อำเภอสุไหงปาดี
สุไหงปาดี เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดนราธิวาส ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอสุไหงปาดี มีเนื้อที่ 239,147 ไร่ ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 50 กิโลเมตร อำเภอสุไหงปาดีตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
ลักษณะภูมิประเทศพื้นที่ส่วนใหญ่ของอำเภอสุไหงปาดีเป็นที่ราบเหมาะสำหรับการเพาะปลูก สภาพพื้นที่ทางทิศใต้และทิศตะวันตกเป็นที่ราบสูง มีทิวเขาสลับซับซ้อนเรียกว่าทิวเขาสันกาลาคีรี ปกคลุมไปด้วยป่าไม้และสวนยางพารา อุดมด้วยไม้มีค่า เช่น ไม้ตะเคียนทอง ไม้ตะเคียนชันตาแมว ไม้สยา หวาย ตะกร้าทอง เป็นต้น พื้นที่ส่วนใหญ่ทางทิศตะวันออกและทิศเหนือเป็นที่ราบลุ่มและป่าพรุ เหมาะสำหรับการเพาะปลูกและการทำนา สภาพภูมิอากาศภูมิอากาศของอำเภอสุไหงปาดี มีอากาศชุ่มชื้น ฝนตกชุกตลอดทั้งปีเพราะมีเทือกเขากั้นอยู่ทางทิศใต้และทิศตะวันตก อากาศร้อนอบอ้าวเพียงระยะสั้น ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม ฤดูกาลมี 2ฤดู คือ ฤดูฝนเริ่มจากเดือนกรกฎาคมถึงเดือนมกราคมมีระยะเวลาถึง 7เดือน และฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายนอากาศจะร้อนอบอ้าว เพียง 1-2 เดือน นอกนั้นอากาศจะอบอุ่นสบาย ประวัติและความเป็นมาสุไหงปาดีมาจากคำในภาษามลายูว่า "สุไหง" ซึ่งแปลว่าคลองหรือแม่น้ำ และ "ปาดี" ซึ่งแปลว่า "ข้าวเปลือก" ซึ่งความหมายรวมกันก็คือ "คลองข้าวเปลือก" ทั้งนี้เพราะแต่ดั้งเดิมบริเวณที่ราบลุ่มสองฝั่งคลองที่ไหลผ่านพื้นที่อำเภอนี้เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญ ชาวบ้านจะนำข้าวเปลือกล่องเรือไปตามลำคลองเพื่อขายให้กับท้องถิ่นอื่น ๆ จึงเรียกคลองนี้ว่า สุไหงปาดี เมื่อตั้งอำเภอขึ้นมาจึงมีชื่อตามคลองสายนี้ อำเภอสุไหงปาดีจัดตั้งเป็นอำเภอเมื่อ พ.ศ. 2440 ที่ว่าการอำเภออยู่ที่หมู่ 4 ตำบลสุไหงปาดี ขึ้นกับเมืองระแงะ และได้ขึ้นกับจังหวัดนราธิวาส ในปี พ.ศ. 2462 ทางราชการได้ย้ายที่ว่าการอำเภอมาตั้งที่บ้านโคกตา หมู่ที่ 1 ตำบลปะลุรู ซึ่งห่างจากที่ว่าการอำเภอเดิม 7 กิโลเมตร เพราะเป็นพื้นที่ที่มีความเจริญมาถึงมีรถไฟผ่านและเป็นศูนย์กลางของพื้นที่อำเภอและยังคงใช้ชื่ออำเภอสุไหงปาดีดังเดิม แต่เดิมสุไหงปาดีมีอาณาเขตที่กว้างขวางมากมีพื้นที่ติดต่อกับรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ต่อมาได้มีการแยกตำบลสุไหงโก-ลก ตำบลปุโยะ ตำบลปาเสมัส ไปรวมกันเพื่อจัดตั้งเป็นอำเภอสุไหงโก-ลก จึงทำให้อำเภอสุไหงปาดีมีพื้นที่เล็กลงและไม่ติดกับประเทศมาเลเซียอีกเลย พระราชดำริพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรอำเภอสุไหงปาดีมีภูเขาที่สำคัญคือ ทิวเขาสุไหงปาดี ทอดยาวจากอำเภอสุไหงปาดีไปจดอำเภอสุไหงโก-ลก เป็นต้นกำเนิดของน้ำตกฉัตรวาริน ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีความสูง 7 ชั้นลดหลั่นกันลงไปมีน้ำไหลตลอดทั้งปี และจากการที่ทิวเขาสุไหงปาดี ยังมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติและเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 จึงทรงห่วงใยและได้พระราชทานพระราชดำรัสแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสุไหงปาดี เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2524 ว่า "เทือกเขาสุไหงปาดี มีความสูง 1,800 ฟุต เป็นเทือกเขาสูงที่สุดในจังหวัดนราธิวาส มีไอน้ำเกาะทำให้เกิดความชุ่มชื้นและแหล่งน้ำ ควรมีการรักษาแหล่งน้ำนี้อย่างจริงจัง" จากกระแสพระราชดำรัสดังกล่าวทำให้ กรมป่าไม้ดำเนินการสำรวจป่าทิวเขาสุไหงปาดี และได้ข้อสรุปว่าป่าทิวเขาสุไหงปาดีมีสภาพดีมาก มีธรรมชาติที่สวยงาม มีสัตว์ป่าชุกชุมและบางชนิดเป็นสัตว์ที่หายาก อาทิ หมูป่า เก้ง กระจง เลียงผา เสือ หมี หมาริ่ง พญากระรอก นกอินทรี นกเหยี่ยว นกขุนแผนหัวดำ นกเคราแดง รวมทั้งสภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าดงดิบ ประกอบด้วยไม้มีค่านานาชนิด ทั้งไม้ตะเคียน ไม้พญาไม้ ไม้นาคบุตร และต้นไม้ที่หายากได้แก่ ต้นใบสีทองและต้นปาล์มบังสูรย์ ซึ่งมีแต่เฉพาะแถบทิวเขาสุไหงปาดีเท่านั้น จึงได้มีการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติสุไหงปาดีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีผู้สนใจไปเที่ยวชมไปพักผ่อนเพลิดเพลินกับธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงให้อนุรักษ์ทิวเขาสุไหงปาดีนี้ นอกจากจะทำให้ป่าไม้และสัตว์ป่าไม่ถูกทำลายแล้ว ยังเป็นการช่วยให้ราษฎรในเขตอำเภอสุไหงปาดีมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายอาหาร ของที่ระลึก ที่พัก และการบริการแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติสุไหงปาดีนี้อีกด้วย นอกจากนี้แล้ว จากการที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสุไหงปาดี หลายครั้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 ได้ทรงทราบถึงความเดือดร้อนของราษฎรในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนน้ำจืดในการเพาะปลูกและอุปโภคบริโภค ปัญหาเรื่องดินเปรี้ยวซึ่งเกิดจากพรุ เนื่องจากอำเภอสุไหงปาดีมีป่าพรุเล็ก ๆ กระจายทั่วไป ทำให้เกิดปัญหาดินเปรี้ยว จึงได้พระราชทานพระราชดำริในการแก้ไข ทำให้ราษฎรซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิมเชื้อสายมลายูมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง การแบ่งเขตการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาคการปกครองของอำเภอสุไหงปาดีมี 6 ตำบล 50 หมู่บ้าน ได้แก่
การปกครองส่วนท้องถิ่นท้องที่อำเภอสุไหงปาดีประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7 แห่ง ได้แก่
สังคมและวัฒนธรรม
การศึกษาโรงเรียนมัธยมสังกัด สพฐ.
โรงเรียนเอกชนสามัญ
สถานที่ท่องเที่ยว
ถนนสายสำคัญ
อ้างอิง |