เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์
เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์ (Asiatique The Riverfront) เป็นศูนย์การค้าเปิดโล่งขนาดใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่ระหว่างซอยเจริญกรุง 72-76 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร บริหารงานโดย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทล อินเวสเม้นต์ โดย บริษัท แอสเสท เวิรด์ รีเทล จำกัด ภายในโครงการประกอบด้วยร้านค้า ร้านอาหารริมน้ำ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงละครคาลิปโซ่ที่ย้ายมาจากโรงแรมเอเชีย และโรงละครโจหลุยส์ที่ย้ายมาจากสวนลุมไนท์บาซาร์ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์ เดิมเป็นที่ตั้งของวัดพระยาไกร ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนแปลงเป็นท่าเรือ โดยบริษัทอีสต์เอเชียติกสัญชาติเดนมาร์ก มาเปิดกิจการในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการสร้างเป็นโกดัง โรงเลื่อย และนำเครื่องจักรขนาดใหญ่หลายตัวมาติดตั้งไว้ และมีการสร้างท่าเรือขนถ่ายสินค้าซึ่งเป็นการเปิดประตูการค้าสากลระหว่างประเทศไทยและทวีปยุโรป ในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา กองทัพญี่ปุ่นได้เข้ามายึดท่าเรือและคลังสินค้าของบริษัทอีสต์เอเชียติก เพื่อใช้เป็นฐานกำลังและคลังแสง และยังปรากฏมาจนถึงปัจจุบัน กระทั่งในปี พ.ศ. 2555 ได้มีพัฒนาปรับปรุงเป็นศูนย์การค้า ด้วยแนวคิด Festival Market and Living Museum ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและช้อปปิ้งที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม[2] โดยมีจุดเด่นคือชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ "เอเชียทีค สกาย" ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ความสูง 60 เมตร และเมื่อขึ้นไปแล้วจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบของกรุงเทพมหานครในมุมสูงได้รอบตัว[3] ในอนาคต ยังมีแผนที่จะก่อสร้างอาคารพาณิชย์แบบผสมความสูง 450 เมตร จำนวน 100 ชั้น ซึ่งจะกลายเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย[4] การจัดสรรพื้นที่เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์ ประกอบด้วยพื้นที่สำคัญดังนี้
นอกจากนี้ยังมีลานกิจกรรมเอเชียทีคพาร์ค ทางเดินริมแม่น้ำ และบริการเรือรับ-ส่ง ไปยังท่าเรือสาทรได้อีกด้วย ระเบียงภาพ
โครงการในอนาคตเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์ มีโครงการพัฒนาส่วนต่อขยายในระยะที่ 2 บนพื้นที่รวมเกือบ 100 ไร่ มูลค่าลงทุนไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาท โดยล่าสุดได้เซ็นสัญญากับ Adrian Smith + Gordon Gill Architecture (AS+GG) ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการออกแบบอาคาร อาทิ บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ ในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เซ็นทรัล พาร์ค ทาวเวอร์ สหรัฐอเมริกา, เจดดาห์ทาวเวอร์ อาคารสูง 1 กิโลเมตร ในเมืองญิดดะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย และ AL Wasl Plaza นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สถานที่จัดงานเอ็กซ์โป 2020 ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้น โดย AS+GG จะทำงานร่วมกับ บริษัท เอ 49 จำกัด และ บริษัท เออร์เบิ้น อาร์คิเต็คส์ จำกัด[7] เบื้องต้นในโครงการจะประกอบด้วยอาคารความสูง 450 เมตร จำนวน 100 ชั้น ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณลานจอดรถและเอเชียทีค สกาย ในปัจจุบัน ซึ่งหากก่อสร้างสำเร็จจะเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย แทนที่วัน แบงค็อก ทาวเวอร์ ในโครงการวัน แบงค็อก ภายในอาคารประกอบด้วย โรงแรมเจดับบลิว แมริออท มาร์คีส์ เอเชียทีค แบงค็อก จำนวน 1,000 ห้อง, โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน รีเสิร์ฟ แอท เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์ จำนวน 124 ห้อง และริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ เรสซิเดนเซส แอท เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์ จำนวน 180 ห้อง[8] นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำนักงาน พื้นที่ค้าปลีกระดับบน และจุดชมวิวบนดาดฟ้า โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะใช้เวลา 1 ปีครึ่งกว่าการออกแบบโครงการทั้งหมดจะแล้วเสร็จ พร้อมยื่นรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนเริ่มการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2573[4][9] นอกจากนี้บริเวณพื้นที่ในปัจจุบัน ยังมีแนวทางการพัฒนาอีก 2 ส่วน ดังนี้
ซึ่งการพัฒนาทั้งหมดจะใช้ระยะเวลา 3 ปี สำหรับพื้นที่อีกเกือบ 40 ไร่ที่เหลือบริเวณฝั่งตรงข้ามถนนที่ปัจจุบันเป็นที่จอดรถบัสนักท่องเที่ยว จะมีการพัฒนาเป็นส่วนสุดท้าย ซึ่งเบื้องต้นจะพัฒนาเป็นพื้นที่อาคารค้าปลีก และโรงแรมดิ เอเชียทีค แบงค็อก ออโตกราฟ คอลเลคชัน จำนวน 208 ห้อง[10] อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์ |