Share to:

 

มุฮัมมัด เศาะลาห์

มุฮัมมัด เศาะลาห์
เศาะลาห์ในลิเวอร์พูลปี 2018
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม มุฮัมมัด เศาะลาห์ ฮามิด มะห์รูส ฆอลี[1]
วันเกิด (1992-06-15) 15 มิถุนายน ค.ศ. 1992 (32 ปี)[2]
สถานที่เกิด นัจญ์รีจญ์ บัสยูน ประเทศอียิปต์[3]
ส่วนสูง 1.75 m (5 ft 9 in)[4]
ตำแหน่ง กองหน้า ปีกขวา
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
ลิเวอร์พูล
หมายเลข 11
สโมสรเยาวชน
2004–2005 Ittihad Basyoun[5]
2005–2006 Othmason Tanta[5]
2006–2010 อัลมุกาวลูน
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2010–2012 อัลมุกาวลูน 38 (11)
2012–2014 บาเซิล 47 (9)
2014–2016 เชลซี 13 (2)
2015ฟีออเรนตีนา (ยืมตัว) 16 (6)
2015–2016โรมา (ยืมตัว) 34 (14)
2016–2017 โรมา 31 (15)
2017– ลิเวอร์พูล 276 (168)
ทีมชาติ
2010–2011 อียิปต์ อายุไม่เกิน 20 ปี 11 (3)
2011–2012 อียิปต์ อายุไม่เกิน 23 ปี 11 (4)
2011– อียิปต์ 95 (55)
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 2024
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด
ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023

มุฮัมมัด เศาะลาห์ ฮามิด มะห์รูส ฆอลี (อาหรับ: محمد صلاح حامد محروس غالي; อังกฤษ: Mohammed Salah Ghaly; เกิดวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1992) เป็นนักฟุตบอลชาวอียิปต์ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าและปีกขวาให้แก่ลิเวอร์พูลและทีมชาติอียิปต์ เขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก[6][7] ด้วยความสามารถในการจบสกอร์ การเลี้ยงบอล และความเร็ว

เศาะลาห์เริ่มต้นอาชีพกับสโมสร Al Mokawloon ในอียิปต์ ก่อนที่จะย้ายไปบาเซิลในสวิสเซอร์แลนด์แบบไม่เปิดเผยค่าตัว ผลงานอันโดดเด่นในการเล่นที่สวิตเซอร์แลนด์ ทำให้เขาได้รับความสนใจจากเชลซีในพรีเมียร์ลีกและได้ย้ายไปที่นั่นในปี 2014 ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลแรกที่เชลซี เขาแทบไม่ได้รับโอกาสลงสนามและถูกปล่อยยืมตัวให้แก่ฟีออเรนตีนาและโรมาในเซเรียอา ซึ่งเขาได้ย้ายไปโรมาแบบถาวรด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร เขามีส่วนช่วยให้โรมาจบอันดับที่สองและเก็บคะแนนในลีกได้มากที่สุดเป็นสถิติของสโมสรในปี 2017 เศาะลาห์กลับไปเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งด้วยการย้ายไปลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 36.9 ล้านปอนด์

ในช่วงที่เล่นในอังกฤษเป็นหนที่สอง เศาะลาห์ปรับการเล่นจากปีกธรรมชาติไปเป็นกองหน้า ทำให้เขายิงได้ถึง 32 ประตูจากการลงเล่นในลีก 36 นัดในฤดูกาลแรกของเขากับลิเวอร์พูล เขาได้รับรางวัลรองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีกและทำสถิติยิงประตูในพรีเมียร์ลีกหนึ่งฤดูกาลมากที่สุด ผลงานของเศาะลาห์ทำให้เขาได้รับรางวัลส่วนตัวต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ เขายังได้อันดับที่สามของนักฟุตบอลชายที่ดีที่สุดของฟีฟ่าในปี 2018 ฤดูกาลถัดมา เขาเป็นผู้ทำประตูสูงสุดร่วมในพรีเมียร์ลีกและมีส่วนช่วยให้ลิเวอร์พูลชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 ซึ่งเขาทำประตูในนัดชิงชนะเลิศด้วย ในฤดูกาลที่สามของเขากับสโมสร เขามีส่วนช่วยให้ทีมชนะเลิศพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นับเป็นแชมป์ลีกสมัยแรกของสโมสรในรอบ 30 ปี

ในระดับทีมชาติ เศาะลาห์เคยเล่นให้แก่ทีมชาติอียิปต์ชุดเยาวชนก่อนที่จะได้ลงเล่นให้แก่ทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2011 เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลแอฟริกาพรสวรรค์แห่งปีจากการทำผลงานในโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 เขามีส่วนช่วยให้อียิปต์เข้าชิงชนะเลิศแอฟริกาคัพออฟเนชันส์ 2017 และเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนแอฟริกา เศาะลาห์ได้รับรางวัลนักฟุตบอลแอฟริกันยอดเยี่ยมแห่งปี (2017 และ 2018), นักฟุตบอลแอฟริกันแห่งปีของบีบีซี (2017 และ 2018) และติดทีมยอดเยี่ยมในแอฟริกาคัพออฟเนชันส์ 2017 และติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของแอฟริกาอีกหลายครั้ง

สโมสรอาชีพ

เชลซี

โรมา

ลิเวอร์พูล

ฤดูกาล 2017-18

ในวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ได้ตกลงย้ายไปร่วมทีมลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 36.9 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติการซื้อตัวของสโมสรที่เคยจ่ายให้กับ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ในการคว้าตัว แอนดี แคร์โรล กองหน้าร่างยักษ์ในราคา 35 ล้านปอนด์ (ราว 1,479 ล้านบาท) เมื่อปี 2011 เซ็นสัญญากับทีมเป็นเวลา 5 ปี และรับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 90,000 ปอนด์ (ประมาณ 4.05 ล้านบาท)[8] เขาได้รับมอบหมายให้สวมเสื้อหมายเลข 11 จาก โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ที่เปลี่ยนไปเป็นหมายเลข 9[9] เขาจะเป็นนักเตะลิเวอร์พูลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 เมื่อเปิดการซื้อขายนักเตะช่วงฤดูร้อน เขากลายเป็นผู้เล่นอียิปต์คนแรกของลิเวอร์พูล[10] ต่อมา ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ประเดิมสนามให้ลิเวอร์พูลและทำประตูแรกในช่วงปรีซีซั่น ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ วีแกนแอธเลติก ที่ดีดับเบิลยูสเตเดียม 1-1[11] ต่อมา ในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2017 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2017–18 เศาะลาห์ประเดิมสนามให้ลิเวอร์พูลนัดแรกเป็นทางการและทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ วอตฟอร์ด ที่วิคาริจโรด 3-3[12] ต่อมา ในวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบเพลย์ออฟ นัดที่ 2 เศาะลาห์ทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฮ็อฟเฟินไฮม์ จากเยอรมัน 4-2 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฮ็อฟเฟินไฮม์ 6-3 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[13] ต่อมา ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 4-0[14] ต่อมา ในวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E เศาะลาห์ทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ เซบิยา จากสเปน 2-2[15] ต่อมา ในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ เบิร์นลีย์ 1-1[16] ต่อมา ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม 3-2[17]

ในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ มารีบอร์ จากสโลวีเนีย 7-0[18] ทำให้ ลิเวอร์พูลสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นทีมจากอังกฤษที่เอาชนะนอกบ้านในเกมยุโรปด้วยสกอร์ที่มากที่สุด[19] ต่อมา ในวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ 1-4[20] ต่อมา ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E เศาะลาห์ทำประตูที่ 5 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ มารีบอร์ จากสโลวีเนีย 3-0[21] ต่อมา ในวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่ลอนดอนสเตเดียม 4-1[22] ต่อมา ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 3-0[23]

ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับทีมเก่าของเขา เชลซี 1-1[24] ต่อมา ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ลงสนามเป็นตัวสำรองและยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี ที่บริแทนเนียสเตเดียม 3-0[25] ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทำให้ เศาะลาห์ได้รางวัลผู้เล่นยอดเยื่ยมประจำเดือนพฤศจิกายนของพรีเมียร์ลีก[26] ต่อมา ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E นัดสุดท้าย ลิเวอร์พูล ชนะก็จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม เศาะลาห์ทำประตูที่ 6 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สปาร์ตัคมอสโก จากรัสเซีย 7-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในฐานะแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ[27] ต่อมา ในวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ทำประตูที่ 13 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมืองเมอร์ซีย์ไซด์ 1-1[28] ต่อมา ในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ทำประตูที่ 14 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัท ที่วิตาลิตี้ สเตเดียม 4-0[29] ต่อมา ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ทำประตูที่ 15 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 3-3[30] ต่อมา ในวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี 2-1[31]

เศาะลาห์ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ในปี 2018

ในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 18 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 4-3[32] ต่อมา ในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2018 เอฟเอคัพ รอบสี่ เศาะลาห์ทำประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน 2-3 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องตกรอบ เอฟเอคัพ ไปในที่สุด[33] ด้วยประตูนี้ทำให้ เศาะลาห์ยิงไป 25 ประตูจาก 32 นัด ทำให้เขาเป็นนักเตะที่ทำประตูถึง 25 ประตูเร็วที่สุดในรอบ 102 ปี มีเพียง จอร์จ อัลเลน (1895-96) และเฟร็ด แพ็กแนม (1914-15) ที่ทำได้ด้วยจำนวนเกมน้อยกว่าเขาในประวัติศาสตร์ของสโมสร[34] ต่อมา ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 19 ในพรีเมียร์ลีกด้วยลูกจุดโทษในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์ ที่สนามกีฬาจอห์นสมิท 3-0[35] ต่อมา ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-2[36] ต่อมา ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 22 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 2-0[37] ต่อมา ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เศาะลาห์ทำประตูที่ 7 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 5-0 ด้วยประตูนี้ทำให้ เศาะลาห์ยิงไป 30 ประตูจาก 36 นัด ทำให้เขาเป็นนักเตะคนแรกของลิเวอร์พูลที่ยิงได้ 30 ประตูต่อหนึ่งฤดูกาล หลังจาก ลุยส์ ซัวเรซ เคยทำเอาไว้เมื่อฤดูกาล 2013-14 (31 ลูก) และทำให้เขาเป็นนักเตะที่ยิง 30 ประตูได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ 125 ปีของสโมสรเป็นอันดับ 2 มีเพียง จอร์จ อัลเลน (27 เกม) ที่ทำได้ไวกว่าเศาะลาห์ (36 เกม) ตามมาด้วย แดเนียล สเตอร์ริดจ์ (37), เฟร็ด แพ็คแนม (39) และเฟร์นันโด ตอร์เรส (42)[38] ต่อมา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 23 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 4-1[39] ต่อมา ในวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 24 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2-0[40] ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทำให้ เศาะลาห์ได้รางวัลผู้เล่นยอดเยื่ยมประจำเดือนกุมภาพันธ์ของพรีเมียร์ลีก[41] ต่อมา ในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำแฮตทริกครั้งแรกของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล โดย เศาะลาห์ยิง 4 ประตูในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 5-0[42] ต่อมา ในวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 29 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 2-1[43] ต่อมา ในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก เศาะลาห์ทำประตูที่ 8 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-0[44] ต่อมา ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 เศาะลาห์ทำประตูที่ 9 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม 2-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 5-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[45] เศาะลาห์กลายเป็นนักเตะลิเวอร์พูล ที่ยิงประตูต่อฤดูกาลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรตั้งแต่เข้าสู่ยุคพรีเมียร์ลีก หลังทำไปแล้ว 39 ประตูในทุกรายการ ทุบสถิติของ ร็อบบี ฟาวเลอร์ เคยทำไว้ 36 ลูก เมื่อฤดูกาล 1995–96 ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทำให้ เศาะลาห์ได้รางวัลผู้เล่นยอดเยื่ยมประจำเดือนมีนาคมของพรีเมียร์ลีก และทำให้เขาเป็นนักเตะคนแรกที่คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยื่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีกได้ถึงสามครั้งในฤดูกาลเดียวกัน[46] ต่อมา ในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 30 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ บอร์นมัท 3-0[47] ต่อมา ในวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 31 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน ที่เดอะฮอว์ทอนส์ 2-2[48]

ในวันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 2018 เศาะลาห์คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำฤดูกาล 2017-18 ส่งผลให้ เศาะลาห์เป็นนักเตะคนที่ 7 ของลิเวอร์พูล ที่ได้รับรางวัลนี้ถัดจาก ลุยส์ ซัวเรซ (2013-14), สตีเวน เจอร์ราร์ด (2005-06), จอห์น บาร์นส์ (1987-88), เอียน รัช (1983-84), เคนนี ดัลกลิช (1982-83) และเทอร์รี แม็คเดอร์ม็อตต์ (1979-80)[49] รวมทั้ง เศาะลาห์ยังได้ติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเออีกด้วย[50] ต่อมา ในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะทีมเก่าของเขา โรมา 5-2[51] ต่อมา เศาะลาห์คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ (เอฟดับเบิ้ลยูเอ) ไปอีกหนึ่งรางวัล[52] ต่อมา ในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์คว้า 2 รางวัลของสโมสรลิเวอร์พูล ได้แก่ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูล และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของแฟนๆ ในงานประกาศรางวัล Players' Awards 2018[53] ต่อมา เศาะลาห์คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2017-18 ต่อมา ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล 2017–18 ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะเพื่อการันตีโควต้าพื้นที่ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เศาะลาห์ทำประตูที่ 32 ในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล เอาชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 4-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบอันดับที่ 4 และคว้าโควต้าแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ[54] เศาะลาห์ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 32 ประตูจาก 36 นัด ทำให้ เศาะลาห์สร้างสถิติยิงประตูมากที่สุดแซง อลัน เชียเรอร์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลุยส์ ซัวเรซ นับตั้งแต่ที่มีการแข่งแบบ 38 นัดต่อฤดูกาลและคว้ารางวัลรองเท้าทองคำของพรีเมียร์ลีกไปครอง[55]

ในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2018 ลิเวอร์พูล เจอกับแชมป์เก่า เรอัลมาดริด ที่สนามโอลิมปิสกีเนชันแนลสปอตส์คอมเพล็กซ์ ในเคียฟ ประเทศยูเครน เศาะลาห์ได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่จากการปะทะกับ เซร์ฆิโอ ราโมส ทำให้ เศาะลาห์เล่นต่อไม่ไหวและต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงครึ่งแรก สุดท้าย ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ เรอัลมาดริด 1-3 ทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก อย่างน่าเสียดาย[56]

ฤดูกาล 2018-19

ในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล เป็นเวลา 5 ปี โดยในสัญญาฉบับใหม่ไม่มีการระบุเงื่อนไขการฉีกสัญญาเอาไว้ด้วย[57] ต่อมา ในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2018 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2018–19 เศาะลาห์ทำประตูแรกในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 4-0[58] ต่อมา ในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 1-0[59] ต่อมา ในวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 3-0[60] ต่อมา ในวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์ ที่สนามกีฬาจอห์นสมิท 1-0[61] ต่อมา ในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม C เศาะลาห์ยิง 2 ประตูในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เรดสตาร์ เบลเกรด จากเซอร์เบีย 4-0[62] ทำให้ เศาะลาห์สร้างสถิติยิงประตูให้ลิเวอร์พูลครบ 50 ประตูรวมทุกรายการเร็วที่สุด ด้วยจำนวน 65 นัด ทุบสถิติของ อัลเบิร์ต สตั๊บบินส์ (77 นัด) ในช่วงปลายทศวรรษ 1940[63] ต่อมา ในวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ซิตี 4-1[64] ต่อมา ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฟูลัม 2-0[65] ต่อมา ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วอตฟอร์ด ที่วิคาริจโรด 3-0[66] ต่อมา ในวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำแฮตทริกที่ 2 ของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัท ที่วิตาลิตี้ สเตเดียม 4-0[67] ต่อมา ในวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม C นัดสุดท้าย ลิเวอร์พูล ชนะก็จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เศาะลาห์ทำประตูที่ 3 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นาโปลี จากอิตาลิ 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในฐานะรองแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ[68] ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 11 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วูลฟ์แฮมตันวันเดอเรอส์ ที่สนามกีฬาโมลีนิวส์ 2-0[69] ต่อมา ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 12 ในพรีเมียร์ลีกด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 4-0[70] ต่อมา ในวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 13 ในพรีเมียร์ลีกด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 5-1[71]

ในวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2019 เศาะลาห์ทำประตูที่ 14 ในพรีเมียร์ลีกด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ที่สนามกีฬาอเมริกันเอ็กซ์เพรสคอมมูนิตี 1-0[72] ต่อมา ในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2019 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ คริสตัลพาเลซ 4-3[73] ต่อมา ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 เศาะลาห์ทำประตูที่ 17 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ บอร์นมัท 3-0[74] ต่อมา ในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2019 เศาะลาห์ทำประตูที่ 18 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 3-1[75] ทำให้ เศาะลาห์สร้างสถิติยิงประตูให้กับลิเวอร์พูลครบ 50 ประตู ในพรีเมียร์ลีก จาก 69 นัด เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ต่อมา ในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2019 เศาะลาห์ทำประตูที่ 19 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะทีมเก่าของเขา เชลซี 2-0[76] ต่อมา ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 เศาะลาห์ทำประตูที่ 4 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 4-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู 6-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[77] ต่อมา ในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 2019 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์ 5-0[78] ต่อมา ในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 เศาะลาห์ทำประตูที่ 22 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 3-2[79]

ในวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ เป็นนัดตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ และต้องลุ้นให้ แมนเชสเตอร์ซิตี ไม่ชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ด้วย ลิเวอร์พูล ก็จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก โดย ลิเวอร์พูล เอาชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 2-0 แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ซิตี เอาชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 4-1 ทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างน่าเสียดาย[80] เศาะลาห์ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 22 ประตูจาก 38 นัด ทำให้ เศาะลาห์คว้ารางวัลรองเท้าทองคำของพรีเมียร์ลีกไปครองเป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน ร่วมกับ ซาดีโย มาเน และ ปีแยร์-แอเมอริก โอบาเมอย็องก์ ต่อมา ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019 ลิเวอร์พูล เจอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่วันดาเมโตรโปลิตาโน ในมาดริด, ประเทศสเปน เศาะลาห์ทำประตูด้วยลูกจุดโทษขึ้นนำ 1-0 สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ[81]

ฤดูกาล 2019-20

ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2019 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2019–20 เศาะลาห์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นอริชซิตี 4-1[82] ต่อมา ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019 ลิเวอร์พูล แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 เจอกับ เชลซี แชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2018–19 ที่สนามโวดาโฟนพาร์ก, อิสตันบูล ประเทศตุรกี สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 5-4 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพ สมัยที่ 4 ได้สำเร็จ[83] ต่อมา ในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 2019 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 3-1[84] ต่อมา ในวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2019 เศาะลาห์ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 3-1[85] ต่อมา ในวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2019–20 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E เศาะลาห์ยิง 2 ประตูในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค จากออสเตรีย 4-3[86] ต่อมา ในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม E เศาะลาห์ทำประตูที่ 3 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เคงก์ จากเบลเยียม 4-1[87] ต่อมา ในวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2019 เศาะลาห์ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีกด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-1[88] ต่อมา ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 เศาะลาห์ทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-1[89] ต่อมา ในวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 2019 เศาะลาห์ทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัท ที่วิตาลิตี้ สเตเดียม 3-0[90] ต่อมา ในวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2019–20 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E นัดสุดท้าย ลิเวอร์พูล ชนะก็จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เศาะลาห์ทำประตูที่ 4 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค จากออสเตรีย 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในฐานะแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ[91] ต่อมา ในวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 2019 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 2-0[92] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ ฟลาเม็งกู ตัวแทน คอนเมบอล ในฐานะแชมป์เก่าของ โกปาลิเบร์ตาโดเรส ที่สนามกีฬาแห่งชาติคาลิฟา ในโดฮา, ประเทศกาตาร์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟลาเม็งกู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก สมัยแรกได้สำเร็จ[93] จากนั้น เศาะลาห์ได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยม The Golden Ball ประจำทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019

ในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด 2-0[94] ต่อมา ในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ทำประตูที่ 11 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะคู่ปรับตลอดกาล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 2-0[95] ต่อมา ในวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ทำประตูที่ 12 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่ลอนดอนสเตเดียม 2-0[96] ต่อมา ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 4-0[97] ต่อมา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ทำประตูที่ 15 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 3-2[98] ต่อมา ในวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ลงสนามนัดที่ 100 ในพรีเมียร์ลีก และทำประตูที่ 16 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ บอร์นมัท 2-1[99]

ในวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ทำประตูที่ 17 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ คริสตัลพาเลซ 4-0[100] ต่อมา ในวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ที่สนามกีฬาอเมริกันเอ็กซ์เพรสคอมมูนิตี 3-1[101] จบฤดูกาล เศาะลาห์ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีได้สำเร็จ[102]

ฤดูกาล 2020-21

ในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2020 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2020–21 เศาะลาห์ทำแฮตทริกที่ 3 ของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020–21 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ลีดส์ยูไนเต็ด 4-3[103] ทำให้ เศาะลาห์เป็นนักเตะคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำประตูได้ในนัดเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 4 ซีซั่นติดต่อกันในฤดูกาล 2017–18 ถึง 2020–21 ต่อจาก เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม ที่ทำไว้ในฤดูกาล 1992–93 ถึง 1995–96 นอกจากนี้ เศาะลาห์เป็นนักเตะลิเวอร์พูลคนแรกที่สามารถทำแฮตทริกได้ในนัดเปิดฤดูกาลนับตั้งแต่ จอห์น อัลดริดจ์ ทำเอาไว้นัดเจอกับ ชาร์ลตันแอธเลติก เมื่อฤดูกาล 1988–89 ต่อมา ในวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ แอสตันวิลลา ที่วิลลาพาร์ก 2-7 ต่อมา ในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ทำประตูที่ 100 ให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสันพาร์ก 2-2 ต่อมา ในวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2020 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2020–21 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม D เศาะลาห์ทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2020–21 ด้วยลูกจุดโทษ นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ มิดทิลลันด์ จากเดนมาร์ก 2-0[104] ต่อมา ในวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 2-1[105] ต่อมา ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2020–21 รอบแบ่งกลุ่ม D เศาะลาห์ทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาตาลันตา จากอิตาลิ ที่สตาดีโออัตเลตีอัซซูร์รีดีตาเลีย 5-0[106] ต่อมา ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม 1-1 ต่อมา ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 4-0[107] ต่อมา ในวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 2020 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2020–21 รอบแบ่งกลุ่ม D เศาะลาห์ทำประตูที่ 3 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ มิดทิลลันด์ จากเดนมาร์ก 1-1[108] ต่อมา ในวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ ฟูลัม ที่เครเวนคอตทิจ 1-1 ต่อมา ในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ทำประตูที่ 11 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-1[109] ต่อมา ในวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2020 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 7-0[110]

ในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 2021 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่ลอนดอนสเตเดียม 3-1[111] ต่อมา ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เศาะลาห์ทำประตูที่ 4 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอร์เบ ไลพ์ซิช ที่ปุชกาชออเรนอ 2-0[112] ต่อมา ในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 เศาะลาห์ทำประตูที่ 5 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอร์เบ ไลพ์ซิช ที่ปุชกาชออเรนอ 2-0 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอร์เบ ไลพ์ซิช 4-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[113] ต่อมา ในวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2021 เศาะลาห์ทำประตูที่ 18 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 3-0[114] ต่อมา ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2021 เศาะลาห์ทำประตูที่ 19 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แอสตันวิลลา 2-1[115] ต่อมา ในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2021 เศาะลาห์ทำประตูที่ 20 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 1-1 ต่อมา ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 เศาะลาห์ลงสนามนัดที่ 200 ให้กับ ลิเวอร์พูล และทำประตูที่ 21 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด 4-2[116] ต่อมา ในวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 เศาะลาห์ทำประตูที่ 22 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน ที่เดอะฮอว์ทอนส์ 2-1[117]

ฤดูกาล 2021-22

ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2021 เศาะลาห์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นอริชซิตี ที่แคร์โรว์โรด 3-0 ทำให้ เศาะลาห์เป็นนักเตะคนแรกในพรีเมียร์ลีกที่ยิงในนัดเปิดฤดูกาลได้ 5 ฤดูกาลติดต่อกัน[118] ต่อมา วันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 2021 เศาะลาห์ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เชลซี 1-1 ต่อมา ในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2021 เศาะลาห์ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ลีดส์ยูไนเต็ด ที่เอลแลนด์โรด 3-0 และเป็นประตูที่ 100 ของเขาในพรีเมียร์ลีกอีกด้วย[119] ต่อมา ในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม B เศาะลาห์ทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอซี มิลาน จากอิตาลี 3-2[120] ต่อมา ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2021 เศาะลาห์ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ คริสตัลพาเลซ 3-0[121] ต่อมา ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2021 เศาะลาห์ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เบรนต์ฟอร์ด ที่เบรนต์ฟอร์ดคอมมิวนิตีสเตเดียม 3-3 และเป็นประตูที่ 100 ของเขายิงให้สโมสรในพรีเมียร์ลีกเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย ต่อมา ในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 รอบแบ่งกลุ่ม B เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 5-1[122] ต่อมา ในวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 2021 เศาะลาห์ทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี 2-2 ต่อมา ในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2021 เศาะลาห์ทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วอตฟอร์ด ที่วิคาริจโรด 5-0[123]ต่อมาเศาะลาห์ทำ2ประตูในเกมพบแอตเลติโก มาดริด เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ.2564 ต่อมา ในวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 รอบแบ่งกลุ่ม B เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อัตเลติโกเดมาดริด จากสเปน 3-2[124]

ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 อีเอฟแอลคัพ 2022 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 11-10 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์อีเอฟแอลคัพ สมัยที่ 9 ได้สำเร็จ[125]

ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 6-5 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 8 ได้สำเร็จ[126] ต่อมา ในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ เป็นนัดตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ และต้องลุ้นให้ แมนเชสเตอร์ซิตี ไม่ชนะ แอสตันวิลลา ด้วย ลิเวอร์พูล ก็จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก โดย เศาะลาห์ยิงประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 3-1 แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ซิตี เอาชนะ แอสตันวิลลา 3-2 ทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างน่าเสียดาย[127] เศาะลาห์ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 23 ประตูจาก 35 นัด ทำให้ เศาะลาห์คว้ารางวัลรองเท้าทองคำของพรีเมียร์ลีกไปครองเป็นสมัยที่ 3 รวมทั้ง เศาะลาห์ยังทำไป 13 แอสซิสต์ในฤดูกาลนี้ ทำให้เขาคว้ารางวัลเพลย์เมกเกอร์ของพรีเมียร์ลีกไปครองอีกหนึ่งรางวัล[128]

ฤดูกาล 2022-23

ในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2022 เศาะลาห์ตัดสินใจต่อสัญญา 3 ปี กับสโมสรลิเวอร์พูล จนถึงปี ค.ศ. 2025 พร้อมค่าเหนื่อย 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์[129] [130]

ในวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม เศาะลาห์ทำประตูด้วยลูกจุดโทษ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์คอมมิวนิตีชีลด์ สมัยที่ 16 ได้สำเร็จ[131] ต่อมา ในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 2022 เศาะลาห์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022–23 นัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ ฟูลัม ที่เครเวนคอตทิจ 2-2 ทำให้ เศาะลาห์ทำสถิติยิงในเกมเปิดฤดูกาล 6 ฤดูกาลติดต่อกัน ต่อมา ในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 2022 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2022–23 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม A เศาะลาห์ทำแฮตทริก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เรนเจอส์ จากสกอตแลนด์ 7-1 ทำให้ เศาะลาห์สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นเจ้าของสถิติทำแฮตทริกได้เร็วที่สุดในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เวลา 6 นาที 12 วินาที ทำลายสถิติเดิมของ บาเฟติมบี้ โกมิส ใช้เวลา 8 นาทีทำแฮตทริก ในนัดที่ โอลิมปิกลียง เอาชนะ ดินาโม ซาเกร็บ เมื่อปี 2011 นอกจากนั้น เศาะลาห์ยังเพิ่มจำนวนประตูรวมที่เขาทำกับลิเวอร์พูล ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 38 ประตู กลายเป็นผู้เล่นที่ยิงให้ทีมจากอังกฤษในรายการนี้มากที่สุดแซงหน้า ดิดิเยร์ ดร็อกบา และ เซร์คิโอ อเกวโร่ ทำได้คนละ 36 ประตู[132] ต่อมา ในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2022 เศาะลาห์ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 1-0[133] ต่อมา ในวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 2022 เศาะลาห์ทำประตูที่ 6 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อายักซ์ จากเนเธอร์แลนด์ 3-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[134] ต่อมา ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2022 เศาะลาห์ทำประตูที่ 7 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นาโปลี จากอิตาลิ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม A[135] ต่อมา ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2022 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่สนามกีฬาทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-1[136]

ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2022 เศาะลาห์ทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอสตันวิลลา ที่วิลลาพาร์ก 3-1[137] ต่อมา ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 เศาะลาห์ทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0[138] ต่อมา ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2023 เศาะลาห์ทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วูลฟ์แฮมตันวันเดอเรอส์ 2-0[139] ทำให้ เศาะลาห์ทำสถิติยิงได้อย่างน้อย 20 ประตู ในการแข่งขันทุกรายการ 6 ฤดูกาลติดต่อกัน ต่อมา ในวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 2023 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 7-0[140] ทำให้ เศาะลาห์ทำสถิติใหม่ยิงแซง ร็อบบี ฟาวเลอร์ เป็นดาวยิงสูงสุดของลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีกที่ 129 ประตู รวมทั้งเป็นนักเตะลิเวอร์พูลคนแรกที่ทำประตู แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 5 นัดติดต่อกัน ต่อมา ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2023 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ลีดส์ยูไนเต็ด ที่เอลแลนด์โรด 6-1 ทำให้ เศาะลาห์ทำสถิติใหม่ยิงแซง ร็อบบี ฟาวเลอร์ เป็นนักเตะที่ยิงประตูด้วยเท้าซ้ายมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกที่ 107 ประตู[141] ต่อมา ในวันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 2023 เศาะลาห์ทำประตูที่ 16 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นอตทิงแฮมฟอเรสต์ 3-2[142] ต่อมา ในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2023 เศาะลาห์ทำประตูที่ 17 ในพรีเมียร์ลีก ด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 4-3[143] ต่อมา ในวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 2023 เศาะลาห์ทำประตูที่ 18 ในพรีเมียร์ลีก ด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฟูลัม 1-0[144] ต่อมา ในวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2023 เศาะลาห์ทำประตูที่ 19 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เบรนต์ฟอร์ด 1-0[145]

ฤดูกาล 2023-24

ในวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2023 เศาะลาห์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023–24 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ บอร์นมัท 3-1[146] ต่อมา ในวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2023 เศาะลาห์ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แอสตันวิลลา 3-0[147] ต่อมา ในวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 2023 ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2023–24 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E เศาะลาห์ทำประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ลัสค์ 3-1[148] ต่อมา ในวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2023 เศาะลาห์ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 3-1[149]

ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เบรนต์ฟอร์ด 3-0[150] ต่อมา ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023 ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E เศาะลาห์ทำประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ลัสค์ 4-0[151] ต่อมา ในวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 2023 เศาะลาห์ทำประตูที่ 11 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 2-1 และเป็นประตูที่ 200 ให้กับสโมสรลิเวอร์พูล อีกด้วย[152] ต่อมา ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2024 เศาะลาห์ห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 4-2 เป็นนัดส่งท้ายก่อนที่ เศาะลาห์จะต้องไปรับใช้ทีมชาติอียิปต์ตะลุยศึกแอฟริกาคัพออฟเนชันส์ 2023[153] ต่อมา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 เศาะลาห์ทำประตูที่ 15 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบรนต์ฟอร์ด ที่เบรนต์ฟอร์ดคอมมิวนิตีสเตเดียม 4-1[154]

ทีมชาติอียิปต์

ทีมเยาวชน

ทีมชุดใหญ่

เศาะลาห์ยิงประตูให้ทีมชาติอียิปต์ 5 ประตูคว้าดาวซัลโวในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนแอฟริกา ในวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 2017 เศาะลาห์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ อียิปต์ เอาชนะ คองโก 2-1 ช่วยให้ อียิปต์ ผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่รัสเซีย ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1990 ต่อมา ทีมชาติอียิปต์เรียกตัวเศาะลาห์ติดรายชื่อ 23 คน ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดย อียิปต์ ได้อยู่กลุ่มเอ ร่วมกับ อุรุกวัย, รัสเซีย และ ซาอุดีอาระเบีย ต่อมา ในวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ไม่ได้ลงสนาม ในนัดที่ อียิปต์ พ่ายแพ้ อุรุกวัย 0-1 ต่อมา ในวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ลงสนามเป็นตัวจริงในฟุตบอลโลก นัดแรก และทำประตูจากลูกจุดโทษ ในนัดที่ อียิปต์ พ่ายแพ้เจ้าภาพ รัสเซีย 1-3 ทำให้ อียิปต์ ต้องตกรอบแรกไปในที่สุด [155] ต่อมา ในวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2018 เศาะลาห์ทำประตูที่ 2 ในฟุตบอลโลก ในนัดที่ อียิปต์ พ่ายแพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2 ทำให้ อียิปต์ คว้าอันดับสุดท้ายของกลุ่มเอ แพ้ 3 นัดรวด ตกรอบโดยไม่มีคะแนน [156]

ชีวิตส่วนตัว

เศาะลาห์ขณะให้สัมภาษณ์ในงานประชุม CAF Awards ใน ค.ศ. 2017

เศาะลาห์กับ Maggi ภรรยาของเขา แต่งงานกันใน ค.ศ. 2013 แล้วให้กำเนิดลูกสาวชื่อ Makka ใน ค.ศ. 2014[157] ซึ่งตั้งชื่อตามมักกะฮ์ นครศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาอิสลาม[158] จากนั้น เขาจึงมีลูกสาวอีกคนชื่อ Kayan ใน ค.ศ. 2020[159] เศาะลาห์เป็นมุสลิมและฉลองการเข้าประตูด้วยการสุญูด[160] เขาพูดเรื่องนี้แก่ซีเอ็นเอ็นว่า "มันเหมือนกันการขอพรหรือขอบคุณพระเจ้าในสิ่งที่ผมทำได้...ผมทำอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กในทุกที่"[161]

ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีอียิปต์ ค.ศ. 2018 มีบัตรเสียจำนวนมาก (อาจมากกว่าหนึ่งล้านใบ) จากการที่ผู้โหวตขีดฆ่าชื่อผู้สมัครทั้งสองคนและเขียนชื่อเศาะลาห์ลงไปแทน[162][163]

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2020 เศาะลาห์มีผลการติดเชื้อโควิด-19 เป็นบวก[164]

สถิติอาชีพ

สโมสร

ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024[165]
สโมสร ฤดูกาล ลีก เนชันนอลคัพ[a] ลีกคัพ[b] ทวีป อื่น ๆ รวม
ดิวิชัน ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู
อัลมุกาวลูน 2009–10 พรีเมียร์ลีกอียิปต์ 3 0 2 0 5 0
2010–11 พรีเมียร์ลีกอียิปต์ 20 4 4 1 24 5
2011–12 พรีเมียร์ลีกอียิปต์ 15 7 0 0 15 7
รวม 38 11 6 1 0 0 0 0 0 0 44 12
บาเซิล 2012–13 สวิสซูเปอร์ลีก 29 5 5 3 16[c] 2 50 10
2013–14 สวิสซูเปอร์ลีก 18 4 1 1 10[d] 5 29 10
รวม 47 9 6 4 0 0 26 7 0 0 79 20
เชลซี 2013–14 พรีเมียร์ลีก 10 2 1 0 0 0 0 0 11 2
2014–15 พรีเมียร์ลีก 3 0 1 0 2 0 2[d] 0 8 0
รวม 13 2 2 0 2 0 2 0 0 0 19 2
ฟีออเรนตีนา (ยืมตัว) 2014–15 เซเรียอา 16 6 2 2 8[e] 1 26 9
โรมา (ยืมตัว) 2015–16 เซเรียอา 34 14 1 0 7[d] 1 42 15
โรมา 2016–17 เซเรียอา 31 15 2 2 8[f] 2 41 19
รวม 65 29 3 2 15 3 83 34
ลิเวอร์พูล 2017–18 พรีเมียร์ลีก 36 32 1 1 0 0 15[d] 11 52 44
2018–19 พรีเมียร์ลีก 38 22 1 0 1 0 12[d] 5 52 27
2019–20 พรีเมียร์ลีก 34 19 2 0 0 0 8[d] 4 4[g] 0 48 23
2020–21 พรีเมียร์ลีก 37 22 2 3 1 0 10[d] 6 1[h] 0 51 31
2021–22 พรีเมียร์ลีก 35 23 2 0 1 0 13[d] 8 51 31
2022–23 พรีเมียร์ลีก 38 19 3 1 1 1 8[d] 8 1[h] 1 51 30
2023–24 พรีเมียร์ลีก 21 15 0 0 2 1 5[e] 3 28 19
รวม 239 152 11 5 6 2 71 45 6 1 333 205
รวมทั้งหมด 418 209 30 14 8 2 122 56 6 1 584 282
  1. รวมอียิปต์คัพ, สวิสคัพ, เอฟเอคัพ, โกปปาอีตาเลีย
  2. รวมฟุตบอลลีกคัพ/อีเอฟแอลคัพ
  3. ลงเล่นสองครั้งในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ลงเล่น 14 ครั้งและได้ประตู 2 ครั้งในยูฟ่ายูโรปาลีก
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 4.6 4.7 4.8 ลงเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
  5. 5.0 5.1 ลงเล่นในยูฟ่ายูโรปาลีก
  6. ลงเล่นสองครั้งในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ลงเล่น 6 ครั้งและได้ประตู 2 ครั้งในยูฟ่ายูโรปาลีก
  7. ลงเล่นครั้งเดียวในเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ ลงเล่นครั้งเดียวในยูฟ่าซูเปอร์คัพ ลงเล่น 2 ครั้งในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก
  8. 8.0 8.1 ลงเล่นในอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์

ทีมชาติ

ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023[166]
ทีมชาติ ปี ลงเล่น ประตู
อียิปต์ 2011 2 1
2012 15 7
2013 10 9
2014 9 5
2015 4 2
2016 6 5
2017 11 5
2018 6 7
2019 5 2
2020 0 0
2021 7 2
2022 12 4
2023 8 6
รวม 95 55

ประตูในนามทีมชาติ

International goals by date, venue, cap, opponent, score, result and competition
No. Date Venue Cap Opponent Score Result Competition Ref.
1 8 October 2011 Cairo International Stadium, Cairo, Egypt 2 ธงชาติไนเจอร์ ไนเจอร์ 2–0 3–0 2012 Africa Cup of Nations qualification [167]
2 27 February 2012 Thani bin Jassim Stadium, Doha, Qatar 3 ธงชาติเคนยา เคนยา 1–0 5–0 Friendly [168]
3 29 March 2012 Khartoum Stadium, Khartoum, Sudan 6 ธงชาติยูกันดา ยูกันดา 1–1 2–1 [169]
4 31 March 2012 Khartoum Stadium, Khartoum, Sudan 7 ธงชาติชาด ชาด 1–0 4–0 [170]
5 22 May 2012 Al Merrikh Stadium, Omdurman, Sudan 10 ธงชาติโตโก โตโก 2–0 3–0 [171]
6 3–0
7 10 June 2012 Stade du 28 Septembre, Conakry, Guinea 12 ธงชาติกินี กินี 3–2 3–2 2014 FIFA World Cup qualification [172]
8 15 June 2012 Borg El Arab Stadium, Alexandria, Egypt 13 Flag of the Central African Republic สาธารณรัฐแอฟริกากลาง 2–1 2–3 2013 Africa Cup of Nations qualification [173]
9 6 February 2013 Vicente Calderón Stadium, Madrid, Spain 18 ธงชาติชิลี ชิลี 1–2 1–2 Friendly [174]
10 9 June 2013 National Sports Stadium, Harare, Zimbabwe 20 ธงชาติซิมบับเว ซิมบับเว 2–1 4–2 2014 FIFA World Cup qualification [175]
11 3–1
12 4–2
13 16 June 2013 Estádio da Machava, Maputo, Mozambique 21 ธงชาติโมซัมบิก โมซัมบิก 1–0 1–0 [176]
14 14 August 2013 El Gouna Stadium, El Gouna, Egypt 22 ธงชาติยูกันดา ยูกันดา 2–0 3–0 Friendly [177]
15 10 September 2013 El Gouna Stadium, El Gouna, Egypt 23 ธงชาติกินี กินี 3–2 4–2 2014 FIFA World Cup qualification [178]
16 5 March 2014 Tivoli-Neu, Innsbruck, Austria 27 ธงชาติบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา 2–0 2–0 Friendly [179]
17 30 May 2014 Estadio Nacional Julio Martínez Prádanos, Santiago, Chile 28 ธงชาติชิลี ชิลี 1–0 2–3 [180]
18 10 October 2014 Botswana National Stadium, Gaborone, Botswana 32 ธงชาติบอตสวานา บอตสวานา 2–0 2–0 2015 Africa Cup of Nations qualification [181]
19 15 October 2014 Cairo International Stadium, Cairo, Egypt 33 ธงชาติบอตสวานา บอตสวานา 2–0 2–0 [182]
20 19 November 2014 Stade Mustapha Ben Jannet, Monastir, Tunisia 35 ธงชาติตูนิเซีย ตูนิเซีย 1–0 1–2 [183]
21 14 June 2015 Borg El Arab Stadium, Alexandria, Egypt 37 ธงชาติแทนซาเนีย แทนซาเนีย 3–0 3–0 2017 Africa Cup of Nations qualification [184]
22 6 September 2015 Stade Omnisports Idriss Mahamat Ouya, N'Djamena, Chad 38 ธงชาติชาด ชาด 3–1 5–1 [185]
23 25 March 2016 Ahmadu Bello Stadium, Kaduna, Nigeria 40 ธงชาติไนจีเรีย ไนจีเรีย 1–1 1–1 [186]
24 4 June 2016 National Stadium, Dar es Salaam, Tanzania 42 ธงชาติแทนซาเนีย แทนซาเนีย 1–0 2–0 [187]
25 2–0
26 9 October 2016 Stade Municipal de Kintélé, Brazzaville, Republic of the Congo 44 Flag of the Republic of the Congo สาธารณรัฐคองโก 1–1 2–1 2018 FIFA World Cup qualification [188]
27 13 November 2016 Borg El Arab Stadium, Alexandria, Egypt 45 ธงชาติกานา กานา 1–0 2–0 [189]
28 25 January 2017 Stade de Port-Gentil, Port-Gentil, Gabon 49 ธงชาติกานา กานา 1–0 1–0 2017 Africa Cup of Nations [190]
29 1 February 2017 Stade de l'Amitié, Libreville, Gabon 51 ธงชาติบูร์กินาฟาโซ บูร์กินาฟาโซ 1–0 1–1 (4–3 p) 2017 Africa Cup of Nations [191]
30 5 September 2017 Borg El Arab Stadium, Alexandria, Egypt 55 ธงชาติยูกันดา ยูกันดา 1–0 1–0 2018 FIFA World Cup qualification [192]
31 8 October 2017 Borg El Arab Stadium, Alexandria, Egypt 56 Flag of the Republic of the Congo สาธารณรัฐคองโก 1–0 2–1 2018 FIFA World Cup qualification [193]
32 2–1
33 23 March 2018 Letzigrund, Zürich, Switzerland 57 ธงชาติโปรตุเกส โปรตุเกส 1–0 1–2 Friendly [194]
34 19 June 2018 Krestovsky Stadium, Saint Petersburg, Russia 58 ธงชาติรัสเซีย รัสเซีย 1–3 1–3 2018 FIFA World Cup [195]
35 25 June 2018 Volgograd Arena, Volgograd, Russia 59 ธงชาติซาอุดีอาระเบีย ซาอุดีอาระเบีย 1–0 1–2 [196]
36 8 September 2018 Borg El Arab Stadium, Alexandria, Egypt 60 ธงชาติไนเจอร์ ไนเจอร์ 3–0 6–0 2019 Africa Cup of Nations qualification [197]
37 5–0
38 12 October 2018 Al Salam Stadium, Cairo, Egypt 61 ธงชาติเอสวาตินี เอสวาตินี 4–0 4–1 [198]
39 16 November 2018 Borg El Arab Stadium, Alexandria, Egypt 62 ธงชาติตูนิเซีย ตูนิเซีย 3–2 3–2 [199]
40 26 June 2019 Cairo International Stadium, Cairo, Egypt 65 Flag of the Democratic Republic of the Congo สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก 2–0 2–0 2019 Africa Cup of Nations [200]
41 26 June 2019 Cairo International Stadium, Cairo, Egypt 66 ธงชาติยูกันดา ยูกันดา 1–0 2–0 2019 Africa Cup of Nations [201]
42 26 June 2019 Cairo International Stadium, Cairo, Egypt 66 Flag of the Democratic Republic of the Congo สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก 2–0 2–0 2019 Africa Cup of Nations [202]
43 30 June 2019 Cairo International Stadium, Cairo, Egypt 67 ธงชาติยูกันดา ยูกันดา 1–0 2–0 2019 Africa Cup of Nations [203]
44 29 March 2021 Cairo International Stadium, Cairo, Egypt 70 ธงชาติคอโมโรส คอโมโรส 3–0 4–0 2021 Africa Cup of Nations qualification [204]
45 4–0
46 15 January 2022 Roumdé Adjia Stadium, Garoua, Cameroon 77 ธงชาติกินี-บิสเซา กินี-บิสเซา 1–0 1–0 2021 Africa Cup of Nations [205]
47 30 January 2022 Stade Ahmadou Ahidjo, Yaoundé, Cameroon 80 ธงชาติโมร็อกโก โมร็อกโก 1–1 2–1
(ต่อเวลา)
2021 Africa Cup of Nations [206]
48 23 September 2022 Alexandria Stadium, Alexandria, Egypt 86 ธงชาติไนเจอร์ ไนเจอร์ 1–0 3–0 Friendly [207]
49 3–0
50 24 March 2023 30 June Stadium, Cairo, Egypt 88 ธงชาติมาลาวี มาลาวี 1–0 2–0 2023 Africa Cup of Nations qualification [208]
51 28 March 2023 Bingu National Stadium, Lilongwe, Malawi 89 ธงชาติมาลาวี มาลาวี 3–0 4–0 2023 Africa Cup of Nations qualification [209]
52 16 November 2023 Cairo International Stadium, Cairo, Egypt 94 ธงชาติจิบูตี จิบูตี 1–0 6–0 2026 FIFA World Cup qualification
53 2–0
54 3–0
55 4–0

เกียรติประวัติ

เศาะลาห์กับถ้วยยูฟ่าซูเปอร์คัพใน ค.ศ. 2019

สโมสร

บาเซิล

ลิเวอร์พูล

ทีมชาติ

อียิปต์

รางวัลส่วนตัว

อ้างอิง

  1. "FIFA Club World Cup Qatar 2019: List of Players: Liverpool" (PDF). FIFA. 21 December 2019. p. 7. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 5 December 2019. สืบค้นเมื่อ 4 May 2020.
  2. "มุฮัมมัด เศาะลาห์". Barry Hugman's Footballers. สืบค้นเมื่อ 1 พฤษภาคม 2018.
  3. Hossam Rabie (6 June 2018). "Egyptian soccer star's village has mixed feelings about native son". Al-Monitor. สืบค้นเมื่อ 20 March 2019.
  4. "2018 FIFA World Cup Russia: List of players: Egypt" (PDF). FIFA. 17 June 2018. p. 9. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 19 June 2018. สืบค้นเมื่อ 17 June 2018.
  5. 5.0 5.1 Abdel Fattah Faraj; Asharq Al-Awsat (4 March 2018). "The inspiring story of Egypt and Liverpool superstar Mohamed Salah". Arab News. สืบค้นเมื่อ 29 August 2018.
  6. Rathborn, Jack (15 September 2020). "'An absolute killer' – Gary Neville claims Liverpool's Mohamed Salah 'not far' from best player in the world conversation". The Independent. สืบค้นเมื่อ 3 January 2021.
  7. Jabbar, Nasir (27 December 2020). "Mohamed Salah Voted Third Best Player Of The Century At Globe Soccer Awards". Sportbible.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-04-05. สืบค้นเมื่อ 3 January 2021.
  8. "ลิเวอร์พูลเซ็นสัญญาคว้าตัวโมฮาเหม็ด เศาะลาห์ เรียบร้อยแล้ว". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-06-26. สืบค้นเมื่อ 2017-06-29.
  9. "ยืนยันเศาะลาห์ใส่เบอร์เสื้อหมายเลข 11 ในฤดูกาลหน้า". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-06-27. สืบค้นเมื่อ 2017-06-29.
  10. "สัมภาษณ์แรกของเศาะลาห์: 'ผมรู้สึกได้ถึงความรัก – ผมจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อลิเวอร์พูล'". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-06-25. สืบค้นเมื่อ 2017-06-29.
  11. "เศาะลาห์ยิงประเดิมให้ลิเวอร์พูลตีเสมอวีแกน 1-1". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-07-17. สืบค้นเมื่อ 2017-07-16.
  12. "ลิเวอร์พูลถูกวัตฟอร์ดตามตีเสมอในนาทีสุดท้าย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-08-15. สืบค้นเมื่อ 2017-08-14.
  13. "ลิเวอร์พูลคว้าชัยเหนือฮอฟเฟ่นไฮม์ ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มแชมเปียนส์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-08-26. สืบค้นเมื่อ 2017-08-24.
  14. "ลิเวอร์พูลถล่มอาร์เซนอลขาดลอยที่แอนฟิลด์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-08-30. สืบค้นเมื่อ 2017-08-28.
  15. "ลิเวอร์พูลถูกเซบิยาตีเสมอในเกมแรกของแชมเปียนส์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-18. สืบค้นเมื่อ 2017-09-15.
  16. "ลิเวอร์พูลแบ่งแต้มกับเบิร์นลีย์ที่แอนฟิลด์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-18. สืบค้นเมื่อ 2017-09-18.
  17. "ลิเวอร์พูลบุกไปเฉือนเลสเตอร์ถึงคิง เพาเวอร์ สเตเดียม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-02. สืบค้นเมื่อ 2017-09-24.
  18. "ลิเวอร์พูลโชว์ฟอร์มหรูถล่มมาริบอร์ในแชมเปียนส์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-21. สืบค้นเมื่อ 2017-10-18.
  19. "ลิเวอร์พูลเฉลิมฉลองการทำลายสถิติในค่ำคืนยุโรปที่มาริบอร์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-21. สืบค้นเมื่อ 2017-10-21.
  20. "ลิเวอร์พูลพ่ายสเปอร์สที่เวมบลีย์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-26. สืบค้นเมื่อ 2017-10-23.
  21. ลิเวอร์พูลเก็บชัยพร้อมรั้งจ่าฝูงกลุ่ม อี แชมเปียนส์ลีก[ลิงก์เสีย]
  22. เศาะลาห์เหมาสองประตูในเกมลิเวอร์พูลถล่มเวสต์แฮม[ลิงก์เสีย]
  23. "เศาะลาห์เหมาสองประตูอีกครั้งในเกมถล่มเซาท์แฮมป์ตัน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-01-22. สืบค้นเมื่อ 2017-11-19.
  24. "ลิเวอร์พูลเสมอเชลซี 1-1". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-11-29. สืบค้นเมื่อ 2017-11-26.
  25. "ซูเปอร์ซับ! เศาะลาห์เหมาสองให้ลิเวอร์พูลบุกไปถล่มสโต๊ก ซิตี้". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-02. สืบค้นเมื่อ 2017-11-30.
  26. "เศาะลาห์ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤศจิกายน ของพรีเมียร์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-18. สืบค้นเมื่อ 2017-12-15.
  27. "คูตินโญ่กดแฮตทริก! ลิเวอร์พูลถล่มสปาร์ตัก มอสโก 7-0 พร้อมเข้ารอบแชมเปียนส์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-08. สืบค้นเมื่อ 2017-12-07.
  28. ลิเวอร์พูลเสมอเอฟเวอร์ตันในเกมดาร์บี[ลิงก์เสีย]
  29. "ลิเวอร์พูลบุกไปถล่มบอร์นมัธ พร้อมเก็บคลีนชีต". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-23. สืบค้นเมื่อ 2017-12-18.
  30. "ลิเวอร์พูลเก็บหนึ่งแต้ม ในเกมสุดมันส์ที่เอมิเรตส์ สเตเดียม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-25. สืบค้นเมื่อ 2017-12-23.
  31. "ลิเวอร์พูลพลิกจากตามหลัง กลับมาคว้าชัยชนะที่แอนฟิลด์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-01-02. สืบค้นเมื่อ 2017-12-31.
  32. "ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนฯ ซิตี้ ไปอย่างสุดมันส์ 4-3". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-01-16. สืบค้นเมื่อ 2018-01-15.
  33. ลิเวอร์พูลพ่ายเวสต์บรอม ตกรอบเอฟเอ คัพ[ลิงก์เสีย]
  34. "25 ประตูใน 32 เกม: อีกหนึ่งสถิติใหม่ของเศาะลาห์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-01-31. สืบค้นเมื่อ 2018-01-31.
  35. ลิเวอร์พูลกลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะที่ฮัดเดอร์สฟิลด์[ลิงก์เสีย]
  36. ลิเวอร์พูลแบ่งแต้มกับสเปอร์สในเกมสุดดราม่าในนาทีสุดท้าย[ลิงก์เสีย]
  37. ลิเวอร์พูลบุกไปคว้าสามแต้มที่เซาท์แฮมป์ตัน[ลิงก์เสีย]
  38. "5 สิ่งที่เราชื่นชอบจากเกมลิเวอร์พูลชนะปอร์โต้". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-02-19. สืบค้นเมื่อ 2018-02-16.
  39. "ลิเวอร์พูลขยับขึ้นอันดับ 2 หลังถล่มเวสต์แฮม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-02-26. สืบค้นเมื่อ 2018-02-25.
  40. "ลิเวอร์พูลคว้าสามแต้มพร้อมคลีนชีต". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-03-07. สืบค้นเมื่อ 2018-03-04.
  41. เศาะลาห์ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก[ลิงก์เสีย]
  42. เศาะลาห์กด 4 ประตูให้ลิเวอร์พูลถล่มวัตฟอร์ด 5-0[ลิงก์เสีย]
  43. ลิเวอร์พูลไล่กลับมาชนะพาเลซ พร้อมขยับขึ้นอันดับ 2[ลิงก์เสีย]
  44. "ลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะเหนือแมนฯ ซิตี้ ในเกมแชมเปียนส์ลีก เลกแรก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-04-07. สืบค้นเมื่อ 2018-04-05.
  45. "ลิเวอร์พูลไปย้ำแค้นแมนฯ ซิตี้ พร้อมทะลุตัดเชือกชปล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-04-13. สืบค้นเมื่อ 2018-04-11.
  46. "โมฮาเหม็ด เศาะลาห์ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนมีนาคม สร้างประวัติศาสตร์ให้กับพรีเมียร์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-04-16. สืบค้นเมื่อ 2018-04-14.
  47. "ลิเวอร์พูลคว้า 3 แต้ม จากประตูของ 3 ประสาน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-04-21. สืบค้นเมื่อ 2018-04-15.
  48. ลิเวอร์พูลถูกเวสต์บรอมไล่ตีเสมอท้ายเกม[ลิงก์เสีย]
  49. เศาะลาห์คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ[ลิงก์เสีย]
  50. โมฮาเหม็ด เศาะลาห์ ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ[ลิงก์เสีย]
  51. "ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะเหนือโรม่าในเกมเลกแรก รอบรองฯ แชมเปียนส์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-04-29. สืบค้นเมื่อ 2018-04-25.
  52. "เศาะลาห์คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าว". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-05-10. สืบค้นเมื่อ 2018-05-02.
  53. เศาะลาห์คว้ารางวัลใหญ่ในงานประกาศรางวัลนักเตะลิเวอร์พูล (LFC Players' Awards)[ลิงก์เสีย]
  54. "ฉลองชุดใหม่! ลิเวอร์พูลปิดฉากพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2017-18 ด้วยสามแต้ม และคลีนชีต". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-05-16. สืบค้นเมื่อ 2018-05-14.
  55. "เศาะลาห์คว้ารางวัลรองเท้าทองคำ พร้อมกับทำสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-05-16. สืบค้นเมื่อ 2018-05-14.
  56. "ลิเวอร์พูลพ่ายเรอัลมาดริด ในเกมชิงชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-05-30. สืบค้นเมื่อ 2018-05-27.
  57. "ซาลาห์เซ็นสัญญาใหม่ระยะยาวกับลิเวอร์พูล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-07-05. สืบค้นเมื่อ 2018-07-02.
  58. Match Report: หงส์แดงถล่มขุนค้อน 4-0 คว้าสามแต้มแรกของฤดูกาล 2018-19
  59. Match Report: ลิเวอร์พูลเฉือนไบรท์ตันจากประตูของซาลาห์
  60. Match Report: ลิเวอร์พูลชนะ 6 นัดรวดในพรีเมียร์ลีก หลังถล่มเซาท์แฮมป์ตันที่แอนฟิลด์
  61. Match Report: ลิเวอร์พูลบุกไปเฉือนฮัดเดอร์สฟิลด์
  62. Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มเร้ดสตาร์ 4-0 ในแชมเปียนส์ลีก (วิดีโอ)
  63. ซาลาห์ทำสถิติยิง 50 ประตู ให้กับลิเวอร์พูลได้รวดเร็วที่สุด (วิดีโอ)
  64. Match Report: ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์ถล่มคาร์ดิฟฟ์ 4-1
  65. Match Report: ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์ต้อนฟูแล่ม 2-0 (วิดีโอ)
  66. Match Report: ลิเวอร์พูลเก็บ 3 แต้ม หลังบุกชนะวัตฟอร์ด 3-0
  67. Match Report: แฮตทริกของซาลาห์พาลิเวอร์พูลเก็บสามแต้มอย่างงดงาม
  68. Match Report: ลิเวอร์พูลเบียดนาโปลีผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปียนส์ลีก
  69. Match Report: ซาลาห์ และฟาน ไดจ์ค ยิงคนละประตูช่วยลิเวอร์พูลบุกชนะวูล์ฟส์
  70. Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มนิวคาสเซิล 4-0 ในวันบ็อกซิงเดย์
  71. Match Report: ลิเวอร์พูลพลิกจากตามหลัง ถล่มอาร์เซนอล 5-1
  72. Match Report: ลิเวอร์พูลเฉือนไบรท์ตันคว้าสามแต้ม
  73. Match Report: ซาลาห์เบิ้ลให้ลิเวอร์พูลเฉือนพาเลซ 4-3
  74. Match Report: ลิเวอร์พูลกลับขึ้นสู่จ่าฝูงหลังเอาชนะบอร์นมัธที่แอนฟิลด์
  75. Match Report: ลิเวอร์พูลขึ้นจ่าฝูงอีกครั้ง หลังบุกชนะเซาท์แฮมป์ตัน
  76. Match Report: ลิเวอร์พูลเอาชนะเชลซี 2-0 ในเกมสุดเร้าใจที่แอนฟิลด์
  77. Match Report: ลิเวอร์พูลกด 4 ประตูผ่านเข้ารอบรองฯ แชมเปียนส์ลีก
  78. Match Report: ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะอย่างสวยงามเหนือฮัดเดอร์สฟิลด์ 5-0
  79. "Match Report: ลิเวอร์พูลเฉือนนิวคาสเซิล พร้อมยึดจ่าฝูงก่อนเกมสุดท้ายของฤดูกาล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-05-08. สืบค้นเมื่อ 2019-05-08.
  80. Match Report: ลิเวอร์พูลชนะวูล์ฟสที่แอนฟิลด์ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล
  81. Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าถ้วยแชมเปียนส์ลีกหลังชนะสเปอร์ส 2-0
  82. Match Report: ลิเวอร์พูลประเดิมเก็บ 3 แต้มแรกในเกมเปิดหัวพรีเมียร์ลีก
  83. Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ซูเปอร์ คัพ หลังดวลจุดโทษชนะเชลซี
  84. Match Report: ซาลาห์กดสองประตูให้ลิเวอร์พูลชนะอาร์เซนอล 3-1
  85. Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะเหนือนิวคาสเซิลที่แอนฟิลด์
  86. Match Report: ลิเวอร์พูลเฉือนซัลซ์บวร์ก 4-3 ในแชมเปียนส์ลีก
  87. Match Report: ลิเวอร์พูลบุกไปถล่มเกงค์ในเกมแชมเปียนส์ลีก
  88. Match Report: ลิเวอร์พูลแซงกลับมาชนะสเปอร์ส 2-1
  89. Match Report: ลิเวอร์พูลชนะแมนฯ ซิตี้ ที่แอนฟิลด์
  90. Match Report: ลิเวอร์พูลบุกไปชนะบอร์นมัธพร้อมเก็บคลีนชีต
  91. Match Report: ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบแชมเปียนส์ลีกหลังบุกคว้าชัยเหนือซัลซ์บวร์ก
  92. Match Report: ลิเวอร์พูลชนะวัตฟอร์ด
  93. Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์คลับ เวิลด์ ที่กาตาร์
  94. Match Report: ลิเวอร์พูลเริ่มต้นปี 2020 ด้วยการเก็บชัยชนะเหนือเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์ 2-0
  95. Match Report: ประตูจากฟาน ไดจ์ค และ ประตูท้ายเกมจากซาลาห์ ช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะเหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  96. Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าสามแต้มพร้อมเก็บคลีนชีตในเกมกับเวสต์แฮม
  97. Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มเซาท์แฮมป์ตัน 4-0
  98. Match Report: มาเน่ทำประตูชัยให้ลิเวอร์พูลพลิกกลับมาชนะที่แอนฟิลด์
  99. Match Report: ลิเวอร์พูลชนะบอร์นมัธในเกมพรีเมียร์ลีก
  100. Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มพาเลซ 4-0 ที่แอนฟิลด์
  101. Match Report: ลิเวอร์พูลเยือนไบรท์ตันพร้อมเก็บสามแต้มกลับเมอร์ซีย์ไซด์
  102. อัลบั้มภาพ: ทีมลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
  103. Match Report: แฮตทริกของซาลาห์ช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าสามแต้ม
  104. Match Report: ประตูของโชต้า และซาลาห์ ช่วยลิเวอร์พูลคว้าชัยเหนือมิดทิลแลนด์
  105. Match Report: โชต้ายิงประตูชัยให้ลิเวอร์พูลแซงชนะเวสต์แฮม
  106. Match Report: โชต้ากดแฮตทริกในเกมบุกถล่มอตาลันต้า 5-0
  107. Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มวูล์ฟส์ 4-0 ฉลองการกลับมาของแฟนบอลที่แอนฟิลด์
  108. Match Report: ลิเวอร์พูลเสมอมิดทิลแลนด์ในเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม
  109. Match Report: เฟอร์มิโน่โขกประตูชัยท้ายเกมส่งลิเวอร์พูลขึ้นจ่าฝูง
  110. Match Report: ลิเวอร์พูลบุกถล่มคริสตัล พาเลซ 7-0
  111. Match Report: ลิเวอร์พูลบุกชนะเวสต์แฮมก่อนขับขึ้นที่ 3
  112. Match Report: ลิเวอร์พูลเอาชนะไลป์ซิกในชปล. รอบ 16 ทีม เลกแลก
  113. Match Report: ลิเวอร์พูลเอาชนะไลป์ซิกก่อนผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ชปล.
  114. Match Report: โชต้าเหมาสองประตูให้ลิเวอร์พูลบุกถล่มอาร์เซนอล
  115. Match Report: เทรนต์ยิงประตูชัยให้ลิเวอร์พูลพลิกชนะวิลลา 2-1
  116. Match Report: ลิเวอร์พูลบุกชนะแมนฯ ยูไนเต็ด ถึงโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
  117. Match Report: อลิสสันโหม่งพังประตูในนาทีสุดท้ายคว้าชัยให้ลิเวอร์พูล
  118. Match Report: ลิเวอร์พูลออกสตาร์ตพรีเมียร์ลีกด้วยสามแต้ม
  119. Match Report: ลิเวอร์พูลบุกคว้าชัยที่เอลแลนด์ โร้ด
  120. Match Report: ลิเวอร์พูลกลับมาแซงชนะเอซี มิลาน ในเกมชปล.ที่แอนฟิลด์
  121. Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าชัยเหนือพาเลซที่แอนฟิลด์
  122. Match Report: ลิเวอร์พูลฟอร์มร้อนแรงบุกชนะปอร์โต้ 5-1
  123. Match Report: สามประสามช่วยลิเวอร์พูลบุกถล่มวัตฟอร์ด
  124. Match Report: ลิเวอร์พูลเบียดชนะแอตเลติโก้ มาดริด ในแชมเปียนส์ลีก
  125. Match Report: ลิเวอร์พูลดวลจุดโทษชนะเชลซีคว้าแชมป์คาราบาว คัพ
  126. Match Report: ลิเวอร์พูลดวลจุดโทษชนะเชลซีคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ
  127. Match Report: ลิเวอร์พูลชนะวูล์ฟส์ในเกมสุดท้ายที่แอนฟิลด์
  128. ซาลาห์คว้ารางวัลรองเท้าทองคำ และเพลย์เมกเกอร์ของพรีเมียร์ลีก
  129. "Salah signs new three-year Liverpool contract". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  130. ซาลาห์เซ็นสัญญาใหม่ระยะยาวกับลิเวอร์พูล
  131. Match Report: ลิเวอร์พูลชนะแมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์
  132. Match Report: ซาลาห์แฮตทริก! ลิเวอร์พูลบุกถล่มเรนเจอร์ส 7-1
  133. Match Report: ประตูโทนของซาลาห์ช่วยให้ลิเวอร์พูลเบียดชนะแมนฯ ซิตี้
  134. Match Report: ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบชปล.หลังบุกชนะอาแจ็กซ์
  135. Match Report: สองประตูท้ายเกมช่วยให้ลิเวอร์พูลชนะนาโปลีในชปล.
  136. Match Report: ซาลาห์เหมาสองประตูให้ลิเวอร์พูลไปคว้าชัยเหนือสเปอร์ส
  137. Match Report: ลิเวอร์พูลพูลคว้าชัยเหนือวิลล่าในวันบ๊อกซิ่ง เดย์
  138. Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าสามแต้มในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี
  139. Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าชัยเหนือวูล์ฟส์ที่แอนฟิลด์
  140. Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มแมนฯ ยูไนเต็ด 7-0
  141. Match Report: ลิเวอร์พูลบุกถล่มลีดส์ที่เอลแลนด์ โร้ด
  142. Match Report: ลิเวอร์พูลเอาชนะน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-2
  143. Match Report: โชต้ายิงนาทีสุดท้ายให้ลิเวอร์พูลชนะสเปอร์ส
  144. Match Report: ลิเวอร์พูลเฉือนฟูแล่มเก็บสามแต้มที่แอนฟิลด์
  145. Match Report: ลิเวอร์พูลเฉือนเบรนท์ฟอร์ดที่แอนฟิลด์
  146. Match Report: ลิเวอร์พูลประเดิมสามแต้มที่แอนฟิลด์
  147. Match Report: ลิเวอร์พูลเก็บสามแต้มเหนือวิลลาที่แอนฟิลด์
  148. Match Report: ลิเวอร์พูลพลิกเกมคว้าชัยในนัดแรกยูโรปา ลีก
  149. Match Report: ลิเวอร์พูลเปิดบ้านคว้าชัยเหนือเวสต์แฮม! 3-1
  150. Match Report: ลิเวอร์พูลเก็บสามแต้มก่อนพักเบรกทีมชาติ
  151. Match Report: ลิเวอร์พูลเปิดบ้านเอาชนะบลาสค์ ลินซ์ 4-0
  152. ลิเวอร์พูลเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1
  153. Match Report: ลิเวอร์พูลชนะนิวคาสเซิล 4-2
  154. Match Report: ลิเวอร์พูลเอาชนะเบรนท์ฟอร์ด
  155. ‘รัสเซีย’ ต้อน ‘อียิปต์’ จ่อเข้ารอบทีมแรกฟุตบอลโลก2018 เรียกข้อมูลเมื่อ 10-10-2018 จาก ข่าวสด วันที่ 20 มิถุนายน 2561 - 03:00 น.
  156. ซาอุดีอาระเบีย ยิงนาทีสุดท้ายคว่ำ อียิปต์ จบอันดับ 3 คว้าชัยนัดแรกรอบ 24 ปี เรียกข้อมูลเมื่อ 10-10-2018 จาก ข่าวสด วันที่ 25 มิถุนายน 2561 - 23:06 น
  157. "Mohamed Salah is married to Maggi Salah and the couple have a little daughter named Makka". Tribuna.com. 10 July 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-11-07. สืบค้นเมื่อ 4 November 2017.
  158. Yasmine Al-Sayyad (25 May 2018). "Liverpool F.C.'s Mohamed Salah, an Arab Muslim Sports Star Subtly Confronting Racism and Islamophobia". The New Yorker. สืบค้นเมื่อ 25 May 2018. Being religious yet apolitical is partly what has made Salah appealing to the predominantly white fan base of England's Premier League. "I think part of Salah's charm is that he's not an outwardly political figure addressing Islamophobia in England," Khaled Beydoun, a law scholar and the author of "American Islamophobia," told me. "He is able to effectively erode negative views of Muslims and challenge Islamophobia" just by being himself.
  159. Stroud, James (8 February 2020). "Jordan Henderson & Mohamed Salah have both had children nine months after Barca comeback". givemesport.com. สืบค้นเมื่อ 29 January 2021.
  160. Mehedi Islam (30 March 2014). "Chelsea's New Muslim Player Mohamed Salah Celebrates By Prostrating". สืบค้นเมื่อ 4 November 2017.
  161. "Watch: Seven-year-old draws inspiration from Mo Salah for goal celebration". The Irish News. 24 May 2018. สืบค้นเมื่อ 13 February 2020.
  162. "Abdel-Fattah al-Sisi wins a second term in Egypt". The Economist. 30 March 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 May 2018. สืบค้นเมื่อ 6 April 2018.
  163. "Egypt's election produces surprise runner-up: Mohamed Salah". The New Arab. 3 April 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 December 2019. สืบค้นเมื่อ 6 April 2018.
  164. Matias Grez (13 November 2020). "Mo Salah tests positive for coronavirus, Egyptian Football Association says". CNN. สืบค้นเมื่อ 15 January 2021.
  165. 165.0 165.1 "Mohamed Salah: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 6 November 2022.
  166. "Mohamed Salah". National Football Teams. Benjamin Strack-Zimmermann. สืบค้นเมื่อ 6 November 2022.
  167. Kingsley Kobo (8 October 2011). "Egypt 3–0 Niger: The Pharaohs thrash the Mena, who qualify nonetheless". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  168. Ahmed Abd El Rasoul (27 February 2012). "'Mourning' Pharaohs hammer Kenya in Doha friendly". Al-Ahram. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  169. "Egypt/Uganda: Nation beats Uganda 2–1 in friendly in Sudan". AllAfrica.com. 30 March 2012. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  170. Mahmoud Elassal (1 April 2012). "Egypt crush Chad 4–0 in friendly game". Al-Ahram. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-10. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  171. "Egypt 3–0 Togo: Mohamed Salah nets brace in Pharaohs win". Goal.com. 23 May 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-22. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  172. "Guinea 2–3 Egypt: Aboutrika brace and Salah's last-gasp winner power Pharaohs in Conakry". Goal.com. 10 June 2012. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  173. "Egypt 2–3 Central African Republic: Momi double stuns Pharaohs in Alexandria". Goal.com. 15 June 2012. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  174. Habib El Magrissy (6 February 2013). "Egypt fall to Chile in Madrid". KingFut. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  175. "Egypt thrash Zimbabwe 4–2 to secure 12-point lead". starafrica.com. 9 June 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-06-17. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  176. "Egypt qualify for the final World Cup qualifying play-offs after beating Mozambique 1–0". EPFA Egypt.com. 16 June 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-08-19. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  177. "Egypt beat Uganda 3–0 as friendly goes ahead despite political upheaval". Al-Ahram. 14 August 2013. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.[ลิงก์เสีย]
  178. Hatem Maher (10 September 2013). "Egypt maintain perfect World Cup qualifying run with 4–2 win". Al-Ahram. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.[ลิงก์เสีย]
  179. Hatem Maher (5 March 2014). "Egypt give Gharib winning start with 2–0 victory over Bosnia". Al-Ahram. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-10. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  180. "Egypt fall 3-2 in Santiago to World Cup-bound Chile". KingFut. 31 May 2014. สืบค้นเมื่อ 18 February 2019.
  181. Hatem Maher (10 October 2014). "Egypt revive Nations Cup hopes with 2–0 win in Botswana". Al-Ahram. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-10. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  182. "Egypt seal double over Botswana in 2015 AFCON qualifying". KingFut. 15 October 2014. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  183. "RELIVE: Tunisia v Egypt (2015 AFCON qualifiers)". Al-Ahram. 19 November 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-10. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  184. "Salah leads Egypt to 3–0 thrashing of Tanzania". africanfootball.com. 14 June 2015. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  185. Omar Zaazou (6 September 2015). "Morsi hat-trick helps Egypt thump Chad 5–1 away from home". Al-Ahram. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-11-08. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  186. "Afcon 2017: Salah scores late leveller for Egypt against Nigeria". BBC Sport. 25 March 2016. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  187. Khaled Ali (4 June 2016). "Salah brace against Tanzania seals AFCON comeback". KingFut. สืบค้นเมื่อ 27 July 2016.
  188. "Egypt earn comeback win at Congo to lead World Cup qualifying group". Al-Ahram. 9 October 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-10. สืบค้นเมื่อ 9 October 2016.
  189. "Egypt 2 Ghana 0: Salah, Said put Black Stars in trouble". Yahoo Sports. 13 November 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-14. สืบค้นเมื่อ 13 November 2016.
  190. "Egypt v Ghana: AFCON 2017 – as it happened". The Guardian. 25 January 2017. สืบค้นเมื่อ 25 January 2017.
  191. "Burkina Faso 1–1 Egypt (3–4 pens): AFCON 2017 semi-final – as it happened". The Guardian. 1 February 2017. สืบค้นเมื่อ 1 February 2017.
  192. "2018 World Cup: Egypt leapfrog Uganda at top of Group E". BBC Sport. 5 September 2017. สืบค้นเมื่อ 5 September 2017.
  193. "Liverpool star Mo Salah sends Egypt to Russia 2018 with winner in fifth minute of added time against Congo". Daily Mirror. 8 October 2017. สืบค้นเมื่อ 8 October 2017.
  194. "Salah goal spoiled by Ronaldo double as Portugal earn 2–1 win over brave Egypt". Al-Ahram. 5 September 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-10-25. สืบค้นเมื่อ 23 March 2018.
  195. Amy Lawrence (19 June 2018). "Russia all but qualify for knockout stage with win over Mo Salah's Egypt". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 18 February 2019.
  196. Mahmoud Khaled (25 June 2018). "Egypt finish bottom of World Cup group after last-gasp defeat to Saudi Arabia". KingFut. สืบค้นเมื่อ 18 February 2019.
  197. Luke McBride (8 September 2018). "Aguirre's first game ends in Egypt beating Niger 6-0 in AFCON qualifier". KingFut. สืบค้นเมื่อ 18 February 2019.
  198. Mahmoud Khaled (12 October 2018). "Handy victory for Egypt against Eswatini in AFCON qualifiers". KingFut. สืบค้นเมื่อ 18 February 2019.
  199. Ali Ismail (16 November 2018). "Egypt beat Tunisia in thrilling form in AFCON qualifiers". KingFut. สืบค้นเมื่อ 18 February 2019.
  200. "Africa Cup of Nations round-up: Mohamed Salah scores for Egypt to send them into last 16". Sky Sports. 26 June 2019. สืบค้นเมื่อ 26 June 2019.
  201. "Egypt secures Group A top spot as they down Uganda 2-0". KingFut. 30 June 2019. สืบค้นเมื่อ 30 June 2019.
  202. "Africa Cup of Nations round-up: Mohamed Salah scores for Egypt to send them into last 16". Sky Sports. 26 June 2019. สืบค้นเมื่อ 26 June 2019.
  203. "Egypt secures Group A top spot as they down Uganda 2–0". KingFut. 30 June 2019. สืบค้นเมื่อ 30 June 2019.
  204. Ismail, Ali (29 March 2021). "Mohamed Salah becomes Egypt's second all-time goalscorer". KingFut. สืบค้นเมื่อ 30 March 2021.
  205. "Afcon 2021: Mohamed Salah gives Egypt vital win over Guinea-Bissau". BBC Sport. 15 January 2022. สืบค้นเมื่อ 15 January 2022.
  206. "Afcon 2021: Egypt 2-1 Morocco – Mohamed Salah goal and assist send Egypt to semis". BBC Sport. 30 January 2022. สืบค้นเมื่อ 30 January 2022.
  207. "Salah scores twice as Egypt mark Vitoria's debut with 3-0 win over Niger". Al-Ahram. 23 September 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-12-06. สืบค้นเมื่อ 23 September 2022.
  208. "Salah inspires Egypt to 2-0 win over Malawi in Africa Cup of Nations qualifiers". Ahram online. 24 Mar 2023. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-03-25. สืบค้นเมื่อ 24 Mar 2023.
  209. "Egypt go top in AFCON qualifiers after 4-0 win in Malawi". Ahram online. 28 Mar 2023. สืบค้นเมื่อ 28 Mar 2023.
  210. 210.0 210.1 210.2 210.3 210.4 210.5 "Mohamed Salah: Overview". Premier League. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
  211. McNulty, Phil (14 May 2022). "Chelsea 0–0 Liverpool". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 14 May 2022.
  212. McNulty, Phil (27 February 2022). "Chelsea 0–0 Liverpool". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
  213. McNulty, Phil (1 June 2019). "Tottenham Hotspur 0–2 Liverpool". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
  214. McNulty, Phil (26 May 2018). "Real Madrid 3–1 Liverpool". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
  215. McNulty, Phil (28 May 2022). "Liverpool 0–1 Real Madrid: Reds beaten in Paris as Vinicius Jr hits winner". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 28 May 2022.
  216. Rose, Gary (14 August 2019). "Liverpool 2–2 Chelsea". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
  217. Poole, Harry (21 December 2019). "Liverpool 1–0 Flamengo". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
  218. "Liverpool 3–1 Manchester City". BBC Sport. 30 July 2022. สืบค้นเมื่อ 30 July 2022.
  219. "Liverpool 1 Manchester City 1". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 6 July 2022.
  220. "Arsenal 1 Liverpool 1". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 6 July 2022.
  221. Fottrell, Stephen (5 February 2017). "Egypt 1–2 Cameroon". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
  222. Stevens, Rob (7 February 2022). "Senegal 0–0 Egypt". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
  223. "Toure wins his second African Player of the Year Award". Confederation of African Football. 21 December 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 October 2013. สืบค้นเมื่อ 21 December 2012.
  224. Lynch, David (22 June 2017). "Fact file: Mohamed Salah's career so far in numbers". Liverpool F.C. สืบค้นเมื่อ 12 December 2020.
  225. "Mohamed Salah Takes Three". Tages-Anzeiger. 27 January 2014. สืบค้นเมื่อ 17 September 2018.
  226. "المصري محمد صلاح أحسن لاعب عربي لسنة 2013 حسب استفتاء "الهداف"". جزايرس (ภาษาอาหรับ). 20 January 2014. สืบค้นเมื่อ 10 August 2020.
  227. Al-Youm, Al-Masry (27 December 2017). "Mohamed Salah wins 2017 Arab player of the year poll". Egypt Independent. สืบค้นเมื่อ 10 August 2020.
  228. Kent, David (13 May 2018). "The full list of Mo Salah's awards so far in 2018 is just freakish". buzz.ie. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-30. สืบค้นเมื่อ 10 August 2020.
  229. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ RomaPOS1516
  230. "Globe Soccer Awards Best Arab Player of the Year 2016". Globe Soccer. 27 December 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-11-17. สืบค้นเมื่อ 2022-12-17.
  231. "Salah named as Goal's Arab Player of the Year". Goal.com. 2 February 2018. สืบค้นเมื่อ 2 February 2018.
  232. "Liverpool star Salah wins annual Goal 25 award". Goal.com. 9 January 2020. สืบค้นเมื่อ 9 January 2020.
  233. "Goal 25 2020: The best 25 Arab players in the world". Goal.com. 18 January 2021. สืบค้นเมื่อ 18 January 2021.
  234. "GOAL 25 2021 – The full list of the best Arab players of the year". Goal.com. 25 December 2021. สืบค้นเมื่อ 25 December 2021.
  235. "CAF News | Awards Winners | Previous Editions | 2016". Confederation of African Football. 5 January 2017. สืบค้นเมื่อ 7 January 2017.
  236. "Salah and Mane picked first in Africa best 11". FIFPro. 8 January 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 January 2019. สืบค้นเมื่อ 8 January 2019.
  237. "Mane, Oshoala named African Footballers of 2019 at CAF Awards". Confederation of African Football. 7 January 2020. สืบค้นเมื่อ 7 January 2020.
  238. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ AFCONTOT
  239. @CAF_Online (7 February 2022). "Not your average players Here is the #TotalEnergiesAFCON2021 best XI #AFCON2021" (ทวีต). สืบค้นเมื่อ 7 February 2022 – โดยทาง ทวิตเตอร์.
  240. "Brilliant Salah strike wins Budweiser Goal of the Month". Premier League. 12 February 2021. สืบค้นเมื่อ 12 February 2021.
  241. "Salah earns double with Budweiser Goal of the Month". Premier League. 12 October 2021. สืบค้นเมื่อ 12 October 2021.
  242. "Mo Salah wins November's PFA Bristol Street Motors Fans' Player of the Month". Professional Footballers' Association. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 January 2018. สืบค้นเมื่อ 12 January 2018.
  243. Sam Williams (8 January 2018). "Salah wins PFA Player of the Month". Liverpool F.C.
  244. Carroll, James (5 March 2018). "Salah named PFA Player of the Month". Liverpool F.C.
  245. Carroll, James (9 April 2018). "Mohamed Salah named PFA Player of the Month for March". Liverpool F.C. สืบค้นเมื่อ 29 January 2021.
  246. Williams, Sam (7 January 2019). "Mohamed Salah named PFA Player of the Month". Liverpool F.C. สืบค้นเมื่อ 29 January 2021.
  247. Williams, Sam (4 February 2019). "Mohamed Salah wins PFA Player of the Month award". Liverpool F.C. สืบค้นเมื่อ 29 January 2021.
  248. Carroll, James (6 May 2019). "Mohamed Salah clinches PFA Player of the Month prize". Liverpool F.C. สืบค้นเมื่อ 29 January 2021.
  249. Shaw, Chris (14 September 2021). "Mo Salah named PFA Fans' Player of the Month for September". Liverpool F.C. สืบค้นเมื่อ 14 September 2021.
  250. "Mo Salah named PFA Fans' Player of the Month for October". Liverpool F.C. 11 October 2021. สืบค้นเมื่อ 11 October 2021.
  251. "Mohamed Salah has won the PFA Fans' Player of the Month award for February". Liverpool F.C. 15 March 2022. สืบค้นเมื่อ 15 March 2022.
  252. Edwards, Piers (11 December 2017). "Mohamed Salah named BBC African Footballer of the Year". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 16 March 2017.
  253. "Mohamed Salah named BBC African Footballer of the Year 2018". BBC Sport. 14 December 2018. สืบค้นเมื่อ 14 December 2018.
  254. "Mohamed Salah: Liverpool and Egypt forward named African Player of the Year". BBC Sport. 5 January 2018. สืบค้นเมื่อ 5 January 2018.
  255. "Mohamed Salah: Liverpool and Egypt forward named Caf African Player of the Year". BBC Sport. 8 January 2019. สืบค้นเมื่อ 8 January 2019.
  256. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ 1718PPOTY
  257. 257.0 257.1 "Mohamed Salah and Sam Kerr win PFA player of year awards". BBC Sport. 9 June 2022. สืบค้นเมื่อ 9 June 2022.
  258. Lynch, David (1 May 2018). "Salah named FWA Footballer of the Year". Liverpool F.C. สืบค้นเมื่อ 1 May 2018.
  259. Williams, Sam (29 April 2022). "Mohamed Salah named FWA Footballer of the Year". Liverpool F.C. สืบค้นเมื่อ 29 April 2022.
  260. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ 1718PFA2
  261. "PFA Premier League Team of the Year: Kevin de Bruyne one of six Manchester City players picked". BBC Sport. 4 June 2021. สืบค้นเมื่อ 4 June 2021.
  262. 262.0 262.1 Shaw, Chris (10 May 2018). "Mohamed Salah takes top prizes at LFC Players' Awards". Liverpool F.C. สืบค้นเมื่อ 10 May 2018.
  263. 263.0 263.1 "Mohamed Salah voted Standard Chartered Men's Player of the Season". Liverpool F.C. 25 May 2021.
  264. 264.0 264.1 "Mohamed Salah voted Liverpool's Men's Player of the Season". Liverpool F.C. 8 Jun 2022.
  265. "Mohamed Salah named PFA Fans' Player of the Year". Liverpool F.C. 21 May 2018. สืบค้นเมื่อ 21 May 2018.
  266. "Mohamed Salah wins PFA Fans' Player of the Year award". Liverpool F.C. 11 June 2021. สืบค้นเมื่อ 11 June 2021.
  267. "Mohamed Salah wins PFA Fans' Player of the Year". Liverpool F.C. 30 May 2022. สืบค้นเมื่อ 30 May 2022.
  268. "Squad of the Season". UEFA.com. Union of European Football Associations. 27 May 2018. สืบค้นเมื่อ 29 January 2021.
  269. "The merits of Modric, Salah and Cristiano Ronaldo to be UEFA's player of the year". MARCA (ภาษาสเปน). 2018-08-30. สืบค้นเมื่อ 2022-05-17.
  270. Rainbow, Jamie (13 June 2022). ESM Team of the Season – 2021-22. World Soccer. สืบค้นเมื่อ 21 June 2022.
  271. "Résultats des votes", Onze Mondial (ภาษาฝรั่งเศส), 317: 28, June 2018
  272. "Ramzan Kadyrov awarded the Egyptian football player Mohammad Salah with the title 'Honorary Citizen of the Chechen Republic' (Translation)" (ภาษารัสเซีย). The Chechen Republic. 23 June 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 June 2018. สืบค้นเมื่อ 23 June 2018.
  273. "Mohammed Salah became an honorary citizen of the Chechen Republic (Translation)" (ภาษารัสเซีย). ChGTRK "Grozny". 22 June 2018. สืบค้นเมื่อ 22 June 2018.
  274. Magazine, Ladybrille (30 November 2018). "New African releases its list of 100 Most influential Africans". Ladybrille® Magazine. สืบค้นเมื่อ 5 January 2021.
  275. "Salah's Merseyside derby goal wins Puskas Award". Liverpool F.C. 24 September 2018.
  276. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ FIFA GoldenBall
  277. "Mohamed Salah wins FSF Men's Player of the Year award". Liverpool F.C. 3 December 2018. สืบค้นเมื่อ 3 December 2018.
  278. "Mohamed Salah voted FSA Men's Player of the Year". Liverpool F.C. 30 November 2021. สืบค้นเมื่อ 1 December 2021.
  279. "Mohamed Salah Is on the 2019 TIME 100 List". Time. 17 April 2019. สืบค้นเมื่อ 17 April 2019.
  280. Shaw, Chris (27 May 2019). "Revealed: The LFC Players' Awards 2019 winners". Liverpool F.C. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  281. "GQ Men Of The Year Awards 2019 winners: From Mo Salah to Cheb Khaled". GQ. 7 October 2019. สืบค้นเมื่อ 16 October 2019.
  282. "Liverpool star Mohamed Salah wins new Fans' Footballer of the Year award". Mirror. 21 December 2020. สืบค้นเมื่อ 21 December 2020.
  283. "Liverpool star Mohamed Salah wins new Fans' Footballer of the Year award". Liverpool Echo. 21 December 2020. สืบค้นเมื่อ 21 December 2020.
  284. "Mohamed Salah crowned Fans' Footballer of the Year as Liverpool star pips Declan Rice". Mirror. 20 December 2021. สืบค้นเมื่อ 21 December 2021.
  285. "Mohamed Salah wins Fans' Footballer of the Year award as Liverpool star defends title". Liverpool Echo. 20 December 2020. สืบค้นเมื่อ 21 December 2021.
  286. "CAF MEN TEAM 2020 by IFFHS". IFFHS. 13 December 2020. สืบค้นเมื่อ 13 December 2020.
  287. "CAF MEN TEAM 2021 by IFFHS". IFFHS. 23 December 2021. สืบค้นเมื่อ 23 December 2021.
  288. "THE IFFHS BEST AFRICAN MEN PLAYER (CAF) OF THE DECADE 2011–2020". IFFHS. 4 February 2021. สืบค้นเมื่อ 4 February 2021.
  289. "IFFHS (International Federation of Football for History & Statistics". IFFHS. 28 January 2021. สืบค้นเมื่อ 31 January 2021.
  290. "Mohamed Salah wins 2021 Laureus Sporting Inspiration award". Liverpool F.C. 6 May 2021. สืบค้นเมื่อ 6 May 2021.
  291. "Mohamed Salah scoops prestigious award as Liverpool star lands yet another accolade". Mirror. 6 May 2021. สืบค้นเมื่อ 6 May 2021.
  292. "Golden Foot Award a Salah! Maldini, Oriali e Gravina tra i premiati". Corriere Dello Sport. 30 November 2021. สืบค้นเมื่อ 1 December 2021.
  293. "MOHAMED SALAH, MEN'S BEST PLAYER IN CAF 2021 BY IFFHS". IFFHS. 13 December 2021. สืบค้นเมื่อ 13 December 2021.
  294. "Match of the Day, plus vote for goal of the season". BBC. สืบค้นเมื่อ 24 May 2022.
  295. "Mohamed Salah TIK TOK FANS' PLAYER OF THE YEAR". Globe Soccer. 17 November 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-12-05. สืบค้นเมื่อ 2022-12-17.

แหล่งข้อมูลอื่น

Kembali kehalaman sebelumnya