Share to:

 

หลี่ เซียนเนี่ยน

หลี่ เซียนเนี่ยน
李先念
หลี่ใน ค.ศ. 1954
ประธานาธิบดีจีน
ดำรงตำแหน่ง
18 มิถุนายน ค.ศ. 1983 – 8 เมษายน ค.ศ. 1988
หัวหน้ารัฐบาลจ้าว จื่อหยาง
หลี่ เผิง
รองประธานาธิบดีโอลางฮู
ผู้นำเติ้ง เสี่ยวผิง
ก่อนหน้าหลิว เช่าฉี
(ในตำแหน่งประธานประเทศ)
เย่ เจี้ยนอิง
(ในตำแหน่งประมุขแห่งรัฐ)
ถัดไปหยาง ช่างคุน
ประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีน คนที่ 5
ดำรงตำแหน่ง
10 เมษายน ค.ศ. 1988 – 21 มิถุนายน ค.ศ. 1992
ก่อนหน้าเติ้ง อิ่งเชา
ถัดไปหลี่ รุ่ยหวน
ตำแหน่งอื่น ๆ ที่ดำรง
รองประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ดำรงตำแหน่ง
19 สิงหาคม ค.ศ. 1977 – 15 มิถุนายน ค.ศ. 1982
ประธานฮฺว่า กั่วเฟิง
หู เย่าปัง
รองนายกรัฐมนตรีจีน
ดำรงตำแหน่ง
27 กันยายน ค.ศ. 1954 – 10 กันยายน ค.ศ. 1980
หัวหน้ารัฐบาลโจว เอินไหล
ฮฺว่า กั๋วเฟิง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ดำรงตำแหน่ง
19 มิถุนายน ค.ศ. 1954 – 22 มิถุนายน ค.ศ. 1970
หัวหน้ารัฐบาลโจว เอินไหล
ก่อนหน้าเติ้ง เสี่ยวผิง
ถัดไปอิ่น เฉิงเจิน
สมาชิก
สภาประชาชนแห่งชาติ
ดำรงตำแหน่ง
15 กันยายน ค.ศ. 1954 – 25 มีนาคม ค.ศ. 1988
เขตเลือกตั้งหูเป่ย์ ทั้งหมด
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด23 มิถุนายน ค.ศ. 1909(1909-06-23)
อำเภอหงอาน หูเป่ย์ จักรวรรดิชิง
เสียชีวิต21 มิถุนายน ค.ศ. 1992(1992-06-21) (82 ปี)
ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
เชื้อชาติจีน
พรรคการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน (1927–1992)
คู่สมรสช่าง เสี่ยวผิง (尚小平) (หย่า)[1]
หลิน เจียเหมย์
บุตร4 รวมถึง หลี เสี่ยวหลิน[2]
ชื่อภาษาจีน
ภาษาจีน

หลี่ เซียนเนี่ยน (จีน: 李先念; พินอิน: Lǐ Xiānniàn; 23 มิถุนายน ค.ศ. 1909 – 21 มิถุนายน ค.ศ. 1992) เป็นผู้นำทางการเมืองและทหารคอมมิวนิสต์ชาวจีน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนตั้งแต่ ค.ศ. 1983 ถึง 1988 ภายใต้การนำของผู้นำสูงสุดเติ้ง เสี่ยวผิง[3] และหลังจากนั้นเป็นประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีนตั้งแต่ ค.ศ. 1988 กระทั่งเสียชีวิต เขาเป็นสมาชิกเต็มตัวของกรมการเมืองตั้งแต่ ค.ศ. 1956 ถึง 1987 และเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการสามัญตั้งแต่ ค.ศ. 1956 ถึง 1987[4][5]

หลี่ทำงานเป็นช่างไม้ฝึกหัดในช่วงวัยรุ่นเพื่อจุนเจือครอบครัว เขาเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1927 และกลายเป็นทหารในกองทัพแดงจีน หลังจากศึกษาที่มหาวิทยาลัยการทหารและการเมืองและโรงเรียนพรรคส่วนกลาง เขาได้กลายเป็นผู้บัญชาการทหารที่มีอิทธิพลและประสบความสำเร็จในช่วงสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สองและสงครามกลางเมืองจีน โดยสร้างความโดดเด่นให้กับตัวเองในการทัพหวยไห่[4]

หลังการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน เขาทำหน้าที่เป็นผู้ว่าการและเลขาธิการพรรคประจำมณฑลหูเป่ย์บ้านเกิดของเขาตั้งแต่ ค.ศ. 1949 ถึง 1954 จากนั้นจึงเข้าร่วมคณะผู้นำส่วนกลางในปักกิ่ง โดยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ค.ศ. 1954–1970) และรองนายกรัฐมนตรี (ค.ศ. 1954–1982) เขาสนับสนุนฮฺว่า กั๋วเฟิง ผู้สืบทอดตำแหน่งของเหมา เจ๋อตง และได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานพรรค (ค.ศ. 1977–1982)

เขาเป็นหนึ่งในแปดผู้อาวุโสของพรรค และถือเป็นผู้มีแนวคิดซ้ายจัดที่สุดในกลุ่ม ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ หลี่มีส่วนสำคัญในการขัดขวางการแปรรูปและรักษาการควบคุมของรัฐในหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจ เขาส่งเสริมค่านิยมทางการเมืองและวัฒนธรรมคอมมิวนิสต์แบบดั้งเดิมผ่านการอุปถัมภ์นักทฤษฎี เช่น หู เฉียวมู่และเติ้ง ลี่ฉฺวิน และมีส่วนสำคัญในการกวาดล้างนักเสรีนิยม เช่น หู เย่าปังและจ้าว จื่อหยาง เขาสนับสนุนการปราบปรามทางทหารในการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ค.ศ. 1989 อย่างกระตือรือร้น

ประวัติ

ชีวิตช่วงต้น

หลี่ในกองทัพปลดปล่อยประชาชนในช่วงสงครามกลางเมือง (ค.ศ. 1946)

หลี่เกิดในอำเภอหงอาน หูเป่ย์ ในครอบครัวยากจน และใช้เวลาช่วงวัยรุ่นในการทำงานในร้านช่างไม้ เขาเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1927 และทำหน้าที่เป็นผู้กองและกรรมาธิการการเมืองของกองทัพแดงจีนในช่วงการเดินทัพทางไกล เขาเป็นทหารในกองทัพลู่ตะวันตกของจาง กั๋วเทา[6]: 476 

หลังมาถึงเหยียนอาน เขาศึกษาที่มหาวิทยาลัยการทหารและการเมืองต่อต้านญี่ปุ่นและโรงเรียนพรรคส่วนกลาง ที่นี่เขาอยู่ภายใต้แรงกดดันเช่นเดียวกับทหารคนอื่น ๆ ที่เคยประจำการในกองทัพลู่ตะวันตก เขาต่อสู้ในสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง ซึ่งเขาถูกส่งไปยังภูมิภาคหูเป่ย์–เหอหนานเพื่อเป็นผู้นำกองโจรและก่อตั้งฐานทัพต่อต้านญี่ปุ่น[6]: 477  และสงครามกลางเมืองจีน โดยเฉพาะในที่ราบภาคกลาง และมีส่วนสำคัญในชัยชนะของคอมมิวนิสต์หลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทัพหวยไห่[4]

จีนสมัยเหมา

หลี่กับนีกอลาเอ ชาวูเชสกูก่อนครบรอบ 30 ปีการปลดปล่อยโรมาเนีย 22 สิงหาคม ค.ศ. 1974

หลังพรรคคอมมิวนิสต์ได้รับชัยชนะในจีน หลี่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการและเลขาธิการพรรคประจำมณฑลหูเป่ย์บ้านเกิดของเขาระหว่าง ค.ศ. 1949 ถึง 1954 และเขายังทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการและกรรมาธิการการเมืองของกองทหารรักษาการณ์ประจำมณฑลอีกด้วย นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการการทหารสาธารณรัฐประชาชนจีนสำหรับจีนตอนใต้–ตอนกลาง (กำกับดูแลกำลังทหารและความมั่นคงมหาชนในกวางตุ้ง, ไหหลำ, เหอหนาน, หูเป่ย์ และหูหนาน)

ใน ค.ศ.1954 หลี่เข้าร่วมกับผู้นำส่วนกลางในปักกิ่งและกลายเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของจีน เขายังได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีตลอดช่วงปี ค.ศ. 1954–1982

ในช่วงการปฏิวัติทางวัฒนธรรม หลี่เป็นส่วนหนึ่งของกระแสต่อต้านเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งวิจารณ์การปฏิวัติทางวัฒนธรรมว่าสร้างความวุ่นวายในสังคมและบ่อนทำลายผู้นำของจีน[7]: 154  แม้จะเสียตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังใน ค.ศ. 1970 แต่เขาก็ยังคงได้รับการปกป้องจากโจว เอินไหลและเป็นข้าราชการพลเรือนเพียงคนเดียวที่ทำหน้าที่เคียงข้างโจวอย่างไม่หยุดหย่อนตลอดทศวรรษปฏิวัติทางวัฒนธรรม (ค.ศ. 1966–1976)[8]: xviii  ใน ค.ศ. 1976 หลี่มีส่วนสำคัญในการทำลายแก๊งออฟโฟร์ หลังการล่มสลายของแก๊ง หลี่ได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีนและสมาชิกของคณะกรรมการการทหารส่วนกลาง

การเมืองหลังสมัยเหมา

เมื่อประธานฮฺว่า กั๋วเฟิงขึ้นสู่อำนาจหลังการถึงแก่อสัญกรรมของเหมา เจ๋อตง หลี่ก็กลายเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจหลักของฮฺว่าและหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของเขา ร่วมกับนายพลวัง ตงซิ่งและเฉิน ซีเหลียน หากฮฺว่าประสบความสำเร็จในการพยายามบรรลุอำนาจสูงสุด หลี่ก็คงกลายเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ทรงอำนาจที่สุดในจีน แต่เส้นทางการเมืองของหลี่ก็ต้องชะงักเมื่อเติ้ง เสี่ยวผิงแซงหน้าฮฺว่าขึ้นเป็น "ผู้นำสูงสุด" ของจีน ตลอดช่วงที่เหลือของอาชีพการงานของเขา หลี่บ่นว่าความสำเร็จของตนในช่วงเวลาสั้น ๆ ของช่วงว่างระหว่างสมัยฮฺว่าไม่ได้รับการยอมรับอย่างเพียงพอว่าเป็นพื้นฐานของความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในประเทศจีนระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1980

หลี่ถูกอธิบายว่าเป็นคอมมิวนิสต์แบบ "ออร์โทด็อกซ์" หรือ "แบบโซเวียต" และเป็นผู้ศรัทธาอย่างมั่นคงในแผนงานจากส่วนกลางและความสอดคล้องทางสังคมและการเมือง ดังนั้นเขาจึงไม่ชอบแนวคิดปฏิรูปเศรษฐกิจที่รุนแรงกว่าของเติ้ง เสี่ยวผิง ในความเป็นจริงแล้ว เขาเป็นผู้รับผิดชอบส่วนใหญ่ในการร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะสั้น 10 ปี ค.ศ. 1978 ซึ่งพยายามสร้างเศรษฐกิจแบบโซเวียตโดยเน้นที่อุตสาหกรรมหนักและการผลิตพลังงาน แนวคิดของหลี่ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากกลุ่มผู้นำระดับสูงของจีนบางส่วน เช่น นายพลยฺหวี ชิวหลี่และ "กลุ่มน้ำมัน" ของเขา ซึ่งต่างก็สนับสนุนหลี่อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม เติ้งรีบยุติแนวคิดเหล่านี้และริเริ่มแนวทาง "ไปช้า ๆ" ของตนเอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมเบาและสินค้าอุปโภคบริโภคแบบค่อยเป็นค่อยไป[8]: xviii [9] เขายังมอบตำแหน่งในรัฐบาลให้แก่คนรุ่นใหม่ที่สนับสนุนแนวคิดของเขาด้วย หนึ่งในนั้นคือนายกรัฐมนตรีจ้าว จื่อหยาง ซึ่งหลี่คัดค้านอย่างหนักเพราะว่าเขาเต็มใจรับแนวคิดตะวันตกมากเกินไปและละทิ้งเศรษฐกิจแบบวางแผน ตามที่จ้าวกล่าวไว้ว่าหลี่ "เกลียดฉันเพราะฉันดำเนินการปฏิรูปของเติ้ง เสี่ยวผิง แต่เนื่องจากเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะคัดค้านเติ้งอย่างเปิดเผย เขาจึงทำให้ฉันกลายเป็นเป้าหมายของการคัดค้านของเขา"[8]: xviii–xix 

ประธานาธิบดี

หลี่และหลิน เจียเหมย์ ภริยา กับโรนัลด์ เรแกน (ค.ศ. 1985)
หลี่ในตำแหน่งประธานาธิบดี (ค.ศ. 1985)

ใน ค.ศ. 1983 หลังมีการตรารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลี่ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดีจีนเมื่ออายุ 74 ปี แม้ตามรัฐธรรมนูญฉบับ ค.ศ. 1982 จะระบุว่าบทบาทของประธานาธิบดีนั้น "เป็นเพียงพิธีการเป็นหลัก" แต่รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวก็ยอมรับสถานะของหลี่ในฐานะผู้อาวุโสพรรคที่ได้รับการเคารพนับถือและสมาชิกของคณะกรรมาธิการสามัญประจำกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน และตัวหลี่เองก็ใช้อิทธิพลที่ยังคงมีมากของเขาอย่างแข็งกร้าวเพื่อสนับสนุนนโยบายฝ่ายซ้าย ใน ค.ศ. 1984 หลี่พบกับประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนแห่งสหรัฐในระหว่างการเยือนจีนของเรแกน โดยเฉพาะการหารือเกี่ยวกับสถานะของไต้หวันกับประธานาธิบดี[10] หลี่เดินทางเยือนสหรัฐในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1985 นับเป็นครั้งแรกที่ประมุขแห่งรัฐของสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางเยือนในลักษณะดังกล่าว

เมื่อทศวรรษผ่านไป เติ้ง เสี่ยวผิงซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับการดำรงตำแหน่งตลอดชีพมาตลอด ค่อย ๆ สามารถโน้มน้าวผู้อาวุโสพรรคส่วนใหญ่ให้เกษียณอายุได้ หลี่ลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีใน ค.ศ. 1988 และหยาง ช่างคุน ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน จากนั้นหลี่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการแห่งชาติประจำสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีน เขาเป็นผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันในการก้าวขึ้นสู่อำนาจของเจียง เจ๋อหมิน[ต้องการอ้างอิง] และระหว่างการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ค.ศ. 1989 หลี่เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสพรรคที่มีแนวคิดสายแข็งที่ผลักดันให้มีการตอบโต้การประท้วงอย่างแข็งกร้าวและสนับสนุนความประสงค์ของนายกรัฐมนตรีหลี่ เผิงที่จะใช้กำลังทหารเพื่อปราบปรามการประท้วง[5][11][12] หลี่ยังคงทำงานในรัฐบาลจนกระทั่งเสียชีวิตใน ค.ศ. 1992 เป็นหนึ่งปีก่อนวาระของเขาจะหมดลง

ครอบครัว

หลี่มีลูกสี่คน หลี เสี่ยวหลิน ลูกสาวคนเล็กของเขา เป็นประธานสมาคมประชาชนจีนเพื่อมิตรภาพกับต่างประเทศ และสมาชิกคณะกรรมาธิการแห่งชาติประจำสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีน[13][14]

เสียชีวิตและการรำลึก

หลี่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 1992 ขณะมีอายุได้ 82 ปี ใกล้จะอายุครบ 83 ปีเพียง 2 วัน[15] พิธีศพของเขาจัดขึ้นในวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1992 โดยมีสมาชิกคณะกรรมาธิการสามัญประจำกรมการเมืองเข้าร่วม หลังพิธีเสร็จสิ้น หลี่ก็ฌาปนกิจ[16]

รางวัลและเกียรติยศ

อ้างอิง

  1. Rittenberg, Sidney; Bennett, Amanda (2001). The Man Who Stayed Behind. Duke University Press. p. 103. ISBN 9780822326670.
  2. Chen, Shanbin (19 May 2015). 李先念的夫人林佳媚简历 林佳楣生了几个孩子. lishiquwen. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 December 2019. สืบค้นเมื่อ 16 January 2017.
  3. Li, Xiaobing (2012). China at War: An Encyclopedia. ABC-CLIO. p. 226. ISBN 978-1-59884-415-3.
  4. 4.0 4.1 4.2 Li Xiannian (1909–1992), in Christopher R. Lew, Edwin Pak-wah Leung: Historical Dictionary of the Chinese Civil War, p.p. 120-121, Scarecrow Press, 2013
  5. 5.0 5.1 Holley, David. "Li Xiannian, Ex-President of China, Dies at 83: Old Guard: He was one of a ruling clique of ‘8 elders’ who ordered the army to repress the pro-democracy movement in 1989". Los Angeles Times, 23 June 1992.
  6. 6.0 6.1 Gao, Hua (2018). How the Red Sun Rose: The Origins and Development of the Yan'an Rectification Movement, 1930–1945. Chinese University of Hong Kong Press. ISBN 9789629968229.
  7. Hou, Li (2021). Building for Oil: Daqing and the Formation of the Chinese Socialist State. Harvard-Yenching Institute monograph series. Cambridge, Massachusetts: Harvard University Asia Center. ISBN 978-0-674-26022-1.
  8. 8.0 8.1 8.2 MacFarquhar, Roderick. "Foreword" in Zhao Ziyang (2009). Prisoner of the State: The Secret Journal of Zhao Ziyang. New York, NY: Simon and Schuster. ISBN 1-4391-4938-0
  9. "China marks 100th birth anniversary of former president Li Xiannian". GOV.cn. Government of the People's Republic of China. 24 June 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 November 2012. สืบค้นเมื่อ 15 March 2012.
  10. Anderson, Kurt (7 May 1984). "History Beckons Again". Time. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 January 2005. สืบค้นเมื่อ 19 August 2011.
  11. Wu Wei, Why China's Political Reforms Failed. The Diplomat, 4 June 2015.
  12. Brandt, Loren; Rawski, Thomas G. (2008). China's Great Economic Transformation. Cambridge University Press. p. 102. ISBN 978-0-521-88557-7. In economic policy, the most important elders were Li Xiannian and Chen Yun.
  13. 'I'll break your legs if you go into business': former president's career advice to children, SCMP, 17 March 2014
  14. Prominent Chinese Families, chinavitae.com
  15. Dunn, Sheryl Wu (23 June 1992). "Li Xiannian, China Ex-President And Rural Economist, Dies at 82". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 8 November 2015.
  16. "Simple Memorial Service for Former President Li Xiannian". Associated Press News. 27 June 1992. สืบค้นเมื่อ 8 November 2015.
  17. 齐奥塞斯库总统盛宴欢迎李先念主席 宾主共赞中罗两党两国人民真挚友谊 齐奥塞斯库授予李先念“罗马尼亚社会主义共和国之星”一级勋章. People's Daily. 1984-08-29: 1.

หนังสืออ่านเพิ่ม

  • Frankel, Benjamin. The Cold War 1945-1991. Vol. 2, Leaders and other important figures in the Soviet Union, Eastern Europe, China and the Third World (1992) pp 191–92.
  • Yang, Yutong. "Li Xiannian." in China at War: An Encyclopedia (2012) p 225.
ก่อนหน้า หลี่ เซียนเนี่ยน ถัดไป
เจ้าหน้าที่รัฐบาล
New title ผู้ว่าการมณฑลหูเป่ย์
ค.ศ. 1949–1954
สมัยต่อมา
หลิว จื่อโฮ่ว
สมัยก่อนหน้า
เติ้ง เสี่ยวผิง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ค.ศ. 1954–1970
สมัยต่อมา
จาง จี๋ฝู
สมัยก่อนหน้า
จาง ชุนเฉียว
รองนายกรัฐมนตรีจีน คนที่ 1
ค.ศ. 1976–1977
สมัยต่อมา
เติ้ง เสี่ยวผิง
สมัยก่อนหน้า
เย่ เจี้ยนอิง
as ประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติ
ประธานาธิบดีจีน
ค.ศ. 1983–1988
สมัยต่อมา
หยาง ช่างคุน
สมัยก่อนหน้า
เติ้ง อิ่งเชา
ประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีน
ค.ศ. 1988–1992
สมัยต่อมา
หลี่ รุ่ยหวน
วาระในพรรคการเมือง
New title เลขาธิการคณะกรรมาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลหูเป่ย์
ค.ศ. 1949–1954
สมัยต่อมา
หวัง เริ่นจ้ง
สมัยก่อนหน้า
เย่ เจี้ยนอิง
รองประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ดำรวตำแหน่วร่วมกับ: เติ้ง เสี่ยวผิง, เฉิน ยฺหวิน, จ้าว จื่อหยาง, เย่ เจี้ยนอิง และฮฺว่า กั๋วเฟิง

ค.ศ. 1977–1982
ยุบเลิกตำแหน่ง
ตำแหน่งทางทหาร
New title ผู้บัญชาการเขตทหารหูเป่ย์
ค.ศ. 1949–1950
สมัยต่อมา
หวัง ชู่เชิง
กรรมาธิการการเมืองเขตทหารหูเป่ย์
ค.ศ. 1949–1955
สมัยต่อมา
หวัง เริ่นจ้ง
Order of precedence
สมัยก่อนหน้า
จ้าว จื่อหยาง
as นายกรัฐมนตรี
(ลำดับที่ 4)
ลำดับความสำคัญในสาธารณรัฐประชาชนจีน
(ประธานาธิบดีจีน; ลำดับที่ 5)

ค.ศ. 1982–1985
สมัยต่อมา
เฉิน ยฺหวิน
as เลขาธิการคณะกรรมการสอบวินัยส่วนกลาง คนที่ 1
(ลำดับที่ 6)
สมัยก่อนหน้า
จ้าว จื่อหยาง
as นายกรัฐมนตนี
(ลำดับที่ 3)
ลำดับความสำคัญในสาธารณรัฐประชาชนจีน
(ประธานาธิบดีจีน; ลำดับที่ 4)

ค.ศ. 1985–1987
สมัยต่อมา
เฉิน ยฺหวิน
as เลขาธิการคณะกรรมการสอบวินัยส่วนกลาง คนที่ 1
(ลำดับที่ 5)
สมัยก่อนหน้า
ว่าน หลี่
as ประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติ
(ลำดับที่ 6)
ลำดับความสำคัญในสาธารณรัฐประชาชนจีน
(ประธานคณะกรรมาธิการแห่งชาติประจำสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีน; ลำดับที่ 7)

ค.ศ. 1989–1992
สมัยต่อมา
เผิง เจิน
as อดีตประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติ
(ลำดับที่ 8)
Prefix: a b c d e f g h i j k l m n o p q r s t u v w x y z 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9

Portal di Ensiklopedia Dunia

Kembali kehalaman sebelumnya