Share to:

 

ลุฟท์ฮันซ่า

ลุฟท์ฮันซ่า
IATA ICAO รหัสเรียก
LH DLH LUFTHANSA
ก่อตั้ง6 มกราคม ค.ศ. 1953 (71 ปี)
เริ่มดำเนินงาน1 เมษายน ค.ศ. 1955 (69 ปี)
ท่าหลักท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต
ท่าอากาศยานมิวนิก[note 1]
สะสมไมล์Miles & More
พันธมิตรการบินสตาร์อัลไลแอนซ์
บริษัทลูก
ขนาดฝูงบิน295
จุดหมาย229
บริษัทแม่เครือลุฟท์ฮันซ่า
การซื้อขาย
ISINDE0008232125
สำนักงานใหญ่เยอรมนี โคโลญ, ประเทศเยอรมนี
บุคลากรหลักคาร์สเตน สปอร์ (ประธานและซีอีโอ)
รายได้เพิ่มขึ้น 32.8 พันล้านยูโร (ค.ศ. 2022)
รายได้จากการดำเนินงาน
เพิ่มขึ้น 1.5 พันล้านยูโร (ค.ศ. 2022)
รายได้สุทธิ
เพิ่มขึ้น 791 พันล้านยูโร (ค.ศ. 2022)
สินทรัพย์เพิ่มขึ้น 43.335 พันล้านยูโร (ค.ศ. 2022)
ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 8.5 พันล้านยูโร (ค.ศ. 2022)
พนักงาน
109,509 คน (ค.ศ. 2022) [2]
เว็บไซต์www.lufthansa.com

ลุฟท์ฮันซ่า (เยอรมัน: Lufthansa) หรือชื่อเต็ม บมจ.ด็อยท์เชอลุฟท์ฮันซ่า (เยอรมัน: Deutsche Lufthansa AG) เป็นสายการบินประจำชาติและสายการบินใหญ่ที่สุดของประเทศเยอรมนี และถือเป็นสายการบินใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรปในแง่จำนวนผู้โดยสาร ชื่อลุฟท์ฮันซ่ามาจากการประสมระหว่างคำว่า ลุฟท์ ที่แปลว่า "อากาศ" กับคำว่า ฮันซา ที่หมายถึง "สันนิบาตการค้า" บริษัทลุฟท์ฮันซ่าเป็นหนึ่งในห้าสายการบินผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์อัลไลแอนซ์ในปีค.ศ. 1997[3] ซึ่งเป็นเครือพันธมิตรสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก

นอกจากลุฟท์ฮันซ่าจะดำเนินกิจการสายการบินภายใต้แบรนด์ของตัวเองแล้ว ลุฟท์ฮันซ่ายังมีสายการบินในเครือได้แก่: ออสเตรียนแอร์ไลน์, สวิสอินเตอร์แนชนัลแอร์ไลน์, บรัสเซลแอร์ไลน์ และยูโรวิงส์ นอกจากนี้ บริษัทลุฟท์ฮันซ่ายังมีบริษัทลูกในเครือ ได้แก่ ลุฟท์ฮันซ่าเทคนิค (ฝ่ายซ่อม) และ แอลเอสจีสกายเชฟ (ฝ่ายครัวการบิน) หากรวมจำนวนเครื่องบินของสายการบินทั้งหมดในเครือลุฟท์ฮันซ่าแล้ว จะมีเครื่องบินประจำการกว่า 700 ลำ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มสายการบินที่มีขนาดฝูงบินใหญ่ที่สุดในโลก[4]

ลุฟท์ฮันซ่ามีสำนักงานใหญ่ของเครือบริษัทในเมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี โดยมีฐานการบินหลักในท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต[5] และมีฐานการบินรองในท่าอากาศยานมิวนิก

ประวัติ

คริสต์ทศวรรษ 1950: ช่วงแรก

คอนแวร์ 340 ความจุ 52 ที่นั่ง เป็นเครื่องบินลำแรกของลุฟท์ฮันซ่า ส่งมอบเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1954

บมจ.ด็อยท์เชอลุฟท์ฮันซ่าก่อตั้งในกรุงเบอร์ลินเมื่อค.ศ. 1926[6] และกลายเป็นสายการบินประจำชาติเยอรมันนับแต่นั้น สายการบินแห่งนี้สิ้นสภาพไปโดยปริยายพร้อมกับความพ่ายแพ้ของเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อค.ศ. 1945[7] แต่ในเวลาต่อมา รัฐบาลเยอรมนีตะวันตกมีความพยายามฟื้นฟูสายการบินแห่งชาติขึ้นมาใหม่ มีการก่อตั้งบริษัทมหาชนที่ชื่อว่า ลุฟท์ทาค (Luftag)[8] ในนครโคโลญเมื่อปีค.ศ. 1953 พนักงานและผู้บริหารส่วนใหญ่เป็นบุคลากรที่เคยทำงานให้กับสายการบินลุฟท์ฮันซ่าที่ล้มไป[9][10] ในปีนั้น ลุฟท์ทาคสั่งซื้อเครื่องบินคอนแวร์ 340 และ ล็อกฮีด แอล-1049 อย่างละสี่เครื่องจากสหรัฐ และกำหนดท่าอากาศยานฮัมบวร์คเป็นฐานปฏิบัติการใหญ่และฐานซ่อมบำรุง[8] ทั้งนี้เนื่องจาก กรุงเบอร์ลินในขณะนั้นมีสถานะพิเศษระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตกและสหภาพโซเวียต จึงไม่มีสายการบินใดได้รับอนุญาตให้บินเหนือน่านฟ้ากรุงเบอร์ลิน

สิงหาคม ค.ศ. 1954 ลุฟท์ทาคซื้อสิทธิ์ในชื่อและโลโก้จากผู้พิทักษ์ทรัพย์ของอดีตบมจ.ด็อยท์เชอลุฟท์ฮันซ่าด้วยเงินจำนวน 30,000 มาร์ค และกลายเป็นสายการบินประจำชาติเยอรมันนับแต่นั้น ลุฟท์ฮันซ่าเริ่มให้บริการเดินอากาศอีกครั้งในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1955 ในปีแรกให้บริการเที่ยวบินในประเทศระหว่างฮัมบวร์ค, ดึสเซิลดอร์ฟ, แฟรงก์เฟิร์ต, โคโลญ และมิวนิก เที่ยวบินระหว่างประเทศสู่ลอนดอน, ปารีส, มาดริด และนครนิวยอร์ก[11][12]

คริสต์ทศวรรษ 1960: การเข้ามาของอากาศยานไอพ่น

โบอิง 707 ในปีค.ศ. 1984 โบอิง 707 เป็นเครื่องบินไอพ่นลำแรกของลุฟท์ฮันซ่า

ในปีค.ศ. 1958 ลุฟต์ฮันซ่าสั่งซื้อโบอิง 707 จำนวน 4 ลำ และเริ่มบินเครื่องบินจากแฟรงก์เฟิร์ตไปยังนครนิวยอร์กในเดือนมีนาคม ค.ศ 1960 ต่อมาได้ซื้อโบอิง 720B เพื่อทดแทนฝูงบินโบอิง 707 ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1961 ลุฟท์ฮันซ่าได้ขยายเส้นทางตะวันออกถึงกรุงเทพฯ ฮ่องกง โตเกียว เลกอส และโจฮันเนสเบิร์ก

ลุฟต์ฮันซ่าเปิดตัวเครื่องบินโบอิง 727 ในปี 1964 และเดือนพฤษภาคมเริ่มเส้นทางขั้วโลกจากแฟรงก์เฟิร์ตไปยังโตเกียวผ่านแองเคอเรจ ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508 บริษัทได้สั่งซื้อโบอิ้ง 737 จำนวน 21 ลำที่เข้าประจำการในปี พ.ศ. 2511 ลุฟท์ฮันซาเป็นลูกค้ารายแรกของโบอิ้ง 737 และเป็นหนึ่งในสี่ของผู้ให้บริการโบอิง 737-100 (ผู้ให้ยริการรายอื่น ได้แก่นาซา มาเลเซีย-สิงคโปร์แอร์ไลน์ และอาเบียงกา) ลุฟท์ฮันซ่าเป็นลูกค้าต่างชาติรายแรกที่เปิดตัวเครื่องบินโบอิง

คริสต์ทศวรรษ 1970-1980: ลุฟท์ฮันซ่ากับอากาศยานลำตัวกว้าง

ยุคสมัยเครื่องบินลำตัวกว้างของลุฟท์ฮันซ่าเริ่มต้นด้วยการให้บริการโบอิง 747 เมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1970, ดักลาส ดีซี-10-30 ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1973, และแอร์บัส เอ300 ในปี 1976 ลุฟท์ฮันซ่าเป็นลูกค้าเปิดตัวแอร์บัส เอ310 ในปี 1979 ร่วมกับสวิสแอร์ด้วยคำสั่งซื้อจำนวน 25 ลำ

ลุฟท์ฮันซ่าเริ่มดำเนินการโครงการปรับปรุงฝูงบินในวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 1985 โดยได้เพิ่มคำสั่งซื้อแอร์บัส เอ320 สิบห้าลำ และแอร์บัส เอ300-600 เจ็ดลำ โบอิง 737-300 สิบลำ ทั้งหมดถูกส่งมอบระหว่างปี 1987 ถึง 1992 ลุฟท์ฮันซ่ายังซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ321 แอร์บัส เอ340 และโบอิง 747-400

ในปี 1987 ลุฟท์ฮันซา ร่วมกับแอร์ฟรานซ์ ไอบีเรีย และสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ ก่อตั้งบริษัทอมาดีอุส ซึ่งเป็นบริษัทไอที (หรือเรียกว่า GDS) ที่พัฒนาระบบสื่อกลางการขายเที่ยวบินและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องของสายการบินต่างๆ

ลุฟท์ฮันซาออกแบบและเริ่มใช้เอกลักษณ์องค์กรใหม่ในปี 1988 โดยได้มีการปรับเปลี่ยนลวดลายอากาศยาน ห้องโดยสาร สำนักงาน และห้องรับรองในสนามบินทั้งหมด

แอร์บัส เอ300B4 ของลุฟท์ฮันซ่าในปีค.ศ. 1986 เอ300 เป็นหนึ่งในเครื่องบินลำตัวกว้างลำแรกๆ ที่ประจำการกับลุฟท์ฮันซ่า

คริสต์ทศวรรษ 1990-2000: การขยายกิจการ

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1990 หลังจากการรวมประเทศได้ 25 วัน เบอร์ลินกลายเป็นจุดหมายปลายทางของลุฟท์ฮันซาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1997 ลุฟท์ฮันซ่า, แอร์แคนาดา, สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม, การบินไทย และ ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ได้ก่อตั้งสตาร์อัลไลแอนซ์ ซึ่งเป็นพันธมิตรสายการบินแห่งแรกของโลก

ในตอนต้นของปีค.ศ. 1995 ลุฟท์ฮันซ่าได้ทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบางอย่างโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างบริษัทที่ดำเนินงานอิสระของกลุ่มการบิน เช่น ลุฟท์ฮันซ่า เทคนิค ลุฟท์ฮันซ่า คาร์โก้ และลุฟท์ฮันซ่า ซิสเต็มส์[13] หลังเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน ในปีค.ศ. 2001 สายการบินประสบกับการสูญเสียผลกำไรจำนวนมาก[14] แต่ยังคงสามารถรักษาฝูงบินแอร์บัส เอ380 ไว้สำหรับเที่ยวบินระยะไกลจากแฟรงก์เฟิร์ตโดยเฉพาะ ฝูงบินเอ380 จะใช้สำหรับเที่ยวบินระยะไกลจากแฟรงก์เฟิร์ตเท่านั้น ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2003 ลุฟต์ฮันซาเปิดอาคารผู้โดยสาร 2 ที่สท่าอากาศยานมิวนิก เพื่อบรรเทาศูนย์กลางหลักที่แฟรงก์เฟิร์ตซึ่งประสบปัญหาข้อจำกัดด้านความจุ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 2005 สวิสอินเตอร์แนชนัลแอร์ไลน์ถูกซื้อโดยลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป

ลุฟท์ฮันซ่าเป็นสายการบินในยุโรปแห่งที่สองที่ให้บริการแอร์บัส เอ380 (รองจากแอร์ฟรานซ์) เอ380 ลำแรกส่งมอบเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ในขณะที่โบอิง 747-8 ลำแรกเข้าประจำการในปี 2012

คริสต์ทศวรรษ 2010: การแก้ไขสภาวะการเงินของลุฟท์ฮันซ่า

แอร์บัส เอ380 และโบอิง 747 ของลุฟท์ฮันซ่าที่ท่าอากาศยานแฟรงเฟิร์ต

ลุฟท์ฮันซ่าขาดทุน 381 ล้านยูโรในไตรมาสแรกของปี 2010 และอีก 13 ล้านยูโรในปี 2011[15] เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและต้นทุนการปรับโครงสร้าง ส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้าง บริษัทได้เริ่มโอนเที่ยวบินระยะใกล้ทั้งหมดนอกศูนย์กลางในแฟรงก์เฟิร์ต มิวนิก และดึสเซลดอร์ฟ ไปยังสายการบินต้นทุนต่ำใหม่อย่างเยอรมันวิงส์[16]

เครื่องบินโบอิง 737 ลำสุดท้ายของสายการบิน (737-300) ปลดประจำการเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2016 หลังจากเที่ยวบินจากมิลานไปยังแฟรงก์เฟิร์ต[17] สายการบินได้สั่งซื้อเครื่องบินโบอิง 787-9 จำนวน 20 ลำและเครื่องบินแอร์บัส เอ350-900 อีกจำนวน 20 ลำสำหรับการเปลี่ยนและขยายฝูงบินของบริษัทเองและในกลุ่ม

คริสต์ทศวรรษ 2020: วิกฤตโควิด-19 และการฟื้นฟูกิจการ

เครื่องบินของลุฟท์ฮันซ่าที่จอดอยู่ที่ท่าอากาศยานเบอร์ลินบรันเดินบวร์คในช่วงวิกฤตโควิด-19

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 2020 ลุฟท์ฮันซ่ายกเลิกเที่ยวบินทั้งหมด 95 เปอร์เซ็นต์เนื่องจากการห้ามเดินทางเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายการบินขาดทุน 1 ล้านยูโรต่อชั่วโมงภายในเดือนเมษายน 2020 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ผู้ถือหุ้นของ Deutsche Lufthsa AG ยอมรับเงินช่วยเหลือ 9,000,000,000 ยูโรจากกระทรวงกิจการเศรษฐกิจและพลังงานแห่งสหพันธรัฐ

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2022 ลุฟต์ฮันซายืนยันว่าฝูงบินแอร์บัส เอ380 ทั้งหมดจะถูกปลดประจำการ ซึ่งถูกจัดเก็บไว้ตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 2020[18] ก่อนเปลี่ยนแปลงแผนการปลดในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2022 โดยมีแผนที่จะส่งคืนเครื่องบินจำนวน 5 ลำจากที่เก็บภายในปี ค.ศ. 2023 นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกในการนำเครื่องบิน เอ380 ที่เหลือทั้งหมดแปดลำให้กลับมาให้บริการภายในปีค.ศ. 2024[19]

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2022 สกายแทรกซ์ได้ลดลำดับสายการบินที่เดิมเป็นสายการบิน 5 ดาวลงเป็นสายการบิน 4 ดาว[20]

ในปี 2023 สายการบินเกิดปัญหาระบบขัดข้อง ทำให้ผู้โดยสารถูกทิ้งไว้ทั่วโลก หน่วยงานควบคุมการจราจรทางอากาศสัญชาติเยอรมันได้กล่าวว่าได้ทำการเปลี่ยนเส้นทางของเที่ยวบินลุฟท์ฮันซ่าออกจากแฟรงก์เฟิร์ต ปัญหาดังกล่าวคาดว่าเกิดจากเกิดการตัดสายเคเบิลจากงานก่อสร้างภายในเมือง[21][22]

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2023 เครือลุฟท์ฮัน่าได้รายงานข้อตกลงกับกระทรวงการคลังของอิตาลีในการเข้าถือหุ้น 41% ในสายการบินอิตาแอร์เวย์ โดยข้อตกลงนี้อนุญาตให้ลุฟต์ฮันซ่าเข้าถือหุ้นเพิ่มได้ในอนาคต[23]

กิจการองค์กร

สำนักงานใหญ่ของลุฟท์ฮันซ่าในโคโลญ

สำนักงานใหญ่

สำนักงานใหญ่ของลุฟท์ฮันซ่าตั้งอยู่ในโคโลญจน์ ในปีค.ศ. 1986 ได้มีผู้ก่อการร้ายฝ่ายซ้ายได้วางระเบิดอาคาร โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ[24][25] ในปีค.ศ. 2006 ผู้สร้างได้วางศิลาฤกษ์ก้อนแรกของสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของลุฟท์ฮันซ่าในเมืองโคโลญจน์ ภายในสิ้นปีค.ศ. 2007 ลุฟท์ฮันซ่าวางแผนที่จะย้ายพนักงาน 800 คนไปยังอาคารใหม่[26] อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปีค.ศ. 2013 ลุฟต์ฮันซาได้เปิดเผยแผนการที่จะย้ายสำนักงานใหญ่จากโคโลญไปยังแฟรงก์เฟิร์ตภายในปี ค.ศ. 2017[27]

แผนกต่างๆ ของลุฟท์ฮันซ่าไม่ได้อยู่ที่สำนักงานใหญ่ในโคโลญ แต่จะตั้งอยู่ในศูนย์การบินลุฟท์ฮันซ่าที่ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ตแทน[28][29]

บริษัทลูก

ขนาดฝูงบินโดยสารของลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป (รวมบริษัทลูกยกเว้นสายการบินขนส่งสินค้าที่ถือหุ้นทั้งหมด)

ลุฟท์ฮันซ่ามีบริษัทลูก ดังนี้:[30]

สายการบินลูก

สายการบินลูกในอดีต

บริษัทลูกอื่นๆ

โรงเก็บเครื่องบินของลุฟท์ฮันซ่าเทคนิคที่แฟรงก์เฟิร์ต

อัตลักษณ์องค์กร

โลโก้

ลักษณะของโลโก้ลุฟท์ฮันซ่าจะเป็นรูปนกกระเรียนขณะบิน โดยถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1918 โดยออตโต เฟิร์ล โลโก้นี้เป็นส่วนหนึ่งของลวดลายเครื่องบินของ Deutsche Luft-Reederei (ตัวย่อ DLR) สายการบินเยอรมันแห่งแรก ซึ่งเริ่มให้บริการทางอากาศเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1919 ในปีค.ศ. 1926 สายการบินด็อยท์เชอ ลุฟท์ ฮันซาได้นำสัญลักษณ์นี้มาใช้ และลุฟท์ฮันซ่าก็ได้นำโลโก้นี้ไปใช้ในปีค.ศ.1963

นักออกแบบชาวเยอรมัน Otl Aicher ได้สร้างโลโก้ลวดลายสำหรับสายการบินในปีค.ศ. 1967 คือโลโก้นกกระเรียนแสดงในวงกลม

ลวดลายอากาศยาน

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ลุฟท์ฮันซ่ายังคงใช้สีน้ำเงินและสีเหลืองเป็นสีหลักและโลโก้นกกระเรียน ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1960 เป็นต้นมา ลุฟท์ฮันซ่าใช้แบบอักษรเฮลเวติกาบนชื่อของสายการบิน ลวดลายของปี 1970 มีจุดเด่นที่ครึ่งบนของลำตัวที่ทาด้วยสีขาวล้วนที่ด้านบน และลำตัวด้านล่าง (ครึ่งล่าง รวมถึงเครื่องยนต์) เป็นอะลูมิเนียมสีเทา/เงิน ด้านล่างแถบหน้าต่างสีน้ำเงินและจมูกที่ทาสีดำ โลโก้เครนถูกทาสีฟ้าบนเครื่องยนต์ ที่ครึ่งล่างของลำตัวด้านล่างหน้าต่างห้องนักบิน และวงกลมสีเหลืองในแถบสีน้ำเงินที่ส่วนหาง

ในปีค.ศ. 1967 นักออกแบบชาวเยอรมัน ออตล์ ไอเชอร์ ได้ออกแบบลวดลายให้ลุฟท์ฮันซ่า โดยลวดลายนี้จะเป็นสีเหลืองบนครีบหางสีน้ำเงิน เฮลเวติกาถูกใช้เป็นแบบอักษรหลักสำหรับทั้งการตกแต่งและสิ่งพิมพ์ แถบสีน้ำเงินและโครงร่างสีทั่วไปของเครื่องบินยังคงอยู่จากการตกแต่งก่อนหน้า แนวคิดของไอเชอร์ยังคงอยู่ในลวดลายปี 1988 แต่แถบหน้าต่างถูกนำออกและทาลำตัวด้วยสีเทาด้านล่าง

ในปีค.ศ. 2018 ลุฟท์ฮันซ่าเปลี่ยนลวดลายใหม่ โดยมีโลโก้นกกระเรียนเดิม แต่พื้นหลังเป็นสีน้ำเงินเข้ม แพนหางดิ่งและลำตัวด้านหลังทาด้วยสีน้ำเงินเข้ม และโคนหางยังคงเป็นสีขาว ลำตัวเครื่องบินหลักถูกทาด้วยสีขาวทั้งหมด และมีการทาสีชื่อแบรนด์ "ลุฟท์ฮันซ่า" เหนือหน้าต่างด้วยสีน้ำเงินเข้มเช่นกัน

การสนับสนุน

ลุฟต์ฮันซาเป็นผู้สนับสนุนสโมสรไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท ในรายการบุนเดิสลีกา[32] ลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ปยังสนับสนุนมูลนิธิช่วยเหลือด้านกีฬาของเยอรมันเพื่อส่งเสริมเป้าหมายทางสังคมการเมืองและนักกีฬาที่องค์กรให้การสนับสนุน[33]

จุดหมายปลายทาง

ข้อตกลงการทำการบินร่วม

ณ เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2023 ลุฟท์ฮันซ่าได้มีข้อตกลงการบินร่วมกับสายการบินดังต่อไปนี้:[34][35]

LH เป็นส่วนหนึ่งของลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป

ฝูงบิน

ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2024 ลุฟท์ฮันซ่ามีเครื่องบินประจำการในฝูงบินดังนี้:[43][44][45]

ฝูงบินของลุฟท์ฮันซ่า
เครื่องบิน ประจำการ คำสั่งซื้อ ผู้โดยสาร หมายเหตุ
F C W Y รวม อ้างอิง
แอร์บัส เอ319-100 23 24 102 138 [46]
แอร์บัส เอ320-200 52 28 140 168 [47]
แอร์บัส เอ320นีโอ 35 38[48] 28 152 180 [49] ลูกค้าเปิดตัว[50]
คำสั่งซื้อบางส่วนจะโอนย้ายให้กับสายการบินในเครือ[51]
แอร์บัส เอ321-100 20 26 174 200 [52] ลูกค้าเปิดตัว[53]
แอร์บัส เอ321-200 37 26 174 200 [52]
แอร์บัส เอ321นีโอ 17 22[48] 28 187 215 [54][55]
แอร์บัส เอ330-300 10 42 28 185 255 [56]
แอร์บัส เอ340-300 17 30 28 221 279 [57] ผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดของรุ่น[58]
จะทดแทนด้วยแอร์บัส เอ350-900[59]
แอร์บัส เอ340-600 10 8 56 28 189 281 [60] นำกลับมาให้บริการหลังการจัดเก็บในปี 2022[61]
จะทดแทนด้วยแอร์บัส เอ350-1000[62]
แอร์บัส เอ350-900 23 32[48] 4 38 24 201 267 เริ่มส่งมอบในต้นปี 2024 ด้วยห้องโดยสารลุฟท์ฮันซ่าอัลเลกริส
48 21 224 293 [63][64] ส่งมอบตั้งแต่ปี 2016[65][66]
30 26 262 318 [63]
30 309 339 เช่าสองลำ - ใช้ผังที่นั่งเดิมจากเซาท์แอฟริกันแอร์เวส์
เช่าสี่ลำ - ใช้ผังที่นั่งเดิมจากลาตัม บราซิล[67]
แอร์บัส เอ350-1000 10 รอประกาศ ทดแทนแอร์บัส เอ340-600[64]
แอร์บัส เอ380-800 8 8 78 52 371 509 [68] สี่ลำนำกลับมาให้บริการหลังการจัดเก็บ[69][70][71]
อีกสี่ลำจะนำกลับมาให้บริการในปี 2024.
โบอิง 747-400 8 67 32 272 371 [72] จะทดแทนด้วยโบอิง 777-9[73]
โบอิง 747-8ไอ 19 8 80 32 244 364 [74] ผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดของรุ่น[75]
รวม D-ABYP โบอิง 747 ลำที่ 1,500[76]
โบอิง 777-9 20 รอประกาศ เริ่มส่งมอบในปี 2025[77]
ทดแทนโบอิง 747-400 และแอร์บัส เอ380-800 หกลำ[78]
โบอิง 787-9 5 34[79] 28 28 231 287 เริ่มส่งมอบในปี 2024 ด้วยห้องโดยสารลุฟท์ฮันซ่าอัลเลกริส
26 21 247 294 [64] เริ่มส่งมอบตั้งแต่สิงหาคม ค.ศ. 2022[80][81][82]
ห้าคำสั่งซื้อโอนย้ายมาจากไห่หนานแอร์ไลน์โดยใช้ผังที่นั่งเดิม[83]
ห้าลำจะโอนย้ายไปยังออสเตรียนแอร์ไลน์[84]
รวม 295 156

ลุฟท์ฮันซ่ามีอายุฝูงบินเฉลี่ย 13.7 ปี

บริการ

โปรแกรมสะสมไมล์

โปรแกรมสะสมไมล์ Miles & More ของลุฟท์ฮันซ่าจะใช้ร่วมกันระหว่างสายการบินในยุโรปหลายแห่ง ได้แก่ สายการบินในเครือทั้งหมดของลุฟท์ฮันซ่า (ไม่รวมกิจการร่วมค้าของซันเอกซ์เพรส), ค็อนดอร์ (เดิมเป็นของลุฟท์ฮันซ่า), โครเอเชียแอร์ไลน์, ล็อตโปแลนด์, และลักซ์แอร์ (เดิมเป็นส่วนหนึ่งของลุฟท์ฮันซ่า)[85] สมาชิก Miles & More จะได้รับไมล์สะสมจากเที่ยวบินของลุฟท์ฮันซ่าและเที่ยวบินพันธมิตรของสตาร์อัลไลแอนซ์ ตลอดจนผ่านบัตรเครดิตของลุฟท์ฮันซ่าและการซื้อสินค้าผ่านร้านค้าของสายการบิน สถานะภายใน Miles & More จะพิจารณาจากไมล์ที่บินระหว่างหนึ่งปีปฏิทินกับพันธมิตรเฉพาะราย ระดับสมาชิกประกอบด้วย: สมาชิก Miles & More (ไม่มีเกณฑ์ขั้นต่ำ), ผู้เดินทางบ่อย (ระดับเงิน 35,000 ไมล์ (56,000 กม.) หรือ 30 เที่ยวบินส่วนบุคคล), วุฒิสมาชิก (ระดับทอง 100,000 ไมล์ (160,000 กม.)), และ HON Circle (สีดำ 600,000 ไมล์ (970,000 กม.) เกณฑ์ในสองปีปฏิทิน) ระดับสถานะของ Miles & More ทั้งหมดที่สูงกว่าสมาชิก Miles & More มอบสิทธิ์การเข้าใช้ห้องรับรองและไมล์โบนัส โดยระดับที่สูงขึ้นจะมอบสิทธิประโยชน์พิเศษมากกว่า[86]

ห้องโดยสาร

ชั้นหนึ่ง

ที่นั่งชั้นหนึ่งบนโบอิง 747-8I

ที่นั่งชั้นหนึ่งของลุฟท์ฮันซ่าจะมีให้บริการบนเครื่องบินระยะไกลส่วนใหญ่ (แอร์บัส เอ340-600 ทุกลำ ส่วนหน้าของชั้นบนของแอร์บัส เอ380 ทุกลำ และส่วนจมูกของดาดฟ้าหลักของโบอิง 747-8 ทุกลำ) แต่ละที่นั่งปรับเป็นเตียงขนาด 2 เมตร (6 ฟุต 7 นิ้ว) พร้อมปลั๊กไฟสำหรับอุปกรณ์ตั้งโต๊ะ และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อความบันเทิง มีบริการอาหารตามความต้องการ ลุฟท์ฮันซามีเคาน์เตอร์เช็คอินสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งโดยเฉพาะในสนามบินส่วนใหญ่ และมีห้องรับรองชั้นหนึ่งโดยเฉพาะในแฟรงก์เฟิร์ตและมิวนิก รวมถึงอาคารผู้โดยสารชั้นหนึ่งโดยเฉพาะในแฟรงก์เฟิร์ต ผู้โดยสารขาเข้ามีตัวเลือกในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสารขาเข้าชั้นหนึ่งของลุฟท์ฮันซ่า

ชั้นธุรกิจ

ที่นั่งชั้นธุรกิจบนโบอิง 747-8I

ที่นั่งชั้นธุรกิจจะมีให้ให้บริการบนเครื่องบินระยะไกลทุกลำ ที่นั่งแปลงเป็นเตียงนอนราบขนาด 2 เมตร (6 ฟุต 7 นิ้ว) และมีปลั๊กไฟสำหรับแล็ปท็อปและเครื่องอำนวยความสะดวกเพื่อความบันเทิง[87] ลุฟท์ฮันซ่ามีเคาน์เตอร์เช็คอินสำหรับชั้นธุรกิจโดยเฉพาะที่สนามบินทุกแห่ง รวมถึงห้องรับรองสำหรับชั้นธุรกิจโดยเฉพาะที่สนามบินส่วนใหญ่ หรือห้องรับรองพิเศษที่สนามบินอื่นๆ รวมถึงห้องรับรองต้อนรับของลุฟท์ฮันซ่าเมื่อเดินทางมาถึงแฟรงก์เฟิร์ต ในปีค.ศ. 2014 ชั้นธุรกิจของเครื่องบินลำตัวกว้างทุกลำมีที่นั่งแบบปรับนอนราบได้[88]

ชั้นประหยัดพรีเมียม

เปิดตัวใน ค.ศ. 2014 ที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมียมของลุฟท์ฮันซาจะมีให้บริการบนเครื่องบินระยะไกลทุกลำ โดยเริ่มด้วยโบอิง 747-8I การออกแบบที่นั่งจะคล้ายกับห้องโดยสารชั้นประหยัดพรีเมียมของแอร์แคนาดา หรือชั้นโดยสารเวิลด์เทรเวลเลอร์พลัส ของบริติชแอร์เวย์ ชั้นประหยัดพรีเมียมมีระยะห่าง 38 นิ้ว (970 มม.) และความกว้างมากกว่าชั้นประหยัดสูงสุด 3 นิ้ว (76 มม.) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเครื่องบิน เบาะนั่งยังมีจอความบันเทิงด้านหลังเบาะนั่งส่วนตัวขนาด 11 หรือ 12 นิ้ว (280 หรือ 300 มม.) และที่วางแขนแยกที่นั่งขนาดใหญ่ขึ้น

ชั้นประหยัด

ที่นั่งชั้นประหยัดบนโบอิง 747-8I

ที่นั่งชั้นประหยัดของลุฟท์ฮันซ่าที่ให้บริการบนเครื่องบินระยะไกล จะมีระยะห่างระหว่างที่นั่ง 31 นิ้ว (790 มม.) ยกเว้นบนแอร์บัส เอ380 ที่จะมีระยะห่างระหว่างที่นั่ง 33 นิ้ว (840 มม.) ผู้โดยสารจะได้รับอาหารและเครื่องดื่มฟรี ทุกที่นั่งจะมีหน้าจอระบบความบันเทิง (Audio-Video-On-Demand; AVOD) ให้บริการ

ห้องรับรองและอาคารผู้โดยสาร

อาคารผู้โดยสารสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต

ลุฟท์ฮันซ่าให้บริการห้องรับรองสี่ประเภทภายในเครือข่าย: ชั้นหนึ่ง, วุฒิสมาชิก, ธุรกิจ และห้องรับรองต้อนรับ ห้องรับรองผู้โดยสารขาออกแต่ละแห่งสามารถเข้าถึงได้ทั้งผ่านชั้นโดยสาร หรือสถานะ Miles and More/Star Alliance; ห้องรับรองถูกจำกัดไว้สำหรับผู้โดยสารระดับพรีเมียมขาเข้าของลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ปและยูไนเต็ดแอร์ไลน์[89]

ลุฟท์ฮันซ่ายังให้บริการอาคารผู้โดยสารชั้นหนึ่งโดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต อาคารผู้โดยสารแห่งนี้มีจำกัดเฉพาะผู้โดยสารชั้นหนึ่ง, ชั้นหนึ่งของลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป และสมาชิก HON Circle ในอาคารผู้โดยสารจะมีร้านอาหารบริการเต็มรูปแบบ บาร์เต็มรูปแบบ ห้องรับรองซิการ์ ห้องพักผ่อน และสำนักงาน รวมทั้งห้องอาบน้ำ ผู้เข้าพักจะถูกขับตรงไปยังเที่ยวบินที่ออกเดินทางโดยรถเมอร์เซเดส เอส-คลาสหรือ วี-คลาส หรือรถพอร์เชอ คาเยนน์ หรือ พานาเมร่า

บริการรถขนส่ง

ลุฟท์ฮันซ่าให้บริการรถบัสจากท่าอากาศยานนูเรมเบิร์กไปยังท่าอากาศยานมิวนิก ซึ่งได้กลับมาให้บริการในค.ศ. 2021 เพื่อแทนที่เที่ยวบินระยะสั้นระหว่างทั้งสองเมือง[90] ลุฟท์ฮันซาเคยให้บริการรถโดยสารจากนูเรมเบิร์กไปยังมิวนิกในปลายทศวรรษ 1990[91]

หมายเหตุ

  1. ลุฟท์ฮันซ่ายังรวม ท่าอากาศยานเบอร์ลินบรันเดินบวร์ค, ท่าอากาศยานดึสเซิลดอร์ฟ, ท่าอากาศยานนานาชาติเวียนนา และ ท่าอากาศยานซือริชเป็นฐานการบิน[1] ฐานการบินเหล่านี้ไม่ได้มีการระบุไว้ เพราะเป็นฐานการบินของ ยูโรวิงส์, ออสเตรียนแอร์ไลน์, และ สวิสอินเตอร์แนชนัลแอร์ไลน์ตามลำดับ ซึ่งเป็นสายการบินในเครือของลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป. ด้วยเหตุผลเดียวกัน จึงไม่มีการระบุฐานการบินของยูโรวิงส์อื่นๆ รวมอยู่ด้วย

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. "Airport information". Lufthansa. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 December 2021. สืบค้นเมื่อ 15 February 2022.
  2. Annual Report 2021 (PDF) (Report). Lufthansa Group. 19 March 2022.{{cite report}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  3. "Lufthansa". Star Alliance. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 July 2014. สืบค้นเมื่อ 5 July 2014. The airlines engaged in the passenger transportation business are Lufthansa German Airlines...
  4. "10 Lufthansa Facts You Should Know". Go Travel Your Way. 12 February 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-08-03. สืบค้นเมื่อ 20 February 2017.
  5. "We hereby invite our shareholders to attend the 51st Annual General Meeting" (PDF). investor-relations.lufthansa.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 14 July 2011. สืบค้นเมื่อ 25 August 2009.
  6. "As Time Flies By". Lufthansa. สืบค้นเมื่อ 19 April 2013.
  7. Starzmann, Maria Theresia (September 2015). "The Materiality of Forced Labor: An Archaeological Exploration of Punishment in Nazi Germany". International Journal of Historical Archaeology. 19 (3): 647–663 – โดยทาง JStor.
  8. 8.0 8.1 "We Call on Luftag". Flight International (5 February 1954): 165. สืบค้นเมื่อ 19 April 2013.
  9. Welle (www.dw.com), Deutsche. "Why Lufthansa reduces its Nazi past to a sidenote | DW | 14.03.2016". DW.COM (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2020-12-25.
  10. Rieger, Tobias (2020-04-13). "Kurt Knipfer". Beamte nationalsozialistischer Reichsministerien (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 2020-12-25.
  11. "A German Airline Again". Flight. 15 April 1955. pp. 472–473. สืบค้นเมื่อ 9 July 2013.
  12. "Die Tabellen-Piloten". Der Spiegel (22/1955): 32–40. 25 May 1955. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2011. สืบค้นเมื่อ 19 April 2013.
  13. Chronik, Lufthansa Group-. "Chronicle". Lufthansa Group - Chronik (ภาษาอังกฤษ).
  14. Bamber, Greg (2009). Up in the air : how airlines can improve performance by engaging their employees. Internet Archive. Ithaca : ILR Press/Cornell University Press. ISBN 978-0-8014-4747-1.
  15. "Lufthansa to Scrap 3,500 Administrative Jobs as Losses Widen". Bloomberg.com (ภาษาอังกฤษ). 2012-05-03. สืบค้นเมื่อ 2022-12-07.
  16. "Lufthansa on course with its SCORE programme - News & Releases - Lufthansa Group". web.archive.org. 2013-10-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-12. สืบค้นเมื่อ 2022-12-07.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  17. "Lufthansa phases out last Boeing 737 after nearly 50 years | Airframes content from ATWOnline". web.archive.org. 2016-10-29. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-10-29. สืบค้นเมื่อ 2022-12-07.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  18. "Lufthansa löst A380-Flotte komplett auf". aero.de (ภาษาเยอรมัน). 2022-04-01.
  19. Eiselin, Stefan (2022-06-30). "Lufthansa prüft, noch mehr Airbus A380 zurückzubringen". aeroTELEGRAPH (ภาษาเยอรมันสูง (สวิส)).
  20. Eiselin, Stefan (2022-06-24). "Lufthansa muss den fünften Stern wieder abgeben". aeroTELEGRAPH (ภาษาเยอรมันสูง (สวิส)).
  21. "All flights diverted from Frankfurt amid Lufthansa IT glitch". AP News (ภาษาอังกฤษ). 2023-02-15.
  22. "Lufthansa: Flights cancelled and delayed after major IT failure". euronews (ภาษาอังกฤษ). 2023-02-15.
  23. "Lufthansa Group reaches agreement on the acquisition of 41 per cent stake in ITA Airways". breakingtravelnews.com. 2023-05-29. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 May 2023. สืบค้นเมื่อ 2023-05-30.
  24. Facebook; Twitter; options, Show more sharing; Facebook; Twitter; LinkedIn; Email; URLCopied!, Copy Link; Print (1986-10-28). "Terrorists Shoot Berlin Official, Bomb Airline". Los Angeles Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). {{cite web}}: |last= มีชื่อเรียกทั่วไป (help)
  25. Ap (1986-10-29). "AROUND THE WORLD; Bomb Rips Offices Of Lufthansa in Cologne". The New York Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 2022-12-06.
  26. maineditor (2014-02-01). "Grundsteinlegung für Lufthansa Verwaltung in Köln". Kfz.net (ภาษาเยอรมัน).
  27. "Lufthansa deepens cuts; to close head office in Cologne | Operations content from ATWOnline". web.archive.org. 2013-05-28. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-09-27. สืบค้นเมื่อ 2022-12-06.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  28. Group, Lufthansa. "Contact person". Lufthansa Group (ภาษาอังกฤษ).
  29. Relations, Lufthansa Group Investor. "Contact person". Lufthansa Group Investor Relations (ภาษาอังกฤษ).
  30. Annual Report 2020 (PDF) (Report). Lufthansa Group. 4 March 2021. Archived (PDF) from the original on 27 November 2021.
  31. "Brussels Airlines sans Eurowings". Site-Trends-FR (ภาษาฝรั่งเศส). 2019-06-26.
  32. Long, Michael (2011-11-01). "German giants sign Samsung extension". SportsPro (ภาษาอังกฤษแบบบริติช).
  33. "Sports sponsorship - Corporate Citizenship - Lufthansa Group". web.archive.org. 2015-04-16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-16. สืบค้นเมื่อ 2022-12-06.
  34. "Lufthansa codeshare partners" เก็บถาวร 2022-12-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Cologne: Lufthansa Group. Retrieved 1 June 2020.
  35. "Lufthansa Group and Star Alliance partners" เก็บถาวร 2023-03-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Cologne: Lufthansa Group. Retrieved 1 June 2020.
  36. "Air Astana and Lufthansa Sign Codeshare Agreement". AviationPros.com. 15 March 2017. สืบค้นเมื่อ 16 March 2017.
  37. Casey, David (17 February 2021). "Lufthansa and airBaltic begin codeshare relationship". Routes. Informa. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 April 2021. สืบค้นเมื่อ 15 February 2022.
  38. Liu, Jim (20 March 2018). "ANA extends Lufthansa codeshares to the Baltics in S18". Routesonline. สืบค้นเมื่อ 20 March 2018.
  39. "Cathay Pacific extend codeshare partnership". businesstraveller.com. 15 Jul 2019. สืบค้นเมื่อ 1 June 2020.
  40. "Etihad and Lufthansa strike code-share deal - The National". 16 December 2016.
  41. Liu, Jim (20 January 2020). "United resumes Lufthansa codeshare to Russia from Feb 2020". Routesonline. สืบค้นเมื่อ 20 January 2020.
  42. "LUFTHANSA / VISTARA BEGINS CODESHARE PARTNERSHIP FROM AUG 2022". Aeroroutes. 23 August 2022.
  43. "Lufthansa Fleet" เก็บถาวร 2022-12-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Lufthansa. Retrieved 6 December 2022.
  44. Group, Lufthansa. "Lufthansa and Regional Partners". Lufthansa Group (ภาษาอังกฤษ).
  45. "Lufthansa Fleet Details and History". www.planespotters.net.
  46. "Seat map Airbus A319-100". Lufthansa. สืบค้นเมื่อ 16 November 2023.
  47. "Seat map Airbus A320-200". Lufthansa. สืบค้นเมื่อ 16 November 2023.
  48. 48.0 48.1 48.2 Airbus Orders and Deliveries (XLS), monthly updated, accessed via "Orders & deliveries". Airbus. Airbus SAS. สืบค้นเมื่อ 18 December 2022.
  49. "Seat map Airbus A320neo". Lufthansa. สืบค้นเมื่อ 16 November 2023.
  50. airbus.com - Lufthansa takes delivery of the world's first Airbus A320neo as launching customer 12 February 2016
  51. aerotelegraph.com - "Brussels allowed to expand with additional A320neos, Austrian not" (German) 16 December 2022
  52. 52.0 52.1 "Seat map of the Airbus A321-100/200". Lufthansa. สืบค้นเมื่อ 16 November 2023.
  53. stern.de (German) 9 March 2018
  54. "Seat map Airbus A321neo". Lufthansa. สืบค้นเมื่อ 16 November 2023.
  55. Wenzel, Nick (4 May 2019). "Lufthansa adds first A321neo to its fleet". International Flight Network (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2019-09-05.
  56. "Seat maps Airbus A330-300". Lufthansa. สืบค้นเมื่อ 16 November 2023.
  57. "Seat maps Airbus A340-300". Lufthansa. สืบค้นเมื่อ 16 November 2023.
  58. airbus.com - Orders and deliveries retrieved 5 May 2022
  59. aerotelegraph.com - "Airbus A340-300 is Lufthansa's 787 backup solution" (German) 4 November 2022
  60. "Seat maps Airbus A340-600". Lufthansa. สืบค้นเมื่อ 16 November 2023.
  61. "Lufthansa to bring back all stored Airbus A340-600s". Aerotime Hub. สืบค้นเมื่อ 5 January 2022.
  62. aerotelegraph.com - "Lufthansa brings back more A340-600s" (German) 4 January 2022
  63. 63.0 63.1 "Seat map of the Airbus A350-900". Lufthansa. สืบค้นเมื่อ 16 November 2023.
  64. 64.0 64.1 64.2 "Lufthansa Group orders 22 latest-generation long-haul aircraft – total list price of 7.5 billion US dollars". Lufthansa (Press release). สืบค้นเมื่อ 2 March 2023.
  65. "Lufthansa takes delivery of its first A350 aircraft". Airbus.com. สืบค้นเมื่อ 21 December 2016.
  66. "Lufthansa Group orders 40 state-of-the-art Boeing 787-9 and Airbus A350-900 long-haul aircraft" (Press release). Lufthansa Group. 19 September 2013. สืบค้นเมื่อ 13 March 2019.
  67. "Lufthansa Group signs contract for four additional Airbus A350-900s". Lufthansa Group (ภาษาอังกฤษ). 23 May 2023. สืบค้นเมื่อ 23 May 2023.
  68. "Seat maps Airbus A380-800". Lufthansa. สืบค้นเมื่อ 16 November 2023.
  69. Flightradar24. "Live Flight Tracker - Real-Time Flight Tracker Map". Flightradar24 (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-07-07.
  70. Flightradar24. "Live Flight Tracker - Real-Time Flight Tracker Map". Flightradar24 (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-07-07.
  71. Flightradar24. "Live Flight Tracker - Real-Time Flight Tracker Map". Flightradar24 (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-07-07.
  72. "Seat maps Boeing 747-400". Lufthansa. สืบค้นเมื่อ 16 November 2023.
  73. "Lufthansa seeks to boost Boeing fleet size to 35% | DUBAI AIRSHOW 2017". www.dubaiairshow.aero (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-14. สืบค้นเมื่อ 2017-09-14. แม่แบบ:Dl
  74. "Seat maps Boeing 747-8". Lufthansa. สืบค้นเมื่อ 16 November 2023.
  75. "747 Model Orders and Deliveries summary" เก็บถาวร 2018-09-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Boeing, December 2019. Retrieved January 27, 2020.
  76. Cha, Frances (30 June 2014). "Aviation milestone as Boeing delivers 747 number 1,500". CNN (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-06-16.
  77. Nowack, Timo (5 May 2022). "777X-Verspätung ist Hoffnungsschimmer für Lufthansas A380". aeroTELEGRAPH (ภาษาเยอรมันสูง (สวิส)). สืบค้นเมื่อ 13 September 2023.
  78. "Lufthansa neemt vervroegd afscheid van deel A380-, A340- en 747-vloot". 7 April 2020.
  79. "Lufthansa Group Selects New 777-8 Freighter, Orders Additional 787s". Boeing Media Room. 9 May 2022.
  80. "Lufthansa takes delivery of its first B787-9". Ch-Aviation. 31 August 2022.
  81. "Lufthansa orders 40 Boeing 787-9 and Airbus A350-900 long-haul planes". Reuters. 13 March 2019.
  82. "Das Rätselraten um die Boeing 787 der Lufthansa-Gruppe" [The guesswork surrounding the Lufthansa Group's Boeing 787]. aerotelegraph.com (ภาษาเยอรมัน). 6 July 2021.
  83. aero.de - "Lufthansa takes over 787 cabins from Hainan Airlines" (German) 23 August 2022
  84. aerotelegraph.com - "Austrian Airlines to receive 10 Boeing 787-9" (German) 19 April 2023
  85. "All partners at a glance". Miles & More. Retrieved 29 July 2019.
  86. "Benefits for frequent flyers compared". Miles & More. Retrieved 29 July 2019.
  87. Nast, Condé (2012-12-11). "Photos: Inside Lufthansa's New Business Class". Condé Nast Traveler (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  88. "Lufthansa unveils new fully-flat business class seat – Business Traveller". web.archive.org. 2020-12-05. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-12-05. สืบค้นเมื่อ 2022-12-06.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  89. "Lounges" เก็บถาวร 2022-02-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Lufthansa. Retrieved 16 February 2022.
  90. "Neuer Service für Lufthansa-Expressbus Nürnberg-München". airliners.de (ภาษาเยอรมัน).
  91. "Lufthansa - Aktuell". web.archive.org. 1996-11-09. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1996-11-09. สืบค้นเมื่อ 2022-12-06.
Kembali kehalaman sebelumnya