Hollywood Hogan[1] Hollywood Hulk Hogan[2] Hulk Boulder[3] Hulk Hogan[4] Hulk Machine[2] Mr. America[2] Sterling Golden[5] Terry Boulder[2] The Super Destroyer[2]
หลังจากที่เขาเสียแชมป์โลกไป เขาก็ย้ายมาอยู่สมาคม WCW อย่างรวดเร็วในปี 1994 และโฮแกนก็สามารถคว้า แชมป์โลก WCW ไปครอง ในศึก Bash At The Beach ปี 1996 ได้ก่อตั้ง nWo ที่มี Dennis Rodman, Kevin Nash และ Scott Hall จากนั้นก็แยกกลุ่มเป็น 2 สาขา คือ nWo แดง - ดำ และ ขาว - ดำ ซึ่ง ขาว - ดำ ก็มี Hulk Hogan, Scott Norton, Brian Adam, Vincent, Scott Steiner, Bagwell และ Giant ส่วน แดง - ดำ ก็มี Kevin Nash, Scott Hall, Sting และ Lex Luger ระหว่างนั้น นักมวยปล้ำบางคนก็มีปัญหากันเองในกลุ่ม จากนั้นก็แยกทีมกันหมด กลายเป็น nWo เหมือนเดิม โฮแกนก็เริ่มมีคนเชียร์มากขึ้น ช่วงนั้น Lex Luger ก็กลับมาที่ WCW หลังจากพักไปนานเกือบ 2 ปี เพราะบาดเจ็บหลังจากเสียแชมป์ให้กับโฮแกน ในศึก HogWild ปี 1997 โฮแกนก็ได้มีโอกาสปล้ำกับ สติง ในศึก Fall Brawl ปี 1999 และ สติง ได้ร่วมมือกับ Lex Luger เพื่อนเก่าของเขาและหักหลังโฮแกน โดยเอาไม้เบสบอลตีใส่ โฮแกน และแพ้ด้วยท่า Scorpion Death Lock ไปในที่สุด ในเวลานั้นปี 2002 วินซ์ แม็กแมน ก็ได้เรียก โฮแกน กลับมาพร้อมกับ เควิน แนช และ สก็อตต์ ฮอลล์ ในนามของ nWo และไปเล่นงานทั้งเดอะ ร็อก และสโตน โคลด์ สตีฟ ออสติน และโฮแกนก็ขอท้าเจอกับ เดอะ ร็อก ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 18 และโฮแกนก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับ เดอะ ร็อก และกลับมาเป็นโฮแกนคนเดิมอีกครั้ง
ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2014 ทาง WWE ประกาศว่า ฮัลก์ โฮแกน จะกลับมา WWE ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 30 โดยมาเป็นพิธีกรรับเชิญ[8] และโฮแกนก็ได้กลับมาใน WWE อีกครั้ง ในศึกรอว์ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2014[9] ในเรสเซิลเมเนีย โฮแกนออกมาเปิดรายการและก็พูดถึงแมตช์ที่เขากับ Mr.T มีส่วนร่วมใน WrestleMania ครั้งแรกที่เมดิสันสแควร์การ์เด้น และตอนนี้เขาก็มาอยู่ที่ซิลเวอร์โดมเพื่อร่วม WrestleMania 30 (คนดูตะโกนบอก Hogan ว่า ซูเปอร์โดม ทำให้ Hogan ขอโทษและเรียกใหม่ให้ถูกว่าซูเปอร์โดม) Stone Cold ออกมาขัดจังหวะ และบอกว่ารู้สึกดีจังที่ได้กลับมาที่ซิลเวอร์โดมอีกครั้ง และเขาก็รู้สึกว่าอยากจะเตะก้นใครซักคน ใครก็ได้ที่อยู่บนเวทีเดียวกัน เมื่อคืนนี้เขากับ Hogan นั่งใกล้ ๆ กันในงาน Hall of Fame และเขาก็เห็น Hogan ปล้ำใน WrestleMania มาหลายปี ปราบคนมาก็เยอะ และเขาก็นับถือสิ่งที่ Hogan ทำ จากนั้น Stone Cold ก็ขอจับมือกับ Hogan และขอให้แฟน ๆ ช่วย Hell Yeah! ให้ Hogan หน่อย Stone Cold บอกว่าทั้งเขาและ Hogan ต่างก็ทุ่มเททุกอย่างเพื่อมวยปล้ำมาแล้ว ก็ขอให้สตาร์รุ่นหลัง ๆ ทุ่มเทให้เต็มที่ในคืนนี้ด้วย The Rock ออกมาอีกคน และบอกว่าในที่สุดเขาก็ได้กลับมาเยือนนิวออร์ลีนส์อีกครั้ง และก็กลับมาที่ซูเปอร์โดมด้วย The Rock บอกว่า Stone Cold กับ Hulk Hogan เป็นสองตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน WWE และเขาก็เคยเจอกับทั้งคู่มาแล้วใน WrestleMania ตอนนี้เรามารวมกันเกือบครบแล้ว ขาดแต่พระเอกยุคปัจจุบันซึ่งมันคงไม่กล้าออกมาหรอกนอกจาก Hogan จะเชิญมันออกมา จากนั้นทั้ง 3 พระเอกก็พูดประโยคฮิตของตัวเอง โดย The Rock บอกว่า If you smell what the rock is cooking!?, Stone Cold บอก and that's the bottom line cause Stone Cold said so! และ Hogan ปิดท้ายว่า Watcha gonna do brothers when Hulk Hogan, Stone Cold Steve Austin, The Rock, and Superdome run wild on you!? Stone Cold เอาเบียร์มาเลี้ยงทุกคนและก็แยกย้ายกันกลับ
ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2015 WWE ประกาศไล่โฮแกนออกจากสมาคมแล้ว โดยมีการประกาศยกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการใน WWE.com[10] สาเหตุเพราะว่าโฮแกนเคยให้สัมภาษณ์ไว้กับรายการวิทยุออนไลน์แห่งหนึ่งเมื่อปี 2006 โดยใช้ถ้อยคำที่เหยียดผิวอย่างรุนแรงถูกตีแผ่ออกมา ทำให้ WWE ต้องรีบตัดความสัมพันธ์โดยด่วน สัญญาที่โฮแกนทำไว้กับ WWE นั้นเป็นสัญญาแบบ "Legend" ซึ่งไม่ใช่สถานะนักมวยปล้ำแต่จะร่วมทำธุรกิจขายสินค้ากันและอาจจะมาร่วมรายการเป็นครั้งคราว จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทาง WWE ลบและถอดทุกสิ่งทุกอย่างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโฮแกนออกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น: ลบประวัติของโฮแกนบนเว็บไซต์ WWE.COM, ถอดสินค้าของโฮแกนที่วางขายทั้งหมดออกจากเว็บไซต์ WWEShop, ถอดโฮแกนจากการเป็นหนึ่งในกรรมการผู้ตัดสินรายการเรียลลิตี ทัฟ อีนัฟ ซีซั่น6[11][12] โดย The National Enquirer และ RadarOnline เผยจากถ้อยคำถอดเทปว่าโฮแกนใช้ถ้อยคำที่เหยียดผิวอย่างรุนแรงหลายครั้ง ขณะที่กำลังพูดถึง Heather Clem หญิงสาวที่โฮแกนเคยมีเพศสัมพันธ์ด้วยจนมีวิดีโอหลุดออกมาเมื่อปี 2012 และพูดถึงบรูก โฮแกน ลูกสาวของเขาที่ตกเป็นข่าวว่าไปหลับนอนกับคนผิวสี ซึ่งโฮแกนไม่พอใจ หลังจากมีข่าวออกมาค่อนข้างหนัก ในเวลาต่อมาโฮแกนจึงออกมายอมรับกับ People.com โดยขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมบอกว่าเสียใจและผิดหวังกับคำพูดที่น่ารังเกียจของตัวเองที่เกิดขึ้นเมื่อ 8 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เดวิด ฮูสตัน ทนายของโฮแกน ออกมาบอกความจริงแล้วว่า โฮแกนเป็นฝ่ายยุติสัญญาและขอออกจาก WWE เอง เพราะไม่อยากให้ WWE รวมถึงครอบครัวได้รับผลกับเรื่องนี้[13][14]
วันที่ 15 กรกฎาคม 2018 WWE ประกาศอย่างเป็นทางการว่าโฮแกนได้กลับมาอยู่ในหอเกียรติยศอีกครั้ง นอกจากนี้โฮแกนทวีตข้อความว่าเขาได้เข้ามาพบปะกับบรรดาสตาร์ WWE ในหลังฉากศึก Extreme Rules (2018) ด้วย PWInsider รายงานเพิ่มเติมว่าโฮแกนได้กล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการ ขอโทษบุคคลที่ได้รับผลกระทบและขอโทษทางสมาคม โฮแกนยังแนะนำสตาร์ WWE ว่าให้ระวังคำพูดทั้งต่อหน้ากล้องและที่ไหนก็ตามอีกด้วย ซึ่งผู้คนหลังฉาก WWE ก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี โฮแกนจับมือกับนักมวยปล้ำหลายคนและโฮแกนก็รู้สึกซาบซึ้งมากๆ[15]
↑During Hogan's runs as champion in 1996–1997 and again in 1998–1999 (ie from his second to his fifth reign as champion), as part of the New World Order (nWo) storyline, the title was spray painted each time with the "nWo" initials and renamed as the nWo/WCW World Heavyweight Championship, while referred to by nWo members only as the nWo World Heavyweight Championship.
↑From Hogan's second to his fifth reign, the title was renamed and known simply as the WWF Championship. Hogan's last reign was as Undisputed WWF Champion, but the title was renamed once again as the Undisputed WWE Championship on May 6, 2002 after World Wrestling Federation Entertainment, Inc. settled a lawsuit with the World Wildlife Fund, and became simply World Wrestling Entertainment. On May 19, the day he lost the championship, it was called the WWE Undisputed Championship.
↑ 1.01.1Patrick Jones (2002). "Hulk Hogan". St. James Encyclopedia of Pop Culture. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 11, 2007. สืบค้นเมื่อ October 25, 2007.
↑Kreikenbohm, Philip (July 17, 1994). "WCW World Heavyweight Championship". Cagematch - The Internet Wrestling Database. สืบค้นเมื่อ February 12, 2021.