Share to:

 

คืส ฮิดดิงก์

คืส ฮิดดิงก์
ฮิดดิงก์ ขณะเป็นผู้จัดการทีมอันจีมาคัชคาลาในปี 2012
ข้อมูลส่วนตัว
วันเกิด (1946-11-08) 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1946 (78 ปี)
สถานที่เกิด ฟาร์สเซอเฟลด์, เนเธอร์แลนด์
ตำแหน่ง กองกลาง
สโมสรเยาวชน
เอสเซ ฟาร์สเซอเฟลด์ (SC Varsseveld)
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
1967–1970 เดอคราฟสคัป (De Graafschap)
1970–1972 เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน 30 (1[1])
1972–1977 เดอคราฟสคัป 130 (9[1])
1977–1981 เอ็น.เอ.เซ. ไนเมเคิน (N.E.C. Nijmegen) 104 (2[1])
1978วอชิงตันดิโพลแมตส์ (ยืมตัว) 13 (4[2])
1980แซนโฮเซเอิร์ทเควกส์ (ยืมตัว) 15 (0[2])
1981–1982 เดอคราฟสคัป 25 (0[1])
รวม 317 (16)
จัดการทีม
1982–1984 เดอคราฟสคัป (ผู้ช่วยผู้จัดการทีม)
1984–1987 เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน (ผู้ช่วยผู้จัดการทีม)
1987–1990 เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน
1990–1991 เฟแนร์บาห์เช
1991–1994 บาเลนเซีย
1994–1998 เนเธอร์แลนด์
1998–1999 เรอัลมาดริด
2000 เรอัลเบติส
2001–2002 เกาหลีใต้
2002–2006 เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน
2005–2006 ออสเตรเลีย
2006–2010 รัสเซีย
2009 เชลซี (ผู้จัดการทีมชั่วคราว)
2010–2011 ตุรกี
2012–2013 อันจีมาคัชคาลา
2014–2015 เนเธอร์แลนด์
2015–2016 เชลซี (ผู้จัดการทีมชั่วคราว)
2018–2019 จีน (ยู-21)
2020–2021 กูราเซา
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

คืส ฮิดดิงก์ (ดัตช์: Guus Hiddink) ผู้จัดการทีมฟุตบอลและเป็นอดีตนักฟุตบอลชาวดัตช์

ประวัติ

ฮิดดิงก์เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1946 ที่เมืองฟาร์สเซอเฟลด์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เริ่มต้นอาชีพในวงการฟุตบอลด้วยวัย 23 ปี ในตำแหน่งกองกลางกับเดอคราฟสคัป ก่อนย้ายไปร่วมทีมเปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน สโมสรใหญ่ในเอเรอดีวีซี ในปี ค.ศ. 1970 ก่อนจะกลับสังกัดเก่าในปีถัดมา เนื่องจากไม่สามารถหาตำแหน่งตัวจริงได้

หลังจากนั้นยังเคยเดินทางไปเตะในสหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 2 ปีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 กับวอชิงตันดิโพลแมตส์และแซนโฮเซเอิร์ทเควกส์ ก่อนจะกลับบ้านเกิดมาเล่นอีก 3 ปีกับเอ็น.เอ.เซ. ไนเมเคิน และย้ายกลับมาเล่นให้กับเดอคราฟสคัป ก่อนที่จะยุติการค้าแข้งไปในปี ค.ศ. 1982

สมัยเป็นผู้จัดการทีม

ฮิดดิงก์เริ่มผู้จัดการทีมกับเดอคราฟสคัปในปีเดียวกับที่เลิกเล่น ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการของเปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน ในปี ค.ศ. 1984 และสืบทอดตำแหน่งผู้จัดการทีมต่อจาก ฮันส์ กราย ในอีก 2 ปีให้หลัง

ฮิดดิงก์ประสบความสำเร็จอย่างมากกับไอนด์โฮเฟิน โดยที่เขาสามารถนำทีมคว้าแชมป์ลีกดัตช์ 4 ปีซ้อนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 รวมทั้งยังสร้างประวัติศาสตร์พาทีมคว้าทริปเปิลแชมป์ ทั้งยูโรเปียนคัพ, ลีกดัตช์ และฟุตบอลถ้วยในประเทศในปี ค.ศ. 1988 ด้วย และได้เป็นดับเบิลแชมป์ในปีถัดมาอีกด้วย

ในปี ค.ศ. 1990 ฮิดดิงก์ตัดสินใจไปหาความท้าทายใหม่ด้วยการเข้าคุมทีมเฟแนร์บาห์เชในตุรกี ก่อนที่จะย้ายไปสเปนในปีถัดมา และคุมทีมบาเลนเซีย เป็นเวลา 2 ปี หลังจากนั้นจึงผันตัวไปรับงานในระดับทีมชาติ

ในปี ค.ศ. 1995 ฮิดดิงก์ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และนำพาทีมผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกยูโร 1996 ก่อนที่จะพ่ายแพ้ต่อฝรั่งเศสในการดวลลูกจุดโทษตัดสินอย่างน่าเสียดาย

ฮิดดิงก์นำทีมชาติเนเธอร์แลนด์เข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 1998 รอบสุดท้ายที่ฝรั่งเศส และเอาชนะอาร์เจนตินาในรอบก่อนรองชนะเลิศ ด้วยลูกยิงสุดสวยของ แด็นนิส แบร์คกัมป์ แต่ต้องตกรอบเมื่อเป็นต้องดวลลูกจุดโทษอีกครั้งในการพบกับบราซิลในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งในครั้งนี้เนเธอร์แลนด์ได้อันดับ 4

หลังจบศึกครั้งนี้ ฮิดดิงก์ตัดสินใจย้ายกลับไปคุมทีมในสเปนอีกครั้งกับเรอัลมาดริดโดยแทนที่ยุพพ์ ไฮน์เคิส โดยนำทีมคว้าแชมป์สโมสรโลก แต่ก็ถูกปลดในเดือนกุมภาพันธ์ 1999 หลังจากทำผลงานย่ำแย่ และถูกเรอัลเบติสปลดออกในปีถัดมาอีกด้วย

ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2001 ฮิดดิงก์ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมชาติเกาหลีใต้ และนำทีมทะลุถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2002 โดยการเอาชนะทีมชั้นนำจากยุโรปทั้งโปรตุเกส, สเปน และอิตาลี ซึ่งถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดของทีมจากเอเชียในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเลยทีเดียว ซึ่งในศึกครั้งนี้ เกาหลีใต้ได้อันดับ 4 เขาได้กลายเป็นคนแรกและคนเดียวที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของเกาหลีใต้

จากนั้น ฮิดดิงก์ก็กลับมาคุมทีมไอนด์โฮเฟินอีกครั้ง และนำทีมคว้าแชมป์ลีกในประเทศ 3 สมัยรวดตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 รวมทั้งแชมป์ดัตช์คัพในปี ค.ศ. 2005 และพาทีมทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในปี ค.ศ. 2005 ก่อนแพ้ต่อเอ.ซี. มิลาน ด้วยกฎประตูทีมเยือน

หลังจากนั้นฮิดดิงก์ก็รับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติออสเตรเลีย ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2005 ขณะที่ยังคุมไอนด์โฮเฟินควบคู่กันไปด้วย และนำทีมผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนีได้สำเร็จ แต่ก็ต้องแพ้ต่ออิตาลีซึ่งได้แชมป์ไปด้วยประตู 0-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

ฮิดดิงก์ตัดสินใจลาออกจากทั้ง 2 ตำแหน่งหลังจากพบศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้เพื่อเข้าคุมทีมชาติรัสเซีย และนำทีมผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายศึกยูโร 2008 โดยมีผลงานเด่นคือการอังกฤษ ตกรอบคัดเลือก

ซึ่งในศึกครั้งนี้ รัสเซียแพ้ต่อสเปนด้วยประตู 1-4 ในนัดเปิดสนาม แต่ฮิดดิงก์ก็นำทีมทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศอย่างพลิกความคาดหมาย แล้วก็ต้องมาแพ้ต่อสเปนอีกครั้งด้วยประตู 0-3 ก่อนที่สเปนจะได้แชมป์ไปในที่สุด

ในปีถัดมา ฮิดดิงก์ได้เป็นผู้จัดการทีมเชลซีเป็นระยะเวลาสั้น ๆ 4 เดือน หลังการปลดลูอิส เฟลีปี สโกลารี ออกจากตำแหน่ง และนำพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพมาครองได้สำเร็จ โดยเอาชนะเอฟเวอร์ตันในรอบชิงชนะเลิศ และจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 ในพรีเมียร์ลีก

ฮิดดิงก์ประสบความล้มเหลวไม่สามารถนำทีมชาติรัสเซียเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010 ได้ หลังแพ้สโลวีเนียด้วยกฎประตูทีมเยือนในการเล่นเพลย์ออฟ ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจไม่ต่อสัญญาคุมทีมซึ่งจะหมดลงในวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2010

ต่อมาฮิดดิงก์เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติตุรกี โดยจะเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 2010 ด้วยการทำสัญญา 4 ปี ฮิดดิงก์ทำผลงานได้ดีกับทีมชาติตุรกี โดยผลคุมทีมนัดแรกทำได้ดีด้วยการนำทีมชนะโรมาเนีย 2-0 ในนัดอุ่นเครื่องที่อิสตันบูล ซี่งหลังจากนั้นขาก็ทำผลงานดีมาตลอด แต่แล้วในรอบคัดเลือกยูโร 2012 ฮิดดิงก์ทำผลงานได้น่าผิดหวังด้วยการแพ้ให้กับโครเอเชีย 3-0 ในรอบเพลย์ออฟ ทำให้เขาถูกวิจารณ์อย่างหนักและตัดสินใจลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมของทีมชาติตุรกี

ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 ฮิดดิงก์รับงานคุมทีมจากอันจีมาคัชคาล สโมสรฟุตบอลชื่อดังของรัสเซีย แล้วตกลงทำสัญญาคุมทีมเป็นเวลา 6 ปี[3] แต่ก็ลาออกจากตำแหน่งในปี ค.ศ. 2013

ในปลายปี ค.ศ. 2015 ฮิดดิงก์กลับมาเป็นผู้จัดการทีมเชลซี ในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ซึ่งเป็นเวลาในช่วงครึ่งฤดูกาล หลังจากสโมสรได้ทำการปลดโชเซ มูรีนโย ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากผลงานของทีมไม่ดี โดยฮิดดิงก์จะรับหน้าที่นี้ไปจนกระทั่งอย่างน้อยจบฤดูกาล[4]

ทั้งนี้ คืส ฮิดดิงก์ ได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการทีมที่คุมทีมประสบความสำเร็จมากคนหนึ่ง โดยเฉพาะผลงานในการแข่งขันฟุตบอลโลกกับเนเธอร์แลนด์และเกาหลีใต้

เกียรติประวัติ

สมัยเป็นนักฟุตบอล

เดอคราฟสคัป

แซนโฮเซเอิร์ทเควกส์

ผู้จัดการทีม

รางวัลส่วนตัว

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 "Eredivisie statistics – Guus Hiddink" (ภาษาดัตช์). Voetbal International. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-08-26. สืบค้นเมื่อ 15 April 2009.
  2. 2.0 2.1 "NASL Player Profile – Guus Hiddink". สืบค้นเมื่อ 24 November 2008.
  3. "Guus Hiddink named Anzhi Makhachkala manager". BBC Sport. 17 February 2002. สืบค้นเมื่อ 18 February 2012.
  4. ""ฮิดดิงค์" รีเทิร์นคุมสิงห์ มั่นกู้วิกฤติเชลซี". ผู้จัดการออนไลน์. 19 December 2015. สืบค้นเมื่อ 20 December 2015.[ลิงก์เสีย]
  5. http://www.hln.be/hln/nl/950/Buitenlands-Voetbal/article/detail/558522/2008/12/17/Hiddink-en-Advocaat-coach-van-het-jaar-in-Rusland.dhtml
  6. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-09-06. สืบค้นเมื่อ 2012-11-10.
  7. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-23. สืบค้นเมื่อ 2012-11-10.
  8. http://www.trouw.nl/tr/nl/4324/nieuws/article/detail/1449056/2006/04/09/Guus-Hiddink-ereburger-van-Eindhoven.dhtml
  9. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-04-02. สืบค้นเมื่อ 2012-11-10.
Kembali kehalaman sebelumnya