ระบบขนส่งมวลชนเร็วระบบขนส่งมวลชนเร็ว (อังกฤษ: Mass Rapid Transit (MRT)) หรือที่มักเรียกว่า รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน (subway, underground) เมโทร (metro) รถไฟรางหนัก (heavy rail) เป็นระบบขนส่งสาธารณะที่มีความจุผู้โดยสารสูง ซึ่งแตกต่างไปจากรถโดยสารสาธารณะ หรือรถราง ตรงที่เป็นระบบขนส่งที่มีเส้นทางที่สงวนไว้เป็นของตนเอง (right-of-way) ไม่ให้ยานยนต์ประเภทอื่นเข้ามาใช้ร่วมกันได้ โดยมักจะเป็นทางในอุโมงค์ใต้ดิน หรือ ทางยกระดับ. ระบบขนส่งมวลชนเร็วถูกพบได้ในเมืองใหญ่ที่สำคัญทั่วโลก รถไฟฟ้าใต้ดินที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอยู่ที่กรุงลอนดอน เปิดใช้เมื่อ ค.ศ. 1980 [1] ปัจจุบันมีเมืองไม่ต่ำกว่า 162 เมืองที่มีรถไฟฟ้าใต้ดิน ศัพท์
ประวัติระบบขนส่งมวลชนเร็วสายแรก เริ่มมีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1863 คือ รถไฟใต้ดินลอนดอน ในปี ค.ศ. 1890 การรถไฟลอนดอนใต้ เป็นการรถไฟแรกที่มีรถไฟขับเคลื่อนด้วยกระแสไฟฟ้า[2] ระบบขับเคลื่อนด้วยกระแสไฟฟ้าได้ใช้ในเส้นทางรถไฟใต้ดินลอนดอน ซึ่งพัฒนาไปได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ สำหรับระบบขนส่งมวลชนเร็วสายแรกของประเทศไทย คือ รถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเป็นแบบยกระดับ ได้เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 27 กันยายน 2537 โดยขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี 17 พฤษภาคม 2537 [3] ส่วนประเทศในอาเซียนได้มีระบบขนส่งมวลชนเร็วเรียงตามลำดับ คือ ฟิลิปปินส์ ในปี พ.ศ. 2527, สิงคโปร์ ในปี พ.ศ. 2530, มาเลเซีย ในปี พ.ศ. 2539, ไทย ในปี พ.ศ. 2542, อินโดนีเซีย ในปี พ.ศ. 2562, เวียดนาม ในปี พ.ศ. 2564 การดำเนินการระบบขนส่งมวลชนเร็วมักใช้ในเขตเมือง เพื่อที่จะใช้ขนส่งผู้คนมากมายได้อย่างรวดเร็ว ระบบขนส่งมวลชนเร็ว มีขอบเขตเส้นทางมากที่สุดเพียงแค่เส้นทางระหว่างเมือง ส่วนเขตชานเมืองอื่นๆ จะใช้รถไฟธรรมดา การดำเนินการของระบบขนส่งมวลชนเร็ว อาจส่งผลต่อความพึงพอใจต่อเจ้าของด้วย ระบบขนส่งมวลชนเร็ว สามารถใช้เดินทางร่วมกับระบบอื่นๆ ได้ อาทิเช่น รถโดยสารประจำทาง รถราง หรือ รถไฟชานเมือง ซึ่งจะช่วยในเรื่องการรับรองผู้โดยสาร เนื่องด้วยความจำกัดในบางพื้นที่ อาจทำให้สร้างรถไฟฟ้าไม่เพียงต่อ จึงต้องใช้ระบบขนส่งมวลชนอื่นแทน รูปแบบผังเส้นทาง
โครงสร้างทั่วไปขบวนรถไฟฟ้า จะมีจำนวนตู้โดยสารตั้งแต่ 3 - 10 ตู้/ขบวน[4] โดยจะรับกระแสไฟฟ้าจากรางที่สามหรือระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือหัว[5] ส่วนใหญ่ขบวนรถไฟฟ้าจะใช้ล้อที่ทำมาจากเหล็ก แต่ในบางสายอาจมีการใช้ล้อยางก็ได้ ซึ่งจะเกิดแรงเย็นระหว่างฉุดลากขบวนรถ[6] ลักษณะเส้นทางแบบใต้ดินจะอยู่ใต้ชั้นถนน ซึ่งจะทำให้การจราจรบนถนนคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องเสียพื้นที่บริเวณเกาะกลางสำหรับตอม่อทางยกระดับ แต่ก็มีข้อเสียคือ ต้องใช้งบประมาณมาก และการขุดอุโมงค์ต้องทำการปิดการจราจรบางส่วน อาจทำให้การจราจรติดขัด สำหรับการสร้างอุโมงค์จะมีขั้นตอนที่เรียกว่า คัต-แอนด์-คัฟเวอร์ ซึ่งเป็นการฉาบคอนกรีตไปในเนื้ออุโมงค์[2] แบบระดับดินหรือระดับถนนมักใช้กับแถบชานเมือง ซึ่งใช้งบประมาณน้อยกว่าแบบใต้ดินหรือยกระดับ ส่วนรถไฟยกระดับ มีงบประมาณที่น้อยกว่าแบบใต้ดิน มักพบในเมืองที่การจราจรไม่ติดกันนัก สถานีสถานีเป็นจุดจอดของรถไฟฟ้าเพื่อใช้ขนส่งผู้คน ซึ่งจะมีเครื่องจำหน่ายบัตรโดยสาร ส่วนชานชาลาของแต่ละสถานีอาจแตกต่างกันไป เช่น ชานชาลาด้านข้าง ชานชาลาเกาะกลาง[7] สถานีใต้ดินมักจะแบ่งเป็น 2 ชั้น บางสถานีจะอยู่ลึกมาก ต้องใช้บันไดเลื่อนที่ยาวเป็นพิเศษ ในบางสถานีจะมีศูนย์การค้าอยู่ด้วย[8] ส่วนสถานีแถบชานเมือง จะมีอาคารจอดแล้วจร เพื่อให้ผู้ที่มาใช้บริการได้จอดรถส่วนตัว[9] สถานีส่วนใหญ่มักออกแบบให้มีความสูงของชานชาลาเท่าระดับประตูของรถไฟ[10] และระหว่างที่ขบวนรถจอด ผู้โดยสารต้องระวังช่องว่างระหว่างชานชาลาและรถไฟด้วย บางสถานีใช้ประตูกั้นชานชาลา ซึ่งช่วยป้องกันคนตกลงไปในทางวิ่ง สถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ลึกที่สุดในโลก คือ สถานีอาร์เซนัลนา ที่เมืองเคียฟ ประเทศยูเครน[11] สำหรับในประเทศไทยนั้น สถานีที่อยู่ลึกที่สุด คือ สถานีสีลมในเส้นทางรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล โดยระดับชานชาลาอยู่ลึก 30 เมตรจากผิวดิน สมุดภาพวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ ระบบขนส่งมวลชนเร็ว
ดูเพิ่มอ้างอิง
|