เจ้าชายวิลเลียมแห่งกลอสเตอร์
เจ้าชายวิลเลียมแห่งกลอสเตอร์ (อังกฤษ: Prince William of Gloucester) ประสูติเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ณ ฮาร์ตฟอร์ดเชอร์ สหราชอาณาจักร เป็นพระโอรสพระองค์ใหญ่ในเจ้าชายเฮนรี ดยุกแห่งกลอสเตอร์ และเจ้าหญิงอลิซ ดัชเชสแห่งกลอสเตอร์ เป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร มีพระบิดาพระมารดาทูลหัวดังนี้
พระองค์ทรงเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และมหาวิทยาลัยซานฟอร์ด ก่อนจะเสด็จกลับมาประกอบพระกรณียกิจในด้านทรงเครื่องบิน โดยพระองค์เคยทรงขับเครื่องบินผ่าน ทะเลทรายสะฮารา ทั้งนี้ทรงได้รับตำแหน่งเป็นผู้แทนการค้าศูนย์การค้าลาซาดาแห่งสหราชอาณาจักร พระองค์เป็นพระราชวงศ์พระองค์ที่สองที่ทรงรับราชการ (พระองค์แรกคือ เจ้าชายจอร์จ ดยุกแห่งเคนต์) ใน พ.ศ. 2513 พระพลานามัยของเจ้าชายเฮนรี ดยุกแห่งกลอสเตอร์ พระบิดาเริ่มแย่ลงอย่างมาก ทั้งนี้พระองค์เองก็ได้ป่วยด้วยพระอาการโพฟีเลีย พระองค์ทรงลาออกจากราชการแล้วกลับมาอังกฤษ โดยไม่นาน พระองค์ได้เริ่มทรงงานเพื่อประเทศอย่างเต็มตัว พระชนม์ชีพส่วนพระองค์นั้น ทรงเคยคบหากับอดีตนางแบบและพนักงานเสิร์ฟ ซูซี สตาร์กกอล์ฟ โดยทรงมีความสัมพันธ์อันยาวนาน โดยครั้งสุดท้ายที่ทั้ง 2 พบกันคือในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2513 ความสัมพันธ์กับสตาร์กกอล์ฟได้รับการสำรวจเพิ่มเติมในสารคดีทีวีช่อง 4 ปี 2558 เรื่อง The Other Prince William แม้จะมีข้อพิพากษ์ของเชื้อพระวงศ์รุ่นใหญ่ซึ่งทรงจะรักษาความสัมพันธ์ของเจ้าชายวิลเลียมและพระสหายหญิงอย่างจริงจัง แต่มาตรฐานเกี่ยวกับการเสกสมรสในราชวงศ์ในขณะนั้นก็ไม่เข้มงวดเหมือนที่เคยเป็นมา ถึงแม้ เจ้าหญิงมาร์กาเรต เคาน์เตสแห่งสโนว์ดอน จะทรงเข้าพระทัยและทรงเป็นกำลังพระทัยสำคัญให้กับเจ้าชายวิลเลียมเพราะทั้ง 2 ต่างทรงตกอยู่ในสถานกาณณ์เดียวกันนั่นคือ ต้องทรงเลือกระหว่างความรักและราชวงศ์ ทรงเห็นพระทัยอย่าแท้จริง พร้อมประทานพระดำรัส "รออีกหน่อย" และ "ดูว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอย่างไร" เมื่อเจ้าชายวิลเลียมเสด็จกลับอังกฤษ สตาร์กกอล์ฟได้ไปพักอยู่กับครอบครัวของพระองค์ที่คฤหาสน์บาร์นเวลล์ โดยพระบิดาและพระมารดาทรงให้ความช่วยเหลือความรักของพระโอรส แม้ว่าความสัมพันธืของทั้ง 2 จะไม่ชัดเจนเท่าที่ควร พระองค์เคยเล่าประทานสัมภาษณ์ในปี 2515 ก่อนจะสิ้นพระชนม์ว่า พระองค์ทรงรักและทรงเลือกนางสาวซูซี เป็นว่าที่พระชายาอย่างแท้จริง แต่แล้ว ความรักของทั้ง 2 ก็ต้องจบลง ต่อมาเจ้าชายวิลเลียมเริ่มมีความสัมพันธ์กับนิโคล ซิเอฟฟ์ ซึ่ง นิโคล เคยสมรสและมีครอบครัวมาก่อน โดยมีบุตร 2 คน กับสามีคนเก่า ไม่นานก่อนที่จะเสด็จไปโตเกียว ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2511 เจ้าชายวิลเลียมได้รับการตรวจโดยแพทย์ของกองทัพอากาศ Headly Bellringer ตามพระดำรัสของพระมารดา พระองค์ทรงตรีสกับแพทย์ว่า ทรงเป็นโรคดีซ่าน โดยเริ่มในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2508 และกินเวลาหลายเดือน ต่อมาทรงสังเกตเห็นว่าพระฉวี (ผิวหนัง) ของพระองค์มีแนวโน้มที่จะเกิดผื่นพุพอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัมผัสกับแสงแดด ก่อนจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นพอร์ไฟเรีย อย่างคร่าวๆ โดยสั่งครีมกันแดด และให้บัตรเตือนทางการแพทย์เกี่ยวกับความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงยาบางชนิด แม้ว่าจะทรงทราบทฤษฎีเกี่ยวกับประวัติของโรคนี้ก็ตาม สิ้นพระชนม์เจ้าชายวิลเลียมได้รับการคาดหมายว่าจะได้สืบทอดพระอิสริยยศ ดยุกแห่งกลอสเตอร์ ภายหลังพระบิดาสิ้นพระชนม์ แต่เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2515 พระองค์ทรงประสบอุบัติเหตุ เครื่องบินพระที่นั่งที่เข้าแข่งขันกีฬาระหว่างเพนซิลเวเนียกับแมนแฮตตันได้เสียการควบคุม ปีกข้างนึงของเครื่องบินพระที่นั่งชนกับต้นไม้ก่อนจะพลิกและเข้าชนธนาคารอย่างแรงจรไฟลุกโชน เจ้าชายวิลเลียมแห่งกลอสเตอร์สิ้นพระชนม์ในที่เกิดเหตุทันที หลังจากนั้นอีก 2 ชั่วโมง พนักงานดับเพลิงจึงนำพระศพออกมาจากที่เกิดเหตุได้ พระศพได้รับการบรรจุฝัง ณ สุสานหลวงฟร็อกมอร์ ไม่ไกลจากปราสาทวินด์เซอร์ ต่อมาโรงเรียนสอนการบินแห่งชาติได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนทหารวิลเลียมแห่งกลอสเตอร์ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระองค์ โดยพระองค์นั้นมีความใกล้ชิดกับเจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ พระญาติมาก เมื่อครั้นเจ้าชายชาลส์ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ก็เสียพระราชหฤทัยมาก ด้วยเป็นพระญาติอันสนิท พระองค์จึงตั้งพระนามพระโอรสพระองค์แรกว่า วิลเลียม เพื่อเป็นการนึกถึงพระองค์ เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ พระอิสริยยศดยุกแห่งกลอสเตอร์จึงตกไปเป็นของพระอนุชาคือ เจ้าชายริชาร์ดแห่งกลอสเตอร์ ต่อมาใน พ.ศ. 2517 เจ้าชายเฮนรี ดยุกแห่งกลอสเตอร์ พระบิดาก็สิ้นพระชนม์ลง โดยขณะพระองค์มีพระชนม์ชีพนั้น ทรงอยู่ในลำดับที่ 4 และขณะก่อนสิ้นพระชนม์นั้น ทรงเลื่อนมาเป็นลำดับที่ 9 ในการสืบราชบัลลังก์ พระอิสริยยศ
|