กะลา (วงดนตรี)
กะลา เป็นวงดนตรีแนวซอฟต์ร็อก จากโรงเรียนวัดทรงธรรม จังหวัดสมุทรปราการ โดยวงเป็นที่รู้จักจากการเข้าประกวดวงดนตรีมัธยม ฮอตเวฟมิวสิกอวอร์ดส์ ครั้งที่ 2 ประจำปี พ.ศ. 2540 แต่ตกรอบ 30 วงสุดท้ายจากวงเข้าประกวดทั่วประเทศกว่า200วง ต่อมากะลาได้กลับมาประกวดอีกครั้งกับฮอตเวฟมิวสิคอวอร์ดส์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2541 โดยครั้งนี้ได้เปลี่ยนสมาชิกสองตำแหน่งคือกลองกับเบส และเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย จนได้รับการชักชวนจากทางแกรมมี่ค่ายจีนี่เร็คคอร์ด พวกเขาได้ออกอัลบั้มชุดแรก "กะลา" ในปี พ.ศ. 2542 มีเพลงดังอย่าง "แม่ครับ" "ไม่มาก็คิดถึง" และ "รอ" ปี พ.ศ. 2544 ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 2 "นอกคอก" มีเพลงดังอย่าง "ขอเป็นตัวเลือก" "อยากเกิดเป็นคนหลายใจ" และ "สัญญา" ปี พ.ศ. 2546 ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 3 "My Name Is Kala" มีเพลงดังอย่าง "My Name Is Kala" "เธอเป็นแฟนฉันแล้ว" และ "บอกสักคำ" ปี พ.ศ. 2548 ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 4 "สามัญ" มีเพลงดังอย่าง "เจ็บนี้มันลึก" "ปิดตา" และ "ถ้าเธอหลายใจ" ปี พ.ศ. 2549 ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 5 "Inside" มีเพลงดังอย่าง "ใช่ฉันหรือเปล่า" และ "กะลา (ใช่ไหม)" ปี พ.ศ. 2551 ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 6 "Minute" ซึ่งอัลบั้มชุดนี้เป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายของวงกะลายุคก่อตั้ง ซึ่งมีสมาชิกอย่าง นุ (มือเบส) ,โต (มือกีตาร์) และ รุส (มือกลอง) อัลบั้มชุดนี้มีเพลงดังอย่าง "4 นาที" ปี พ.ศ. 2553 วงกะลาได้ฟอร์มวงใหม่อีกครั้งประกอบไปด้วยสมาชิกของวงรุ่นใหม่มากประสบการณ์อย่าง เพชร พงศภัค (อดีตมือกีตาร์วงไอแซ็ค) , เขต ปัญญา (มือเบสและนักแต่งเพลง) , สมพร ยูโซะ (อดีตมือกลองวงลาบานูน) และอัลบั้มชุดที่ 7 "4 share" มีเพลงดังอย่าง "หมดเวลาแอบรัก" "หนาวกว่าทุกคืน" "หยุด...เพราะเธอ" "ทำใจให้ชิน" และ "ไม่เห็นฝุ่น" ปี พ.ศ. 2555 ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 8 "Love Infinity" อัลบั้มชุดนี้ถือว่าเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายของวงกะลา อัลบั้มชุดนี้มีเพลงฮิตอย่าง "นาฬิกาของคนรักกัน" "ใจเรายังคงตรงกันอยู่ไหม" "รักจะกอดเราไว้" "ทุกคืนได้ไหม" และ "เหตุผลข้อเดียว" วงกะลาถึงจุดแตกหักในปี พ.ศ. 2557 ด้วยเหตุผลคือ "การทำงานไม่ตรงกัน" โดยยุทธพงษ์ได้แยกออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว อีกทั้งสมาชิกอันประกอบไปด้วย เพชร พงศภัค ทองเจริญ อดีตมือกีตาร์ของวงไอแซ็กซ์ , เขต ปัญญา โกเมนไปรรรินทร์ มือเบสและนักแต่งเพลง และ สมพร ยูโซะ อดีตมือกลองวง ลาบานูน ได้ไปก่อตั้งวงอโศกขึ้นมา ในสังกัดค่ายเพลงของพวกเขาเอง โรดสตาร์ (Road stars) ประวัติการก่อตั้งวง ; เข้าประกวดแข่งขันฮอตเวฟมิวสิกอวอร์ดสครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2540)เริ่มต้นจาก หนุ่ม นักเรียนชั้น ม.5 จากโรงเรียนวัดทรงธรรม ที่ได้รวบรวมเพื่อน ๆ อีก 3 คนเพื่อเข้าแข่งขัน ฮอตเวฟมิวสิกอวอร์ดส์ ครั้งที่ 2 ประจำปี พ.ศ. 2540 แต่ก็ตกรอบ 30 วงสุดท้ายซึ่งวง ลาบานูน ก็ได้ผ่านเข้ารอบสิบวงสุดท้ายแต่ก็ไม่ได้รับรางวัลใดๆ แต่ด้วยสไตล์ของวงทำให้ ลาบานูนก็ได้ออกอัลบั้มจากการชักชวนของ ธเนศ วรากุลนุเคราะห์[2] ลาบานูนออกอัลบั้มเพลง ; กะลาประกวดแข่งขันฮอตเวฟมิวสิกอีกครั้ง (พ.ศ. 2541)โดยหนุ่มไม่มีกำลังใจในการที่จะประกวดอีกครั้ง แต่เมื่อเขาได้เห็นลาบานูน เพื่อนร่วมรุ่นได้ออกอัลบั้มเพลงเป็นของตัวเองจึงทำให้เขามีกำลังใจอีกครั้งและในปีต่อมาคือ พ.ศ. 2541 กะลาก็ได้กลับมาแข่ง ฮอตเวฟมิวสิกอวอร์ดส์ ครั้งที่ 3 โดยในครั้งนี้พวกเขาได้เปลี่ยนสมาชิก 2 ตำแหน่งคือกลองและเบส (โดยมีสมาชิกโตและหนุ่มเป็นสองสมาชิกก่อตั้ง)โดยหลุดเข้าไปในรอบ 10 วงสุดท้ายโดยไม่ได้รับรางวัลใดๆทั้งสิน การชักชวนจากแกรมมี่ (พ.ศ. 2541 - 2542)และหลังจากนั้นอีก 2-3 เดือนทางแกรมมี่ก็ติดต่อมาว่าให้มาที่บริษัทแกรมมี่เพื่อจะได้สกรีนเทสต์ และเมื่อพวกเขาได้สกรีนเทสต์เสร็จแกรมมี่ก็มิได้ติดต่อมาจนทำให้พวกเขาแทบหมดกำลังใจ แต่แล้วหลังจากนั้นอีก 4-5 เดือนแกรมมี่ก็ติดต่อมาว่าให้มาที่บริษัทอีกครั้งเพื่อเซ็นสัญญาเป็นนักร้อง และในที่สุดพวกเขาก็ได้เป็นนักร้องนักดนตรีอาชีพสมใจ อัลบั้มกะลา ; อัลบั้มกะลานอกคอก (พ.ศ. 2542 - 2544)ในอัลบั้มกะลามีเนื้อเพลงที่เป็นสไต์ร็อคที่ฟังง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ซ้อนความคมคาย ด้วยเนื้อหาของเพลง ที่พูดจาตรงไปตรงมา ตามประสาวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเพลงน่ารักอย่าง “ไม่มาก็คิดถึง” และเพลงจังหวะสนุก อารมณ์กวนอย่าง “แม่ครับ” ที่ทำให้หลายคน ต้องถามถึงพวกเขา เรียกได้ว่าพวกเขาเป็นวงร็อคมัธยม ที่มีฝีมือเกินตัว[3] อัลบั้ม “กะลานอกคอก” อัลบั้มที่สองของกะลา ที่มาแรงเกินคาด ในอัลบั้มนี้ฝีมือของกะลาจัดจ้านขึ้น และได้รับการต้อนรับที่ดีมากจากเหล่าแฟนคลับ ประสบความสำเร็จในวงกว้าง ; โปรเจกต์พิเศษ (พ.ศ. 2545)หลังจากที่ประสบความสำเร็จและได้เสียงต้อนรับจากแฟนคลับ พวกเขามีโปรเจกต์พิเศษ "กะลาหัวกะทิ" เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆที่ให้การสนับสนุน ด้วยดีมาตลอด อัลบั้มนี้เป็นการคัดเอาบทเพลงหัวกะทิจากทั้ง 2 อัลบั้มกลับมาเรียบเรียง ทำดนตรี และนำมาขับร้องใหม่" ฟอร์มวงใหม่; อัลบั้มชุดที่สาม (พ.ศ. 2545 - 2557) - แยกวงและยุทธพงษ์เป็นศิลปินเดี่ยวหลังจากปล่อยอัลบั้มหัวกะทิไป กะลาก็ไม่ได้ปล่อยอัลบั้มออก 1-2 ปี โดยในปี พ.ศ. 2546 กะลากลับมาตอกย้ำความเป็นร็อคเข้มข้นในชื่อ KALA รวมทั้งมากับอัลบั้มชุดที่ 3 "My Name Is Kala" และยุทธพงษ์ก็ได้ฟอร์มวงใหม่ โดยมี พงศภัค ทองเจริญ (มือกีตาร์จากวงไอ-แซ็ค) ปัญญา โกเมน ไปรรินทร์ (มือเบสและนักแต่งเพลงมืออาชีพที่แต่งเพลงออกมาเหมือนวง Green Day มาก) และ สมพร ยูโซ๊ะ (อดีตมือกลองวงลาบานูน) มาฟอร์มวงใหม่อีกครั้ง โดยในอัลบั้มนี้มีซาวนด์ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์แบบเฉพาะตัว ที่ไร้ขีดจำกัดความมันส์ และเนื้อหาที่มีความหลากหลายมากขึ้น หนักแน่นขึ้น ทั้งด้านการใช้ภาษาที่แรงแต่ตรงไปตรงมา รวมทั้งหลายเพลงในอัลบั้มชุดนี้ ยังแทรกกลิ่นอายดนตรีร็อกแอนด์โรลล์ ที่พวกเขาหลงใหล นำมาผสมผสานเข้ากับงานดนตรีร็อก โดยยุทธพงษ์ นักร้องนำได้แต่งเพลงและทำนองเอง ถึง 3 เพลงด้วยกันคือ เพลง "MY NAME IS KALA", "บอกสักคำ" และ "ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย" ซึ่งทั้ง 3 เพลงได้กระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก โดยสมาชิกเก่า ๆ ของวงกะลาก็ได้แยกย้ายกันออกไป และมีผลงานต่อมาจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2557 วงกะลาจึงแตกในที่สุด ด้วยเหตุผลคือ "การทำงานไม่ตรงกัน" โดยยุทธพงษ์ได้แยกออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว[4][5] พร้อมด้วยสมาชิก พงศภัค ทองเจริญ อดีตมือกีตาร์ของวงไอแซ็กซ์ , ปัญญา โกเมนไปรรรินทร์ มือเบสและนักแต่งเพลง และ สมพร ยูโซะ อดีตมือกลองวง ลาบานูน ได้ไปก่อตั้งวงอโศกขึ้นมา ในสังกัดค่ายเพลงของพวกเขาเอง โรดสตาร์ (Road stars) [6] ปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 แชแนลยูทูบของค่ายเพลงจีนี่เรคอร์ดส ได้โพสต์คลิป Pre Launch "NUM KALA" ซึ่งเป็นความในใจของยุทธพงษ์ในการเป็นนักร้องเดี่ยว[7][8][9] สมาชิก
ผลงานเพลง
ผลงานการแสดง
รางวัล
อ้างอิง
|