สภาปฏิรูปแห่งชาติ
สภาปฏิรูปแห่งชาติ (6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 – 6 กันยายน พ.ศ. 2558) หรือ สปช. เป็นสภาที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มาตรา 27 มีหน้าที่ศึกษาและเสนอแนะเพื่อให้เกิดการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ มีสมาชิกไม่เกิน 250 คน มาจากคณะกรรมการสรรหาจังหวัดจำนวน 77 คน และคณะกรรมการสรรหาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่งตั้ง รวม 11 คณะ จำนวน 173 คน วันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติจำนวน 250 คน ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ในการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติได้เลือกเทียนฉาย กีระนันทน์ เป็นประธาน บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นรองประธานคนที่ 1 และทัศนา บุญทองเป็นรองประธานคนที่ 2[1] และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธาสภาปฏิรูปต่อมาในวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557[2] สภานี้คล้ายกับข้อเรียกร้องของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ในห้วงวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 ที่ให้มีสภาประชาชนมิได้มาจากการเลือกตั้งเพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศโดยมุ่งกำจัดอิทธิพลของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการเมืองไทย[3] 6 กันยายน พ.ศ. 2558 สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติมีมติไม่เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ 135 ต่อ 105 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง[4] โดยหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม สภาได้ถูกยุบลงโดยทันทีตามมาตรา 38 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวแม้ว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ตาม[5] หน้าที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ มีหน้าที่ศึกษาและเสนอแนะเพื่อให้เกิดการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การปกครองท้องถิ่น การศึกษา เศรษฐกิจ พลังงาน สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม สื่อมวลชน สังคม และอื่นๆ เพื่อให้การปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีความเหมาะสมกับสภาพสังคมไทย มีระบบการเลือกตั้งที่สุจริตและเป็นธรรม มีกลไกป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่มีประสิทธิภาพ ขจัดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อการพัฒนา อย่างยั่งยืน ทำให้กลไกของรัฐสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและเป็นธรรม[6] รายนามสมาชิกวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 มีพระบรมราชโองการ ลงวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติจำนวน 250 คน โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ[7] ดังนี้
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ทิชา ณ นคร ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีผลในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2558[18] วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ ยื่นจดหมายลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติเพื่อรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์[19] สื่อข่าววันที่ 21 ตุลาคม ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ว่า สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติไม่ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน เพราะเป็นตำแหน่งทางวิชาการ ไม่ใช่ตำแหน่งการเมือง[20] วันที่ 10 พฤศจิกายน มีการกำหนดค่าตอบแทนให้ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติมีเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 74,420 บาท รองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ เดือนละ 73,420 บาท สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ เดือนละ 71,230 บาท[21] สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2558 มาตรา 39/2 ทำหน้าที่ศึกษาและปฏิรูปทั้ง 11 ด้านสืบต่อจาก สภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่ถูกยุบไปตามมาตรา 39/1 อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิซอร์ซ มีงานต้นฉบับเกี่ยวกับ:
|