การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยแทนตำแหน่งที่ว่าง ธันวาคม พ.ศ. 2553
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยแทนตำแหน่งที่ว่าง ธันวาคม พ.ศ. 2553 เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยในสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 23 แทนตำแหน่งที่ว่างลง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 6 คนสิ้นสุดสมาชิกภาพเนื่องจากกรณีถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานจากหน่วยงานของรัฐหรือบริษัทประกอบกิจการโทรคมนาคม ซึ่งขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ว่าด้วยคุณสมบัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร [1] ซึ่ง ส.ส.ที่พ้นจากสมาชิกภาพประกอบไปด้วย ส.ส.แบบแบ่งเขตทั้งสิ้น 5 คน จึงต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว ที่มาวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ศาลรัฐธรรมนูญได้เรียกประชุมเพื่อลงมติและเขียนคำวินิจฉัยกลาง ในคดีที่ประธานวุฒิสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรฐานะผู้ร้องส่งความเห็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ กรณีสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 16 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 28 คน ที่ถูกร้องว่าสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 119 (5) และ 106 (6) หรือไม่ เพราะอาจกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 (2) (4) ว่าด้วยที่ถือครองหุ้นในธุรกิจสื่อและบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 12-14/2553 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2553 วินิจฉัยว่าการกระทำอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 265 วรรคหนึ่ง (2) (4) และวรรคสาม ประกอบมาตรา 48 ไม่รวมถึงการถือหุ้นที่มีมาก่อนวันเลือกตั้ง เมื่อการถือหุ้นของผู้ถูกร้องหรือคู่สมรสเป็นการถือหุ้นภายหลังจากที่ผู้ถูกร้องได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้วจึงเป็นอันต้องห้าม ส่วนผู้ถูกร้องหรือคู่สมรสรายอื่นถือหุ้นมาก่อนได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงไม่เป็นอันต้องห้าม ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยระบุว่าบริษัทที่ผู้ถูกร้องทั้งหกได้ทำการถือหุ้นอยู่ซึ่งแม้จะมิใช่บริษัทที่ได้รับสัมปทานหรือเป็นคู่สัญญากับรัฐที่มีลักษณะผูกขาดตัดตอนก็ตาม แต่บริษัทดังกล่าวป็นบริษัทผู้ลงทุนในบริษัทอื่นซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากหน่วยงานของรัฐ จึงเป็นบริษัทอันมีลักษะต้องห้ามตามมาตรา 265 วรรคหนึ่ง (2) การถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวจึงเป็นการถือหุ้นในบริษัทอันมีลักษณะต้องห้ามโดยทางอ้อม ส่วนบริษัทอื่นที่บริษัทดังกล่าวเข้าไปถือหุ้นเป็นบริษัทอันมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 265 วรรคหนึ่ง (2) และรวมถึงบริษัทประกอบกิจการโทรศัพท์ได้รับสัมปทานจากหน่วยงานของรัฐและยังเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการโทรคมนาคม จึงเป็นบริษัทอันมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 265 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 48 [2] ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยระบุถึงกรณีจำนวนหุ้นที่รัฐธรรมนูญห้ามการเข้าถือหุ้นในบริษัทที่ต้องห้ามว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุะต้องถือหุ้นจำนวนเท่าใดและไม่ได้ระบุจะต้องมีอำนาจบริหารงานหรือครอบงำกิจการหรือไม่ ฉะนั้นการถือหุ้นเพียงหุ้นเดียวก็ย่อมเป็นการถือหุ้นตามความหมายในรัฐธรรมนูญแล้วแม้ผู้ถือหุ้นจะไม่มีอำนาจบริหารหรือครอบงำกิจการก็ตาม การที่รัฐธรรมนูญบัญญัติห้ามการถือหุ้นไว้ชัดเจนก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามีช่องทางที่จะใช้หรือถูกใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในทางใดทางหนึ่ง ดังนั้นแม้การซื้อหุ้นของผู้ถูกร้องทั้งหกหรือคู่สมรสจะซื้อในตลาดหลักทรัพย์และเป็นการลงทุนระยะสั้นหรือเพื่อเก็งกำไรก็เป็นอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 วรรคหนึ่ง (2)(4) และวรรคสาม ประกอบมาตรา 48 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของผู้ถูกร้องจำนวนหกรายสิ้นสุดลงตามมาตรา 106 (6) นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่วินิจฉัยให้พ้นสมาชิกภาพตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติด้วยเสียงข้างมาก 7 ต่อ 1 เห็นว่าการถือครองหุ้นในบริษัทต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญที่ถือว่ามีความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 265 จะต้องเป็นการถือหุ้นภายหลังการมีสมาชิกภาพเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาแล้ว ดังนั้นจึงส่งผลให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 6 คนต้องพ้นสมาชิกภาพ ประกอบด้วย
เขตการเลือกตั้งที่มีการเลือกตั้งใหม่ประกอบไปด้วยทั้งหมด 5 เขตเลือกตั้งดังนี้
เว้นแต่ตำแหน่งของ ม.ร.ว.กิติวัฒนา จะได้รับการเลื่อนผู้ที่อยู่ในลำดับถัดไปของผู้สมัคร ส.ส.แบบสัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 6 คือนายถิรชัย วุฒิธรรมขึ้นมารับตำแหน่งแทน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งสิ้น 14 ราย จากทั้ง 5 เขตเลือกตั้ง เขต 2 กรุงเทพมหานคร
เขต 2 ขอนแก่น
เขต 3 สุรินทร์
เขต 1 พระนครศรีอยุธยา
เขต 6 นครราชสีมา
ผลการเลือกตั้งผลการเลือกตั้งในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553 สามารถจำแนกตามพรรคการเมืองดังนี้ [3]
เขต 2 กรุงเทพมหานครเขตการเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วยเขตบางคอแหลม เขตสาทร เขตยานนาวา เขตคลองเตย และเขตวัฒนา
เขต 2 ขอนแก่นเขตการเลือกตั้งที่ 2 ประกอบไปด้วยอำเภอบ้านไผ่ อำเภอพล อำเภอหนองสองห้อง อำเภอชนบท อำเภอแวงน้อย อำเภอแวงใหญ่ อำเภอเปือยน้อย อำเภอโนนศิลา และอำเภอโคกโพธิ์ไชย
เขต 3 สุรินทร์เขตการเลือกตั้งที่ 3 ประกอบไปด้วยอำเภอปราสาท อำเภอกาบเชิง อำเภอสังขะ อำเภอบัวเชด อำเภอศรีณรงค์ และอำเภอพนมดงรัก
เขต 1 พระนครศรีอยุธยาเขตการเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วยอำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอท่าเรือ อำเภอมหาราช อำเภอบ้านแพรก อำเภอนครหลวง อำเภอบางปะหัน อำเภอบางซ้าย อำเภอเสนา อำเภอบางบาล และอำเภอผักไห่
เขต 6 นครราชสีมาเขตการเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วยอำเภอโชคชัย อำเภอหนองบุญมาก อำเภอจักราช อำเภอห้วยแถลง และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ
อ้างอิง
ดูเพิ่ม |