มารี หลุยส์ ดัชเชสแห่งปาร์มา
อาร์ชดัชเชสมารี ลูซิอา แห่งออสเตรีย (เยอรมัน: Erzherzogin Maria Lucia von Österreich) ทรงเป็นเจ้าหญิงออสเตรียในราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค ก่อนที่จะทรงอภิเษกสมรสกับจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจักรวรรดิฝรั่งเศส และจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระนางเป็นมเหสีองค์ที่สองของนโปเลียน จึงทรงได้รับการสถาปนาเป็นจักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศสในพระนาม มารี หลุยส์ (ฝรั่งเศส: Marie Louise) ในปี 1817 หลังจากนโปเลียนสิ้นอำนาจอย่างถาวรและถูกเนรเทศไปเกาะเซนต์เฮเลนา พระนางยังคงได้รับคำนำหน้าเป็นสมเด็จจักรพรรดินี นอกจากนี้ เนื่องจากพระนางเป็นเชื้อพระวงศ์ออสเตรียฝ่ายผู้ชนะ ทำให้ทรงได้รับพระยศเป็นดัชเชสผู้ครองปาร์มา ปิอาเซนซา และกูแอสตัลลา สามนครรัฐในคาบสมุทรอิตาลี พระราชประวัติอาร์ชดัชเชสมาเรีย ลูเซียทรงประสูติเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2334 ณ กรุงเวียนนา ในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระราชธิดาองค์โตในจักรพรรดิฟรันซ์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (พระราชโอรสในสมเด็จพระจักรพรรดิลีโอโพลด์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์) และพระมเหสีองค์ที่ 2 ของพระองค์ มาเรีย เทเรซา แห่งเนเปิลส์และซิซิลี เมื่อทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงได้รับการศึกษาด้านภาษาจากครูผู้สอนชาวเยอรมัน ตามพระบัญชาของพระราชชนกและพระราชชนนี ดังนั้น พระองค์จึงทรงสามารถตรัสและทรงอักษรเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอิตาลี ภาษาละติน และภาษาสเปน เป็นต้น สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2353 อาร์ชดัชเชสมาเรีย ลูเซีย ซึ่งขณะนั้นมีพระชันษา 18 ชันษา ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส โดยพระองค์ทรงเป็นตัวแทนของการสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างจักรวรรดิออสเตรีย และจักรวรรดิฝรั่งเศส พระราชพิธีอภิเษกสมรสถูกจัดขึ้น ณ มหาวิหารพระราชวังลูฟว์ กรุงปารีส โดยจักรพรรดินโปเลียนทรงให้เหตุผลในการอภิเษกสมรสกับอาร์ชดัชเชสแห่งราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดราชวงศ์หนึ่ง เพื่อในการเพิ่มศักยภาพและความยิ่งใหญ่ทัดเทียมราชวงศ์ต่าง ๆ ในยุโรป โดยก่อนหน้านี้ นโปเลียนเคยทรงทูลขออภิเษกสมรสกับแกรนด์ดัชเชสแอนนา พาฟลอฟนา ซึ่งเป็นพระขนิษฐาในจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย โดยพระองค์ทรงปฏิเสธที่จะอภิเษกสมรสกับนโปเลียน หลังจากทั้ง 2 พระองค์ทรงอภิเษกสมรสแล้ว อาร์ชดัชเชสมารี ลูเซีย ก็ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์แห่งฝรั่งเศส (The Empress Marie Louise of the French) และเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2354 พระองค์ทรงให้ประสูติกาลพระราชโอรส 1 พระองค์ จักรพรรดินโปเลียนทรงพระราชทานพระนามพระราชโอรสองค์เดียวของพระองค์ว่า นโปเลียน ฟรองซัวส์ โจเซฟ ชาร์ลส์ โบนาปาร์ต สมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตั้งแต่เดือนเมษายน ถึง เดือนธันวาคม พ.ศ. 2355 ขณะที่พระราชสวามีของพระองค์ทรงนำกองทัพไปรบกับจักรวรรดิรัสเซีย และทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อีกครั้งเมื่อพระราชสวามีทรงนำกองทัพไปรบกับปรัสเซีย รวมทั้งกลุ่มในประเทศเยอรมัน เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2356 ถึง เดือนมกราคม พ.ศ. 2357 หลังจากสงครามเสร็จสิ้นแล้ว ผลปรากฏว่าฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงครามทั้งหมด นโปเลียนจึงทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่6 เมษายน พ.ศ. 2357 และทรงอพยพไปที่เกาะเอลบา ประเทศอิตาลี ส่วนสมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์ก็เสด็จกลับประเทศออสเตรีย แล้วก็ไม่ทรงเห็นพระราชสวามีของพระองค์อีกเลย ดัชเชสแห่งปาร์มาหลังจากที่นโปเลียนสละราชสมบัติเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2357 แล้ว สมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์และพระราชโอรสองค์เดียวก็ทรงอพยพจากกรุงปารีสไปยังเมืองบลอยส์ จากนั้นก็อพยพต่อไปยังกรุงเวียนนา ในการประชุมสนธิสัญญาฟอนเท็นเนอโบลว์ เมื่อวันที่11 เมษายน พ.ศ. 2357 ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า อนุญาตให้พระองค์ใช้พระราชอิสริยยศสมเด็จพระจักรพรรดินีได้ และยังให้พระองค์เป็นองค์พระประมุขแห่งแคว้นปาร์มา ปิอาเซนซ่า และกูแอสตาลล่า และให้พระราชโอรสของพระองค์เป็นองค์รัชทายาทอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อปี พ.ศ. 2358 การประชุมใหญ่แห่งเวียนนา ได้นำพระราชอิสริยยศของดัชเชสแห่งปาร์มา มาเป็นหัวข้อในการประชุม ในการประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า หลังจากที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว จะทำการคัดเลือกพระบรมวงศานุวงศ์ที่เหมาะสมแก่การสืบราชบัลลังก์ต่อ โดยเมื่อปีพ.ศ. 2360 มีการทำสนธิสัญญาว่า จะยกแคว้นทั้งหมดให้กับพระบรมวงศานุวงศ์แห่งราชวงศ์บูร์บง อย่างในปี พ.ศ. 2387 แคว้นกูแอสตาลล่าได้ถูกผนวกเข้ากับแคว้นโมเดน่า อภิเษกสมรสครั้งใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2364 ซึ่งหลังจากที่นโปเลียนสิ้นพระชนม์ 4 เดือน สมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์ก็ทรงอภิเษกสมรสอีกครั้งกับ เคานต์อดัม อัลเบิร์ตแห่งไนปเปร์ก โดยทั้ง 2 มีพระโอรส 1 พระองค์ และพระธิดา 2 พระองค์ ซึ่งพระโอรสและพระธิดา 2 พระองค์แรกได้ประสูติก่อนที่ทั้ง 2 พระองค์จะทรงอภิเษกสมรสกัน
และเมื่อปี พ.ศ. 2377 พระองค์ทรงอภิเษกสมรสอีกครั้งกับ มาร์ควิสมาร์ค มารีแห่งบอมแบลล์ โดยทั้ง 2 ทรงไม่มีพระบุตรด้วยกัน สิ้นพระชนม์มารี หลุยส์ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2390 ณ แคว้นปาร์มา สิริพระชนมพรรษาได้ 56 พรรษา พระศพของพระองค์ถูกย้ายจากปาร์มามายังเวียนนา เพื่อทำการฝังพระศพไว้ที่วิหารฮาพส์บวร์ค ซึ่งเป็นที่ฝังพระศพพระบรมวงศานุวงศ์ออสเตรียมาช้านาน พระราชอิสริยยศ
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงได้รับพระยศเป็น เคานเตสแห่งไนป์เปิร์ก (Countess of Neipperg) และ เคานเตสแห่งบอมแบลลส์ (Countess of Bombelles) จากการอภิเษกสมรสทั้ง 2 ครั้งด้วย ราชตระกูล
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|