เจมี ริชาร์ด วาร์ดี (อังกฤษ: Jamie Richard Vardy, สกุลเดิม: กิลล์ (Gill) ; เกิด 11 มกราคม ค.ศ. 1987) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าให้กับเลสเตอร์ซิตี นอกจากนี้สามารถเล่นในตำแหน่งปีกได้อีกด้วย โดยเลสเตอร์ซิตีซื้อตัววาร์ดีมาจากฟลีตวุดทาวน์ ซึ่งเป็นสโมสรสมัครเล่นในระดับนอกลีกของอังกฤษ [5]
ประวัติ
วาร์ดีเกิดที่เมืองเชฟฟีลด์ ในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะทางเศรษฐกิจดีนัก พ่อเป็นพนักงานคุมรถเครนตามสถานที่ก่อสร้าง แม่เป็นพนักงานลูกจ้างในสำนักงานทนายความ ทั้งคู่ไม่มีเงินส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาตรีด้วยซ้ำ วาร์ดีจึงต้องดิ้นรนตั้งแต่เล็กด้วยการเป็นพนักงานในโรงงานทำขาเทียม ซึ่งต้องเผชิญกับสารเคมีอันตรายตั้งแต่ยังเด็ก ก่อนที่เมื่อเติบโตเข้าช่วงวัยรุ่นจะหันไปเล่นฟุตบอลกับเชฟฟีลด์เวนส์เดย์ในชุดเยาวชน และได้ขยับขึ้นเรื่อย ๆ จนที่สุดในปี ค.ศ. 2007 ได้รับค่าตัว 30 ปอนด์ (ประมาณ 1,618 บาท) ต่อสัปดาห์ ซึ่งไม่พอเลี้ยงตัวเอง จึงต้องกลับไปรับทำงานในโรงงานผลิตขาเทียมอีกครั้งควบคู่ไปด้วย ก่อนที่จะได้เล่นให้กับฟลีตวูดทาวน์ และย้ายมาอยู่กับเลสเตอร์ซิตีในที่สุด ด้วยค่าตัวถึง 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 53 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นสถิติการซื้อตัวผู้เล่นจากนอกลีก (ลีกนอกระบบ) ที่ค่าตัวแพงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์[6]
ในฤดูกาล 2015–16 ถือเป็นฤดูกาลที่วาร์ดีแจ้งเกิดอย่างแท้จริง เมื่อนำเป็นดาวซัลโว และในนัดที่ 13 ที่เลสเตอร์ซิตี เป็นฝ่ายบุกไปเยือน นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่สนามเซนต์เจมส์พาร์ก ที่เลสเตอร์ซิตีเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 0-3 วาร์ดียิงประตูได้ในนาทีที่ 45 ของครึ่งเวลาแรก ทำให้ทำสถิติยิงประตูติดต่อกันในลีกเป็นนัดที่ 10 เทียบเท่า รุด ฟาน นิสเตลรอย อดีตกองหน้าตัวเป้าของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่เคยทำไว้ในปี ค.ศ. 2003 (แต่ของฟาน นิสเตลรอย เป็นการยิงติดต่อกัน 2 ฤดูกาล ขณะที่ของวาร์ดีเป็นการทำสถิติเพียงฤดูกาลเดียว[7]) และผลการแข่งขันนัดนี้ทำให้เลสเตอร์ซิตีขึ้นเป็นทีมนำในตารางคะแนนอีกด้วย[8]
และยิงได้ต่อเนื่องเป็นนัดที่ 11 ในนัดต่อมาที่เลสเตอร์ซิตีพบกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่สนามคิงเพาเวอร์สเตเดียม ที่เสมอกันไป 1-1 โดยวาร์ดียิงได้ในนาทีที่ 23 นับเป็นสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีก[9] และมาหยุดการทำประตูในนัดที่ 15 ที่เลสเตอร์ซิตี เป็นฝ่ายบุกไปเยือน สวอนซีซิตี ที่สนามลิเบอตีสเตเดียม ถึงแม้ว่าผลการแข่งขันเลสเตอร์ซิตีจะเป็นฝ่ายชนะไปถึง 0-3 ประตู ก็ตาม และทำให้ทีมขึ้นสู่อันดับ 1 ในตารางคะแนน ซึ่งแม้ผู้ทำประตูได้ในนัดนี้ไม่ใช่วาร์ดี แต่เป็นริยาด มาห์เรซ ซึ่งทำแฮตทริกได้ แต่วาร์ดีก็ส่วนในประตูที่ 3 เมื่อเป็นผู้จ่ายลูกให้[10]
และในฤดูกาล 2019-20 ถือเป็นฤดูกาลที่เจ้าตัวกำลังเข้าฟอร์มเหมือนในฤดูกาล 2015-16อีกครั้ง ณ ตอนนี้ ยิงไปแล้ว 17ประตู จาก18นัด ในเกมลีค
สถิติอาชีพ
สโมสร
- ณ วันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2022
ทีมชาติ
+ การลงแข่งและประตูในฐานะทีมชาติต่อปี[23]
|
ทีมชาติ |
ปี |
ลงแข่ง |
ประตู
|
อังกฤษ
|
2015 |
4 |
0
|
2016 |
10 |
5
|
2017 |
5 |
1
|
2018 |
7 |
1
|
รวม |
26 |
7
|
ประตูในนามทีมชาติ
- As of match played 15 November 2016. England score listed first, score column indicates score after each Vardy goal.[23]
เกียรติประวัติ
- เลสเตอร์ซิตี
อ้างอิง
- ↑ "FIFA World Cup Russia 2018: List of players: England" (PDF). FIFA. 15 July 2018. p. 10. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-06-19. สืบค้นเมื่อ 15 December 2018.
- ↑ "Jamie Vardy". England Football Online. 9 June 2019. สืบค้นเมื่อ 4 July 2020.
- ↑ "Player Profile". FC Halifax Town. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 June 2011. สืบค้นเมื่อ 7 July 2011.
- ↑ "Jamie Vardy". Leicester City F.C. สืบค้นเมื่อ 15 December 2018.
- ↑ "ย้อนหลังรายชั่วโมง ช่อง 7". ช่อง 7. 2015-11-28. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 28 November 2015.
- ↑ "ชีวิตพลิกผัน "เจมี วาร์ดี" จากเด็กทำขาเทียมสู่ดาวยิง". ผู้จัดการออนไลน์. 2015-12-06. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 6 December 2015.
- ↑ หน้า 20 กีฬา, มายังไง วาร์ดี. "คิดทันเกม" โดย หมึกบอล. เดลินิวส์ฉบับที่ 24,148: วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12 ปีมะแม
- ↑ "BREAKING! ! วาร์ดี้ยิง 10 นัดติดทาบสถิติฟานนิสเตลรอย". fourfourtwo.com. 2015-11-21. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 22 November 2015.
- ↑ ""ผี" ไล่เจ๊าจิ้งจอก "วาร์ดี" ซัดไม่ยั้ง 11 นัดติด". ผู้จัดการออนไลน์. 2015-11-29. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 29 November 2015.
- ↑ หน้า 16 ต่อหน้า 14 กีฬา, จิ้งจอกสยามแจ๋ว ผงาดครองจ่าฝูง. เดลินิวส์ฉบับที่ 24,160: วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558 แรม 11 ค่ำ เดือน 12 ปีมะแม
- ↑ Meynell, Johnny (2011). Halifax Town: The Complete Record. Derby: DB Publishing. pp. 592–593, 628–629. ISBN 978-1-85983-974-4.
- ↑ 12.0 12.1 "J. Vardy: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 18 December 2018.
- ↑ "Games played by เจมี วาร์ดี in 2012/2013". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 5 December 2017.
- ↑ "Games played by เจมี วาร์ดี in 2013/2014". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 5 December 2017.
- ↑ "Games played by เจมี วาร์ดี in 2014/2015". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 5 December 2017.
- ↑ "Games played by เจมี วาร์ดี in 2015/2016". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 5 December 2017.
- ↑ "Games played by เจมี วาร์ดี in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 5 December 2017.
- ↑ "Games played by เจมี วาร์ดี in 2017/2018". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 11 July 2018.
- ↑ "Games played by เจมี วาร์ดี in 2018/2019". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 15 December 2019.
- ↑ "Games played by เจมี วาร์ดี in 2019/2020". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 6 March 2022.
- ↑ "Games played by เจมี วาร์ดี in 2020/2021". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 6 March 2022.
- ↑ "Games played by เจมี วาร์ดี in 2021/2022". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 29 April 2022.
- ↑ 23.0 23.1 "Jamie Vardy". National Football Teams. Benjamin Strack-Zimmermann. สืบค้นเมื่อ 29 April 2022.
- ↑ McNulty, Phil (26 March 2016). "Germany 2–3 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 26 March 2016.
- ↑ McNulty, Phil (29 March 2016). "England 1–2 Netherlands". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 16 June 2016.
- ↑ Bevan, Chris (22 May 2016). "England 2–1 Turkey". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 16 June 2016.
- ↑ McNulty, Phil (16 June 2016). "England 2–1 Wales". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 16 June 2016.
- ↑ McNulty, Phil (15 November 2016). "England 2–2 Spain". BBC Sport. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-17. สืบค้นเมื่อ 16 November 2016.
- ↑ McNulty, Phil (26 March 2017). "England 2–0 Lithuania". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 26 March 2017.
- ↑ McNulty, Phil (27 March 2018). "England 1–1 Italy". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 March 2018.
- ↑ "Vardy double fires Leicester to Championship title". BBC Sport. 29 April 2024. สืบค้นเมื่อ 29 April 2024.
- ↑ Hafez, Shamoon (7 August 2021). "Leicester City 1–0 Manchester City". BBC Sport. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 October 2021. สืบค้นเมื่อ 8 August 2021.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Profile at the Leicester City F.C. website