ชิมแปนซี (อังกฤษ : chimpanzee ; ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pan troglodytes ) เป็นลิงไม่มีหาง ที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์ มากที่สุด
ศัพทมูลวิทยา
คำว่า chimpanzee ในภาษาอังกฤษได้รับการบันทึกครั้งแรกใน ค.ศ. 1738[ 4] มีที่มาจากภาษาวีลี ว่า ci-mpenze [ 5] หรือในภาษา Tshiluba ว่า chimpenze โดยมีความหมายว่า "เอป "[ 6] หรือ "mockman"[ 7] ภาษาปาก "chimp" น่าจะประดิษฐ์ขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษ 1870[ 8] ชื่อสกุล Pan มาจากเทพเจ้ากรีก ส่วนชื่อเฉพาะ troglodytes มาจาก Troglodytae เผ่าพันธุ์ในตำนานที่อาศัยอยู่ในถ้ำ[ 9] [ 10]
อนุกรมวิธาน
เอปแรกสุดที่วิทยาศาสตร์ตะวันตกรู้จักในคริสตศตวรรษที่ 17 คือ "อุรังอุตัง " (สกุล Pongo ) ชื่อภาษามลายู ท้องถิ่นบันทึกในเกาะชวาโดย Jacobus Bontius แพทย์ชาวดัตช์ จากนั้นใน ค.ศ. 1641 Nicolaes Tulp นักกายวิภาคชาวดัตช์ ใช้ชื่อนี้กับชิมแปนซีหรือโบโนโบจากแองโกลาที่นำเข้าเนเธอร์แลนด์[ 11] Peter Camper นักกายวิภาคชาวดัตช์อีกคน ผ่าตัวอย่างชนิดจากแอฟริกากลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในคริสต์ทศวรรษ 1770 โดยสังเกตความแตกต่างระหว่างเอปแอฟริกันกับเอเชีย Johann Friedrich Blumenbach นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน จัดให้ชิมแปนซีเป็น Simia troglodytes ใน ค.ศ. 1775 Lorenz Oken นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมันอีกคน บัญญัติชื่อสกุล Pan ใน ค.ศ. 1816 โบโนโบถูดจัดให้เป็นสายเฉพาะจากชิมแปนซีใน ค.ศ. 1933[ 9] [ 10] [ 12]
วิวัฒนาการ
แม้มีการจัดเก็บรวมฟอสซิล Homo จำนวนมาก ฟอสซิลของ Pan ยังไม่ได้รับการระบุจนกระทั่ง ค.ศ. 2005 ประชากรชิมแปนซีที่มีอยู่ในแอฟริกาตะวันตกและกลางไม่ทับซ้อนกับพื้นที่ฟอสซิลมนุษย์ หลักในแอฟริกาตะวันออก แต่มีรายงานฟอสซิลชิมแปนซีจากเคนยา สิ่งนี้ระบุุว่าทั้งมนุษย์และสมาชิกเคลด Pan ปรากฏในหุบเขาทรุดแอฟริกาตะวันออก ในช่วงอายุไพลสโตซีนกลาง [ 13]
ตามการศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ใน ค.ศ. 2017 โดยนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน โบโนโบกับชิมแปนซีแยกจากสายมนุษย์เมื่อประมาณ 8 ล้านปีก่อน จากนั้นโบโนโบจึงแยกจากสายชิมแปนซีสามัญเมื่อประมาณ 2 ล้านปีก่อน[ 14] [ 15] การศึกษาทางพันธุกรรมอีกชิ้นใน ค.ศ. 2017 แสดงให้เห็นถึงการถ่ายเทยีน (introgression ) จากโบโนโบไปยังบรรพบุรุษของชิมแปนซีกลางและตะวันออกเมื่อระหว่าง 200,000 ถึง 550,000 ปีก่อน[ 16]
ชนิดย่อยและสถานะประชากร
มีชิมแปนซีีชนิดย่อย 4 ชนิดที่ได้รับการรับรอง[ 17] [ 18] โดยอาจมีชนิดย่อยที่ 5 ที่เป็นไปได้:[ 16] [ 19]
จีโนม
ร่างจีโนมชิมแปนซีได้รับการตีพิมพ์ใน ค.ศ. 2005 และเข้ารหัสโปรตีน 18,759 ตัว[ 26] [ 27] (เทียบกับโปรติโอมในมนุษย์ 20,383 ตัว)[ 28] ลำดับดีเอ็นเอของมนุษย์และชิมแปนซีมีความคล้ายคลึงกันมาก และความแตกต่างของจำนวนโปรตีนส่วนใหญ่เกิดจากลำดับที่ไม่สมบูรณ์ในจีโนมชิมแปนซี ทั้งสองสายพันธุ์มีความแตกต่างกันในด้านการเปลี่ยนแปลงนิวคลีโอไทด์เดี่ยว ประมาณ 35 ล้านตัว เหตุการณ์การแทรก/ลบ 5 ล้านครั้ง และการจัดเรียงโครโมโซมที่แตกต่างกันหลายครั้ง[ 29] โปรตีนที่เหมือนกัน ของมนุษย์และชิมแปนซีโดยทั่วไปมีความแตกต่างกันเพียงกรดอะมิโน 2 ตัวเท่านั้น โปรตีนของมนุษย์ทั้งหมดประมาณร้อยละ 30 มีลำดับที่เหมือนกันกับโปรตีนของชิมแปนซี ส่วนเล็ก ๆ ของโครโมโซม ที่เพิ่มขึ้น (duplication) เป็นแหล่งความแตกต่างหลักระหว่างสารทางพันธุกรรมของมนุษย์กับของชิมแปนซี อธิบายคือจีโนม ปัจจุบันประมาณ 2.7% ของมนุษย์กับของชิมแปนซีต่างกัน โดยเกิดจากยีนที่เพิ่มขึ้น (duplication) หรือที่หลุดหาย (deletion) นับตั้งแต่มนุษย์และชิมแปนซีแยกตัวออกจากบรรพบุรุษร่วมกัน [ 26] [ 29]
ลักษณะ
ลิงชิมแพนซีที่สวนสัตว์นครราชสีมา
โครงกระดูก
ชิมแปนซีวัยผู้ใหญ่มีความสูงขณะยืนเฉลี่ย 150 ซm (4 ft 11 in)[ 30] โดยชิมแปนซีวัยผู้ใหญ่ในป่ามีน้ำหนักประมาณ 40 และ 70 kg (88 และ 154 lb)[ 31] [ 32] [ 33] ส่วนเพศเมียมีน้ำหนักระหว่าง 27 และ 50 kg (60 และ 110 lb)[ 34] ในกรณีพิเศษ ชิมแปนซีบางตัวอาจมีขนาดเกินกว่าหน่วยวัดนี้มาก โดยมีความสูงขณะยืนด้วยขาสองข้างมากกว่า 168 ซm (5 ft 6 in) และมีน้ำหนักถึง 136 kg (300 lb) เมื่ออยู่ในที่คุมขัง[ a]
นิเวศวิทยา
ภาวะการตายและสุขภาพ
ชิมแปนซีชื่อ "Gregoire" ในวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 2006 เกิดใน ค.ศ. 1944 (Jane Goodall sanctuary of Tchimpounga สาธารณรัฐคองโก )
อายุขัยเฉลี่ยเฉลี่ยของชิมแปนซีในป่าค่อนข้างสั้น ปกติจะอายุไม่เกิน 15 ปี แต่ชิมแปนซีที่มีอายุถึง 12 ปีอาจมีอายุยืนยาวกว่านั้นอีก 15 ปี ในบางกรณี ชิมแปนซีในป่าอาจมีชีวิตเกือบ 60 ปี ชิมแปนซีในกรงขังมักมีอายุยืนยาวกว่าชิมแปนซีป่า โดยเพศผู้มีอายุเฉลี่ย 31.7 ปี ส่วนเพศเมียอยู่ที่ 38.7 ปี[ 37] ชิมแปนซีเพศผู้ในกรงขังที่แก่ที่สุดเท่าที่มีอายุบันทึกมีอายุถึง 66 ปี[ 38] ส่วนเพศเมียที่แก่ที่สุดคือลิตเติลมามา มีอายุเกือบ 80 ปี[ 39]
การกระจายพันธุ์และพฤติกรรม
ชิมแปนซีกระจายพันธุ์ในทวีปแอฟริกา ทางแถบแอฟริกากลาง และแอฟริกาตะวันตก อาศัยอยู่รวมกันเป็นครอบครัว มีความสัมพันธ์กันแบบเครือญาติ โดยมีจ่าฝูงเป็นตัวผู้เพียงตัวเดียว หากินบนพื้นดินมากกว่าต้นไม้ โดยหากินในเวลากลางวัน ซึ่งอาหารได้แก่ ผลไม้และใบไม้ต่าง ๆ รวมถึงสัตว์ขนาดเล็กต่าง ๆ เช่น แมลง เป็นต้น ซึ่งชิมแปนซีมีพฤติกรรมที่จะประดิษฐ์เครื่องมือต่าง ๆ ในการหาอาหารเช่นเดียวกับมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ [ 40] ชิมแปนซีมีเสียงร้องอย่างหลากหลาย จากการศึกษาพบว่าร้องได้ถึง 32 แบบ โดยถือเป็นภาษาสำหรับการสื่อสารระหว่างกัน[ 41] สามารถเดินตรงได้แต่นิ้วเท้าจะหันไปข้างนอก เวลาเดินตัวจะเอนไปข้างหน้า แขนตรง และวางข้อมือลงบนพื้น นานๆ ครั้งจะเดิน 2 เท้าแบบมนุษย์ ซึ่งในการเดินแบบนี้ ชิมแปนซีจะเอามือไว้ข้างหลังเพื่อช่วยในการทรงตัว หรือชูมือทั้ง 2 ข้างขึ้นสูง [ 42] ชิมแปนซีมีความจำดีมาก มีอารมณ์ความรู้สึกเช่นเดียวกับมนุษย์ มีความฉลาดกว่าอุรังอุตัง และกอริลล่า ซึ่งเป็นลิงไม่มีหางเช่นเดียวกัน[ 42] สถาบันวิจัยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มหาวิทยาลัยเกียวโต ของญี่ปุ่นระบุว่า ลูกชิมแปนซีมีความจำดีกว่ามนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่เสียอีก [ 43] ชิมแปนซีตัวผู้ในวัยเจริญพันธุ์แล้ว ในธรรมชาติจะมีพฤติกรรมก้าวร้าว บางครั้งจะยกพวกเข้าตีกันและอาจถึงขั้นฆ่ากันตายได้ ซึ่งเคยมีกรณีที่เข้าโจมตีใส่มนุษย์ให้ถึงแก่บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตมาแล้ว รวมถึงมีการรวมตัวกันเพื่อล่าลิงโลกเก่า บางชนิด เช่น ลิงโคโลบัส กินเป็นอาหาร โดยจะแจกจ่ายให้ชิมแปนซีตัวผู้ได้กินก่อน ขณะที่ตัวเมียก็จะได้รับส่วนแบ่งด้วย ลูกชิมแปนซีในช่วง 3 ขวบปีแรก ที่ก้นจะมีกระจุกขนสีขาวเป็นเครื่องหมายบอกถึงวุฒิภาวะที่ยังไม่สมบูรณ์ หากทำอะไรผิด จะได้รับการละเว้นโทษ จนกระทั่งถึงอายุเลย 3 ขวบ จึงจะเริ่มเข้าสู่กฏเกณฑ์ในฝูง เช่นเดียวกับมนุษย์ ตามกฎหมายก็มีบทยกเว้นโทษให้แก่เด็กด้วย[ 44] [ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้ ]
สติปัญญา
หัวกะโหลกและสมองมนุษย์และชิมแปนซี แผนภาพโดย Paul Gervais จาก Histoire naturelle des mammifères (1854)
ชิมแปนซีแสดงสัญญาณด้านสติปัญญาหลายประการ เช่น ความสามารถในการจดจำสัญลักษณ์[ 45] จนถึงความร่วมมือ[ 46] การใช้อุปกรณ์[ 47] และความสามารถด้านภาษา หลายแบบ[ 48] พวกมันเป็นหนึ่งในสัตว์หลายชนิดที่ผ่านการทดสอบกระจก ซึ่งเสนอแนะถึงการตระหนักรู้ตนเอง [ 49] ในงานวิจัยหนึ่ง ชิมแปนซีวัยหนุ่มสองตัวแสดงให้เห็นถึงการรับรู้ตนเองในกระจกได้หลังไม่ได้ส่องกระจกเป็นเวลาหนึ่งปี[ 50] ชิมแปนซีใช้แมลงในการรักษาบาดแผลของตนเองและตัวอื่น โดยจะจับแมลงแล้วนำมาทาบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บโดยตรง[ 51] ชิมแปนซียังแสดงสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ โดยมีการเรียนรู้และถ่ายทอดการดูแล การใช้เครื่องมือ และเทคนิคการหาอาหารที่ต่างกัน นำไปสู่ประเพณีท้องถิ่น[ 52]
การอนุรักษ์
ชิมแปนซีแคเมอรูนที่ศูนย์ช่วยเหลือหลังแม่ของมันถูกพรานเถื่อนฆ่า
ชิมแปนซีถูกจัดให้เป็นชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ ของบัญชีแดงไอยูซีเอ็น โดยได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในพื้นที่ส่วนใหญ่และพบทั้งในและนอกอุทยานแห่งชาติ คาดว่ามีชิมแปนซีในป่าระหว่าง 172,700 ถึง 299,700 ตัว[ 2] ซึ่งลดลงจากชิมแปนซีประมาณล้านตัวในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1900[ 53] ชิมแปนซีได้รับการจัดเข้าในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ชนิดพันธุ์ในบัญชีหมายเลข 1[ 3]
ภัยที่ใหญ่ที่สุดของชิมแปนซีคือการทำลายที่อยู่อาศัย การบุกรุกเข้าไปล่าสัตว์ และโรค[ 2]
โรคติดเชื้อเป็นสาเหตุหลักในการตายของชิมแปนซี ชิมแปนซีมักเสียชีวิตจากโรคต่าง ๆ มากมายที่มนุษย์เป็นกัน เนื่องจากทั้งสองสายพันธุ์นี้มีความคล้ายคลึงกันมาก เมื่อประชากรมนุษย์เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงในการแพร่โรคระหว่างมนุษย์กับชิมแปนซีก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย[ 2]
ดูเพิ่ม
หมายเหตุ
↑ ชิมแปนซีเพศผู้ที่ถูกกักขังชื่อ "Kermit" โดยตอนอายุ 11 ขวบ มีความสูงถึง 168 ซm (5 ft 6 in) และน้ำหนักร่างกายที่ 82 kg (181 lb)[ 35] ตอนวัยผู้ใหญ่ มันมีน้ำหนักเกือบ 136 kg (300 lb)[ 36]
อ้างอิง
↑ McBrearty, S.; Jablonski, N. G. (2005). "First fossil chimpanzee". Nature . 437 (7055): 105–108. Bibcode :2005Natur.437..105M . doi :10.1038/nature04008 . ISSN 0028-0836 . PMID 16136135 . S2CID 4423286 .
↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 Humle, T.; Maisels, F.; Oates, J. F.; Plumptre, A.; Williamson, E. A. (2018) [errata version of 2016 assessment]. "Pan troglodytes " . IUCN Red List of Threatened Species . 2016 : e.T15933A129038584. doi :10.2305/IUCN.UK.2016-2.RLTS.T15933A17964454.en . สืบค้นเมื่อ 8 August 2021 .
↑ 3.0 3.1 "Appendices | CITES" . cites.org . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 December 2017. สืบค้นเมื่อ 2022-01-14 .
↑ "chimpanzee" . Dictionary.reference.com. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 18 May 2019. สืบค้นเมื่อ 18 May 2019 .
↑ "chimpanzee" . American Heritage Dictionary (5th ed.). Houghton Mifflin Harcourt Publishing Company. 2011. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 1 September 2018. สืบค้นเมื่อ 31 August 2018 .
↑ "chimpanzee" . Online Etymology Dictionary . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 16 December 2019. สืบค้นเมื่อ 31 August 2018 .
↑ Hastrup, Kirsten, บ.ก. (2013). Anthropology and Nature . Taylor & Francis. p. 168. ISBN 9781134463213 .
↑ "chimp definition | Dictionary.com" . Dictionary.reference.com. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 3 March 2016. สืบค้นเมื่อ 6 June 2009 .
↑ 9.0 9.1 Corbey, R. (2005). The Metaphysics of Apes: Negotiating the Animal-Human Boundary . Cambridge University Press. pp. 42 –51. ISBN 978-0-521-83683-8 .
↑ 10.0 10.1 Stanford, C. (2018). The New Chimpanzee, A Twenty-First-Century Portrait of Our Closest Kin . Harvard University Press. pp. 176 . ISBN 978-0-674-97711-2 .
↑ van Wyhe, J.; Kjærgaard, P. C. (2015). "Going the whole orang: Darwin, Wallace and the natural history of orangutans" . Studies in History and Philosophy of Science Part C: Studies in History and Philosophy of Biological and Biomedical Sciences . 51 : 53–63. doi :10.1016/j.shpsc.2015.02.006 . PMID 25861859 .
↑ Jones, C.; Jones, C. A.; Jones, K.; Wilson, D. E. (1996). "Pan troglodytes " . Mammalian Species (529): 1–9. doi :10.2307/3504299 . JSTOR 3504299 .
↑ McBrearty, S.; Jablonski, N. G. (September 2005). "First fossil chimpanzee". Nature . 437 (7055): 105–8. Bibcode :2005Natur.437..105M . doi :10.1038/nature04008 . PMID 16136135 . S2CID 4423286 .
↑ Staff (5 May 2017). "Bonobos May Resemble Humans More Than You Think - A GW researcher examined a great ape species' muscles and found they are more closely related to humans than common chimpanzees" . George Washington University . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 14 April 2023. สืบค้นเมื่อ 14 April 2023 .
↑ Diogo, Rui; Molnar, Julia L.; Wood, Bernard (2017). "Bonobo anatomy reveals stasis and mosaicism in chimpanzee evolution, and supports bonobos as the most appropriate extant model for the common ancestor of chimpanzees and humans" . Scientific Reports . 7 (608): 608. Bibcode :2017NatSR...7..608D . doi :10.1038/s41598-017-00548-3 . PMC 5428693 . PMID 28377592 .
↑ 16.0 16.1 de Manuel, M.; Kuhlwilm, M.; P., Frandsen; และคณะ (October 2016). "Chimpanzee genomic diversity reveals ancient admixture with bonobos" . Science . 354 (6311): 477–481. Bibcode :2016Sci...354..477D . doi :10.1126/science.aag2602 . PMC 5546212 . PMID 27789843 .
↑ 17.0 17.1 Groves, C. P. (2001). Primate Taxonomy . Washington, DC: Smithsonian Institution Press. pp. 303–307. ISBN 978-1-56098-872-4 .
↑ Hof, J.; Sommer, V. (2010). Apes Like Us: Portraits of a Kinship . Mannheim: Panorama. p. 114. ISBN 978-3-89823-435-1 .
↑ 19.0 19.1 Groves, C. P. (2005). "Geographic variation within eastern chimpanzees (Pan troglodytes cf. schweinfurthii Giglioli, 1872)". Australasian Primatology . 17 : 19–46.
↑ Maisels, F.; Strindberg, S.; Greer, D.; Jeffery, K. J.; Morgan, D.; Sanz, C. (2016) [errata version of 2016 assessment]. "Pan troglodytes ssp. troglodytes " . IUCN Red List of Threatened Species . 2016 : e.T15936A102332276. doi :10.2305/IUCN.UK.2016-2.RLTS.T15936A17990042.en . สืบค้นเมื่อ 27 August 2021 .
↑ Heinicke, S.; Mundry, R.; Boesch, C.; Amarasekaran, B.; Barrie, A.; Brncic, T.; Brugière, D.; Campbell, G.; Carvalho, J.; Danquah, E.; Dowd, D. (2019). "Advancing conservation planning for western chimpanzees using IUCN SSC A.P.E.S.—the case of a taxon-specific database" . Environmental Research Letters . 14 (6): 064001. Bibcode :2019ERL....14f4001H . doi :10.1088/1748-9326/ab1379 . hdl :1893/29775 . ISSN 1748-9326 . S2CID 159049588 .
↑ Humle, T.; Boesch, C.; Campbell, G.; Junker, J.; Koops, K.; Kuehl, H.; Sop, T. (2016) [errata version of 2016 assessment]. "Pan troglodytes ssp. verus " . IUCN Red List of Threatened Species . 2016 : e.T15935A102327574. doi :10.2305/IUCN.UK.2016-2.RLTS.T15935A17989872.en . สืบค้นเมื่อ 27 August 2021 .
↑ Morgan, Bethan J.; Adeleke, Alade; Bassey, Tony; Bergl, Richard (22 February 2011). "Regional action plan for the conservation of the Nigeria-Cameroon chimpanzee (Pan troglodytes ellioti)" (PDF) . IUCN (ภาษาอังกฤษ). เก็บ (PDF) จากแหล่งเดิมเมื่อ 24 February 2021. สืบค้นเมื่อ 9 February 2021 .
↑ Oates, J. F.; Doumbe, O.; Dunn, A.; Gonder, M. K.; Ikemeh, R.; Imong, I.; Morgan, B. J.; Ogunjemite, B.; Sommer, V. (2016). "Pan troglodytes ssp. ellioti " . IUCN Red List of Threatened Species . 2016 : e.T40014A17990330. doi :10.2305/IUCN.UK.2016-2.RLTS.T40014A17990330.en . สืบค้นเมื่อ 27 August 2021 .
↑ Plumptre, A.; Hart, J. A.; Hicks, T. C.; Nixon, S.; Piel, A. K.; Pintea, L. (2016). "Pan troglodytes ssp. schweinfurthii " . IUCN Red List of Threatened Species . 2016 : e.T15937A17990187. สืบค้นเมื่อ 27 August 2021 .
↑ 26.0 26.1 Chimpanzee Sequencing and Analysis Consortium (September 2005). "Initial sequence of the chimpanzee genome and comparison with the human genome" . Nature . 437 (7055): 69–87. Bibcode :2005Natur.437...69. . doi :10.1038/nature04072 . PMID 16136131 .
↑ "UniProt" . www.uniprot.org . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 7 August 2022. สืบค้นเมื่อ 2022-08-07 .
↑ "UniProt" . www.uniprot.org . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 7 August 2022. สืบค้นเมื่อ 2022-08-07 .
↑ 29.0 29.1 Cheng, Z.; และคณะ (September 2005). "A genome-wide comparison of recent chimpanzee and human segmental duplications". Nature . 437 (7055): 88–93. Bibcode :2005Natur.437...88C . doi :10.1038/nature04000 . PMID 16136132 . S2CID 4420359 .
↑ Braccini, E. (2010). "Bipedal tool use strengthens chimpanzee hand preferences" . Journal of Human Evolution . 58 (3): 234–241. Bibcode :2010JHumE..58..234B . doi :10.1016/j.jhevol.2009.11.008 . PMC 4675323 . PMID 20089294 .
↑ Levi, M. (1994). "Inhibition of endotoxin-induced activation of coagulation and fibrinolysis by pentoxifylline or by a monoclonal anti-tissue factor antibody in chimpanzees" . The Journal of Clinical Investigation . 93 (1): 114–120. doi :10.1172/JCI116934 . PMC 293743 . PMID 8282778 .
↑ Lewis, J. C. M. (1993). "Medetomidine-ketamine anaesthesia in the chimpanzee (Pan troglodytes )". Journal of Veterinary Anaesthesia . 20 : 18–20. doi :10.1111/j.1467-2995.1993.tb00103.x .
↑ Smith, R. J.; Jungers, W. L. (1997). "Body mass in comparative primatology". Journal of Human Evolution . 32 (6): 523–559. Bibcode :1997JHumE..32..523S . doi :10.1006/jhev.1996.0122 . PMID 9210017 .
↑ Jankowski, C. (2009). Jane Goodall: Primatologist and Animal Activist . Mankato, MN, US: Compass Point Books. p. 14. ISBN 978-0-7565-4054-8 . OCLC 244481732 .
↑ Gedert, R. L. (4 April 1991). "Researchers treat chimps like children" . The Lantern . p. 9. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 21 April 2022. สืบค้นเมื่อ 2 October 2020 .
↑ Taylor, H.; Cropper, J. (6 March 2006). "Recounting dead OSU chimp's last day" . The Lantern . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 11 June 2021. สืบค้นเมื่อ 21 December 2020 .
↑ Mulchay, J. B. (8 March 2013). "How long do chimpanzees live?" . Chimpanzee Sanctuary Northwest. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 28 March 2019. สืบค้นเมื่อ 28 March 2019 .
↑ "Africa's oldest chimp, a conservation icon, dies" . Discovery News . 24 December 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 24 December 2008. สืบค้นเมื่อ 24 October 2020 .
↑ Goodall, J. (27 November 2017). "Sad loss of Little Mama, one of the oldest chimps" . janegoodall.org . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 July 2021. สืบค้นเมื่อ 22 July 2021 .
↑ "โลกใบใหญ่ / โบราณชีววิทยา : ข้อถกเถียงเรื่องมนุษย์แคระยังไม่ยุติ จากสารคดี " . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2007-10-27. สืบค้นเมื่อ 2012-10-19 .
↑ หน้า 176, สัตว์สวยป่างาม (สิงหาคม, 2518) โดย ชมรมนิเวศวิทยามหาวิทยาลัยมหิดล
↑ 42.0 42.1 "ชิมแปนซี" . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2007-12-09. สืบค้นเมื่อ 2007-12-05 .
↑ "อึ้ง! ผลวิจัยชี้ลูกชิมแปนซีมีความจำดีกว่ามนุษย์ จากผู้จัดการออนไลน์" . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2012-12-14. สืบค้นเมื่อ 2007-12-05 .
↑ Mutant Planet: African Rift Valley Lakes , "Mutant Planet". สารคดีทางอนิมอลพนาเน็ต ทางทรูวิชั่นส์: อาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556
↑ Matsuzawa, T. (2009). "Symbolic representation of number in chimpanzees". Current Opinion in Neurobiology . 19 (1): 92–98. doi :10.1016/j.conb.2009.04.007 . PMID 19447029 . S2CID 14799654 .
↑ Melis, A. P.; Hare, B.; Tomasello, M. (2006). "Chimpanzees recruit the best collaborators". Science . 311 (5765): 1297–1300. Bibcode :2006Sci...311.1297M . doi :10.1126/science.1123007 . PMID 16513985 . S2CID 9219039 .
↑ Boesch, C.; Boesch, H. (1993). "Diversity of tool use and tool-making in wild chimpanzees". ใน Berthelet, A.; Chavaillon, J. (บ.ก.). The Use of Tools by Human and Non-human Primates . Oxford, UK: Oxford University Press. pp. 158–87. ISBN 978-0-19-852263-8 .
↑ "Language of bonobos" . Great Ape Trust. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 15 August 2004. สืบค้นเมื่อ 16 January 2012 .
↑ Povinelli, D.; de Veer, M.; Gallup Jr., G.; Theall, L.; van den Bos, R. (2003). "An 8-year longitudinal study of mirror self-recognition in chimpanzees (Pan troglodytes )". Neuropsychologia . 41 (2): 229–334. doi :10.1016/S0028-3932(02)00153-7 . PMID 12459221 . S2CID 9400080 .
↑ Calhoun, S. & Thompson, R. L. (1988). "Long-term retention of self-recognition by chimpanzees". American Journal of Primatology . 15 (4): 361–365. doi :10.1002/ajp.1350150409 . PMID 31968884 . S2CID 84381806 .
↑ Mascaro, A.; Southern, L. M.; Deschner, T.; Pika, S. (2022). "Application of insects to wounds of self and others by chimpanzees in the wild" . Current Biology . 32 (3): R112–R113. Bibcode :2022CBio...32.R112M . doi :10.1016/j.cub.2021.12.045 . PMID 35134354 . S2CID 246638843 .
↑ Whiten, A.; Spiteri, A.; Horner, V.; Bonnie, K. E.; Lambeth, S. P.; Schapiro, S. J.; de Waal, F. B. M. (2007). "Transmission of multiple traditions within and between chimpanzee groups" . Current Biology . 17 (12): 1038–1043. Bibcode :2007CBio...17.1038W . doi :10.1016/j.cub.2007.05.031 . PMID 17555968 . S2CID 1236151 .
↑ St. Fleur, N. (12 June 2015). "U.S. will call all chimps 'endangered' " . The New York Times . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2022-01-01. สืบค้นเมื่อ 13 June 2015 .
บรรณานุกรม
แหล่งข้อมูลอื่น