณร้อยละ 20-30 ถ้าไม่ได้รับการรักษาโรคแทรกซ้อน ที่หัวใจ และหลอดเลือด ได้แก่ เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ลิ้นหัวใจอักเสบ ทำให้ลิ้นหัวใจรั่ว และหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ (coronary artery) อักเสบเกิดเป็นหลอดเลือดแดงโป่งพอง (aneurysm) ซึ่งอาจเกิดที่หลอดเลือดเส้นเดียว ตำแหน่งเดียว หรือเกิดหลายเส้นเลือด และหลายตำแหน่งก็ได้ โดยพบความผิดปกติดังกล่าวได้ในช่วง 10-28 วันของโรค
ในผู้ป่วยที่ไม่พบโรคแทรกซ้อนของหลอดเลือดหัวใจจะมีการหายขาดจากโรค (complete recovery) ในเด็กส่วนใหญ่ที่มีโรคแทรกซ้อนทางหัวใจ มักจะสบายดีไม่มีอาการ จากการรวบรวมในญี่ปุ่นพบว่า 1-2 % ของผู้ป่วยด้วยโรคคาวาซากิ เสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนทางหัวใจซึ่งมักเกิดใน 1-2 เดือน แต่การพยากรณ์โรคในระยะยาวยังไม่ทราบ
ความสัมพันธ์กับ COVID-19
ตั้งแต่เมษายน พ.ศ. 2563 อาการป่วยในเด็กที่เพิ่มขึ้นซึ่งคล้ายคลึงกับโรคคาวาซากิได้รับการสังเกตพบในสหรัฐอเมริกา และบางประเทศในยุโรป[ 13] [ 14] องค์การอนามัยโลก กำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้กับโรค COVID-19 [ 13] [ 15] ราชวิทยาลัยกุมารเวชศาสตร์และสุขภาพเด็กแห่งสหราชอาณาจักรได้ออกเอกสารคำแนะนำและได้ตั้งชื่อว่า "กลุ่มอาการอักเสบหลายระบบในเด็ก "[ 4]
การวินิจฉัย
Angiography showing ectatic LAD , with largest aneurysm = 6.5 mm in diameter
โรคคาวาซากิวินิจฉัยจากอาการและอาการแสดงทางคลินิกร่วมกับผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทั้งนี้ยังไม่มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการตัวใดตัวหนึ่งที่จำเพาะต่อโรคนี้[ 8] การวินิจฉัยโรคนี้ให้ทันเวลาจึงต้องอาซัยการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียด[ 16] ซึ่งอาจทำได้ยากโดยเฉพาะในช่วงต้นของการดำเนินโรค ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ได้รับการวินิจฉัยแม้ไปรับบริการที่สถานพยาบาลมาแล้วหลายแห่ง มีโรคอื่น ๆ อีกหลายโรคที่มีอาการคล้ายกันและเป็นโรคร้ายแรงที่ต้องถูกนำมารวมอยู่ในการวินิจฉัยแยกโรค เช่น ไข้ดำแดง กลุ่มอาการช็อกจากพิษ ข้ออักเสบไม่ทราบสาเหตุในเด็ก และภาวะพิษจากปรอท [ 17]
อาการตามแบบฉบับในการวินิจฉัยโรคคาวาซากิคือ มีไข้ห้าวันขึ้นไป[ 18] และมีอาการตามเกณฑ์วินิจฉัยต่อไปนี้อย่างน้อย 4 จาก 5 ข้อ ได้แก่[ 19]
ริมฝีปากหรือช่องปากแดง หรือริมฝีปากแตก
มีผื่นตามตัว
มือเท้าบวมหรือแดง
ตาแดง
ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต ขนาดไม่ต่ำกว่า 15 มิลลิเมตร
มีผู้ป่วยโรคคาวาซากิจำนวนมากโดยเฉพาะที่เป็นเด็กเล็กไม่ได้แสดงอาการครบตามเกณฑ์ในช่วงแรก ปัจจัยผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งแนะนำให้เริ่มการรักษาโรคคาวาซากิไปเลยในผู้ป่วยที่มีเกณฑ์วินิจฉัย 3 ข้อ และมีไข้มา 3 วัน โดยเฉพาะในรายที่มีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่น ๆ เข้าได้กับโรคคาซากิ นอกจากนี้แล้วยังอาจวินิจฉัยโดยการตรวจเจอหลอดเลือดหัวใจโป่งพองได้อีกทาง
การรักษา
การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคคาวาซากิ ควรจะเป็นการดูแลร่วมกันระหว่างกุมารแพทย์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางโรคหัวใจเด็ก พบว่าการบำบัดโดยการฉีดอิมมูโนโกลบูลิน Intravenous gammaglobulin (IVIg)[ 20] [ 21] ในขนาดสูงสามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนทางหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจของผู้ป่วย โดยให้ในขนาด 2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ครั้งเดียว ในกรณีที่ไข้ไม่ลงใน 48 ชั่วโมง สามารถให้ซ้ำได้อีกครั้ง และให้แอสไพริน 80-100 มก./กก. ในระยะเฉียบพลันของโรค และลดเป็น 5 มก./กก. ต่อวัน อีก 6-8 สัปดาห์
แนวทางการให้การรักษา
แกมมา โกลบูลิน (Gamma globulin) ร่วมกับยากลุ่มซาลิไซเลต (Salicylates)[ 22]
ยาลดไข้ และลดการอักเสบ ของกล้ามเนื้อหัวใจ และผนังหลอดเลือด
ยาป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด เพื่อลดอุบัติการของเส้นเลือดอุดตัน
ให้สารภูมิต้านทาน เพื่อลดอุบัติการณ์ การการเกิดการโป่งพองและการอักเสบของหลอดเลือดโคโรนารี
IVIg (intravenous gammaglobulin) เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนทางหลอดเลือดหัวใจ โดยจะให้ผลดีมาก ในระยะ 10 วันแรกของโรค (ยามีราคาสูงมาก)
การพยากรณ์โรค
โรคนี้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีหลอดเลือดแดงโคโรนารีอักเสบจะหายขาดจากโรค พบป่วยเป็นครั้งที่ 2 น้อยมาก[ 23] [ 24] เด็กที่ป่วยแล้วพิการหรือเสียชีวิตจะพบในผู้ที่มีความผิดปกติที่หัวใจ เช่น หลอดเลือดโคโรนารีโป่งพอง
การป้องกัน
ดูแลร่างกายให้แข็งแรง โรคนี้หายได้เอง แต่มีภาวะแทรกซ้อนทางระบบหัวใจและหลอดเลือดที่สำคัญ คือ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และหลอดเลือดหัวใจโป่งพอง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย ตั้งแต่อายุน้อย ๆ ได้ การรักษาด้วยยาตั้งแต่ระยะต้น ๆ ของโรค ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนได้มาก เด็กที่เป็นโรคคาวาซากิจำเป็นต้องได้รับการติดตาม เพื่อระวังภาวะแทรกซ้อน ทางระบบหัวใจและหลอดเลือดต่อเนื่อง ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนแล้ว 2-3 เดือนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยมีข้อปฏิบัติเพิ่มเติมเพียงการปรับระยะเวลาการให้ยาให้เหมาะสมในแต่ละรายเท่านั้น อย่างไรก็ตามภาวะแทรกซ้อนทางระบบหัวใจและหลอดเลือดเหล่านี้ไม่แสดงอาการให้เห็นจนกว่าจะรุนแรงมากแล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพบกุมารแพทย์โรคหัวใจเป็นระยะ ๆ ตามนัดอย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละกรณี[ 25]
อ้างอิง
↑ 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 1.10 1.11 1.12 1.13 1.14 1.15 1.16 1.17 1.18 1.19 1.20 1.21 1.22 1.23 "Kawasaki Disease" . PubMed Health (ภาษาอังกฤษ). NHLBI Health Topics. 11 June 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 11 September 2017. สืบค้นเมื่อ 26 August 2016 . อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "NIH21014" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน
↑ Rapini, Ronald P.; Bolognia, Jean L.; Jorizzo, Joseph L. (2007). Dermatology: 2-Volume Set . St. Louis: Mosby. pp. 1232–4. ISBN 978-1-4160-2999-1 .
↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 Kim DS (December 2006). "Kawasaki disease" . Yonsei Medical Journal . 47 (6): 759–72. doi :10.3349/ymj.2006.47.6.759 . PMC 2687814 . PMID 17191303 .
↑ 4.0 4.1 Guidance - Paediatric multisystem inflammatory syndrome temporally associated with COVID-19 (PDF) , The Royal College of Paediatrics and Child Health, 2020
↑ 5.0 5.1 5.2 Lai, Wyman W.; Mertens, Luc L.; Cohen, Meryl S.; Geva, Tal (2015). Echocardiography in Pediatric and Congenital Heart Disease: From Fetus to Adult (ภาษาอังกฤษ) (2 ed.). John Wiley & Sons. p. 739. ISBN 9781118742488 . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2017-09-11. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "La2015" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน
↑ บัญชีจำแนกโรคระหว่างประเทศ ฉบับประเทศไทย (อังกฤษ-ไทย) ฉบับปี 2009. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, 2552.
↑ 7.0 7.1 McCrindle BW, Rowley AH, Newburger JW, Burns JC, Bolger AF, Gewitz M, Baker AL, Jackson MA, Takahashi M, Shah PB, Kobayashi T, Wu MH, Saji TT, Pahl E (2017). "Diagnosis, Treatment, and Long-Term Management of Kawasaki Disease: A Scientific Statement for Health Professionals From the American Heart Association" . Circulation . 135 (17): e927–e999. doi :10.1161/CIR.0000000000000484 . PMID 28356445 . "Correction" . Circulation . 140 (5): e181–e184. 2019. doi :10.1161/CIR.0000000000000703 . PMID 31356128 .
↑ 8.0 8.1 de Graeff N, Groot N, Ozen S, และคณะ (2019). "European consensus-based recommendations for the diagnosis and treatment of Kawasaki disease - the SHARE initiative" (PDF) . Rheumatology (Oxford) . 58 (4): 672–682. doi :10.1093/rheumatology/key344 . PMID 30535127 .
↑ 9.0 9.1 "Merck Manual, Online edition: Kawasaki Disease" . 2014. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-02. สืบค้นเมื่อ Aug 26, 2016 .
↑ Brogan P, Burns JC, Cornish J, และคณะ (2020). "Lifetime cardiovascular management of patients with previous Kawasaki disease" . Heart . 106 (6): 411–420. doi :10.1136/heartjnl-2019-315925 . PMC 7057818 . PMID 31843876 .
↑ Kawasaki T (March 1967). "[Acute febrile mucocutaneous syndrome with lymphoid involvement with specific desquamation of the fingers and toes in children]". Arerugi . 16 (3): 178–222. PMID 6062087 .
↑ Ravekes WJ, Colan SD, Gauvreau K, Baker AL, Sundel RP, van der Velde ME, และคณะ (April 2001). "Aortic root dilation in Kawasaki disease" . The American Journal of Cardiology . 87 (7): 919–22. doi :10.1016/S0002-9149(00)01541-1 . PMID 11274955 .
↑ 13.0 13.1 Sample, Ian; Campbell, Denis (29 April 2020). "More cases of rare syndrome in children reported globally" . The Guardian . สืบค้นเมื่อ 10 May 2020 .
↑ "Paediatric inflammatory multisystem syndrome and SARS-CoV-2 infection in children" (PDF) . สืบค้นเมื่อ 16 May 2020 .
↑ "Multisystem inflammatory syndrome in children and adolescents with COVID-19" . www.who.int (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 16 May 2020 .
↑ Newburger JW, Takahashi M, Burns JC (2016). "Kawasaki Disease" . Journal of the American College of Cardiology . 67 (14): 1738–49. doi :10.1016/j.jacc.2015.12.073 . PMID 27056781 .
↑ "Kawasaki disease - Diagnosis and treatment - Mayo Clinic" . mayoclinic.org (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-10-05 .
↑ Shulman, Stanford T.; Taubert, Kathryn A. (June 1999). "Kawasaki Disease - June 1999 - American Academy of Family Physicians" . American Family Physician . 59 (11): 3093–102, 3107–8. PMID 10392592 . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-17.
↑ "Kawasaki Disease Diagnostic Criteria" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-08-07. สืบค้นเมื่อ 2016-05-30 .
↑ Kobayashi T, Inoue Y, Morikawa A (February 2008). "[Risk stratification and prediction of resistance to intravenous immunoglobulin in Kawasaki disease]". Nihon Rinsho. Japanese Journal of Clinical Medicine (ภาษาญี่ปุ่น). 66 (2): 332–7. PMID 18260333 .
↑ Harada K (December 1991). "Intravenous gamma-globulin treatment in Kawasaki disease". Acta Paediatrica Japonica . 33 (6): 805–10. doi :10.1111/j.1442-200X.1991.tb02612.x . PMID 1801561 .
↑ Hsieh KS, Weng KP, Lin CC, Huang TC, Lee CL, Huang SM (December 2004). "Treatment of acute Kawasaki disease: aspirin's role in the febrile stage revisited" . Pediatrics . 114 (6): e689-93. doi :10.1542/peds.2004-1037 . PMID 15545617 .
↑ Saha A, Sarkar S (August 2018). "Recurrent Kawasaki Disease". Indian Journal of Pediatrics . 85 (8): 693–694. doi :10.1007/s12098-017-2567-y . PMID 29238944 .
↑ Brasington, Richard D. (2014). Cardiovascular Rheumatic Diseases, An Issue of Rheumatic Disease Clinics, E-Book (ภาษาอังกฤษ). Elsevier Health Sciences. p. 66. ISBN 9780323296991 .
↑ "Who Kawasaki Disease Affects" . Children's Hospital Boston. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2008-11-23. สืบค้นเมื่อ 2009-01-04 .
แหล่งข้อมูลอื่น
การจำแนกโรค ทรัพยากรภายนอก