อำเภอท่าหลวง
ท่าหลวง เป็นอำเภอตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดลพบุรี ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอท่าหลวงตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง ดังนี้
ประวัติศาสตร์สำหรับที่มาของชื่ออำเภอคาดว่าเกิดจาก เมื่อหลายสิบปีก่อน บริเวณฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ป่าไม้หนาทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้คนจากฝั่งตะวันตกของแม่น้ำป่าสักจะข้ามมาล่าสัตว์และตัดฟืนเป็นประจำ และโดยที่บริเวณป่าทึบเป็นเขตป่าสงวน ชาวบ้านจึงมักเรียกว่า "ป่าหลวง" หมายถึงเป็นป่าของหลวงที่สงวนไว้ ประกอบกับชาวบ้านที่ข้ามมาจากฝั่งตะวันตกของแม่น้ำป่าสักต้องอาศัยเรือแพข้ามมา บริเวณที่ชาวบ้านใช้เรือแพข้ามมาเป็นประจำจึงกลายเป็นท่าข้ามเรือของชาวบ้านไปในที่สุด ซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านในปัจจุบัน จึงเรียกสถานที่นี้ว่า "ท่าหลวง" ต่อมาเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 ได้ตั้งเป็นกิ่งอำเภอขึ้นที่บ้านท่าหลวง หมู่ที่ 4 ตำบลท่าหลวง โดยเกิดจากการรวมตัวของ 4 ตำบลคือ ต.ท่าหลวง ต.ซับจำปา ต.หนองผักแว่น และ ต.แก่งผักกูด[1] และได้มีพระราชกฤษฎีกายกฐานะ กิ่งอำเภอท่าหลวง ขึ้นเป็น อำเภอท่าหลวง ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2532[2] โดยแยก 6 ตำบลออกจากอำเภอชัยบาดาล เนื่องจากพื้นที่ของอำเภอชัยบาดาลเดิมนั้นกว้างขวางมาก ทำให้ทางราชการดูแลได้ไม่ทั่วถึง การแบ่งเขตการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาคอำเภอท่าหลวงแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 ตำบล 45 หมู่บ้าน ได้แก่
การปกครองส่วนท้องถิ่นท้องที่อำเภอท่าหลวงประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 6 แห่ง ได้แก่
เศรษฐกิจอาชีพหลักประชาชนนิยมทำการเกษตรกรรม โดยมีพื้นที่ทำการเกษตรประมาณ 154,368 ไร่หรือประมาณร้อยละ 65 ของพื้นที่ทั้งหมด
อาชีพเสริมอื่นๆได้แก่ ค้าขาย รับจ้าง รับข้าราชการในท้องถิ่น เป็นต้น ธนาคาร
ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อและตลาด
โรงงานอุตสาหกรรม
ปั้มน้ำมัน
สังคมโรงเรียน
โรงพยาบาล และสถานีอนามัย
สถานีตำรวจมีสถานีตำรวจภูธรประจำอ.ท่าหลวง ตั้งอยู่ที่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2256 ต.ท่าหลวง อ.ท่าหลวง และมีป้อมตำรวจชุมชนกระจายอยู่ตามสี่แยกขนาดใหญ่ต่างๆ วัด
ถนนมีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2256 และ หมายเลข 2089 ตัดผ่านเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางเข้าออกตัวอำเภอ แหล่งน้ำสำคัญได้แก่ แม่น้ำป่าสัก เขื่อนป่าสัก คลองพญาไม้ คลองกุ่ม ทะเลวัด เป็นต้น แหล่งท่องเที่ยวน้ำตกวังก้านเหลืองเป็นน้ำตกแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรีที่มีความแตกต่างจากน้ำตกทั่วไปอย่างมาก เพราะน้ำตกโดยทั่วไปต้นน้ำจะอยู่บนภูเขาสูง แต่ของที่นี่กลับมีตาน้ำขนาดใหญ่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก ห่างจากบริเวณน้ำตกประมาณ 1.5 กิโลเมตร โดยธารน้ำตกจะไหลคดเคี้ยวลัดเลาะมาตามทางที่ลาด เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วก็จะมารวมตัวกันที่อ่างน้ำนามว่า 'วังหว้าง' ซึ่งมีสันหินปูนขวางกั้นอยู่ จากนั้นสายน้ำที่เอ่อมาจากต้นน้ำก็จะไหลลงไปปะทะกับหินผา ทำให้เกิดเป็นน้ำตกกว้างกว่า 20 เมตร ลดหลั่นกันไปเป็นชั้นๆ นับได้ไม่ต่ำกว่า 10 ชั้น เกิดเป็นภาพสวยงามตระการตา โดยน้ำจะไหลเป็นทางยาวกว่า 3 กิโลเมตรแล้วไปบรรจบกันที่แม่น้ำป่าสัก นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ก็มีความร่มรื่นจากต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นปกคลุม และยังพบหินงอก หินย้อย เกิดขึ้นหลายแห่ง ซึ่งหินบริเวณน้ำตกจะมีลักษณะพิเศษคือไม่ลื่น สามารถเดินผ่านไปมาได้สะดวก และอีกความน่าสนใจของน้ำตกแห่งนี้คือมีน้ำไหลแรงตลอดทั้งปี[3] นอกจากนี้ภายในน้ำตกยังมีสะพานแขวนทอดยาวผ่านน้ำตก เป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในจังหวัดลพบุรี ด้วยความยาวถึง 66 เมตร สำหรับใช้เป็นทางเดินข้ามน้ำตกระหว่างฝั่งอำเภอชัยบาดาลกับอำเภอท่าหลวง สะพานแขวนเป็นอีกหนึ่งสถานที่ถ่ายภาพที่สวยงามและเป็นที่นิยมในการแวะเที่ยวของน้ำตกวังก้านเหลือง และภายในน้ำตกยังมีร้านค้า ร้านอาหารต่างๆอีกมากมายที่พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย[4] เมืองโบราณซับจำปาเมืองโบราณซับจำปา เป็นเมืองโบราณยุคทวารวดี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของป่าจำปีสิรินธร จากร่องรอยคูน้ำคันดินและหลักฐานโบราณวัตถุที่พบทั่วไป ในแถบอำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี ถือว่าเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่อีกแห่งของยุคทวารวดี และสิ่งที่อยู่คู่กับเมืองโบราณ คือ ป่าจำปีสิรินธร จำปีสายพันธุ์ใหม่ของโลกที่พบเฉพาะในพื้นที่นี้เท่านั้น[5] ลักษณะรูปร่างเมืองโบราณซับจำปา เป็นมีคูน้ำกว้างลึก และมีคันดินกำแพงสูงล้อมรอบเมือง ผังเมืองเป็นรูป "วงกลมรีคล้ายรูปหัวใจ" เมืองชนิดไม่มีรูปแบบหรือเป็นรูปอิสระ วัดขนาดความกว้างจากทิศเหนือไปทิศใต้ 834 เมตร จากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกประมาณ 704 เมตร เมืองนี้มีกำแพงดินสูง 2 ชั้น มีคูเมืองลึก ตรงกลางกำแพงเป็นดินอัดแน่นสูงประมาณ 10 เมตร จากพื้นคูเมือง คูเมืองกว้างประมาณ 16 เมตร ภายในเมืองมีเนินดิน 3 เนินมีเศษอิฐซึ่งเข้าใจว่าเป็นซากโบราณสถาน นอกเมืองมีสระน้ำ 1 สระ สิ่งที่พบเป็นหลักฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์อายุกว่า 3,000 ปี ได้แก่ กำไลหิน แกนกำไลทำด้วยหินมาร์ล เศษภาชนะดินเผา และของยุคสมัยทวารวดีได้แก่ ชิ้นส่วนพระพุทธรูป ประติมากรรมรูปกวางหมอบ ชิ้นส่วนธรรมจักร ตุ๊กตาดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องประดับที่เป็นโลหะสัมฤทธิ์ จารึก 5 ชิ้น เส้นทางเข้าสู่เมืองซับจำปา ฯลฯ[6] ป่าจำปีสิรินธรป่าจำปีสิรินธร อยู่ในความดูแลโดยกรมป่าไม้และจัดให้ ป่าจำปีสิรินธร แห่งนี้เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ โดยสร้างทางเดินแบบ คอนกรีตยกพื้น ความยาวกว่า 1,200 เมตร ตลอดทางเดินจะพบกับต้น จำปีขนาดใหญ่ จะมีจุดต่างๆ ประมาณ 12 จุด ที่จะให้ความรู้ควบคู่กันไป จำปีสิรินธร (ชื่อวิทยาศาสตร์: Magnolia sirindhorniae Noot & Chalermglin) เป็นพรรณไม้จำปี ที่มีอยู่แห่งเดียวในโลกพบได้ที่ป่าพุชุมชน ต.ซับจำปา อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี ค้นพบโดย ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น นักวิชาการ 10 สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ลักษณะเด่นของ จำปีสิรินธร คือเป็นพืชเฉพาะถิ่นของไทย (Endemic to Thailand) คือมีขึ้นอยู่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น และมีขึ้นอยู่เฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำหรือในป่าพุน้ำจืดที่มีน้ำพุไหลผ่านตลอดเวลา เท่านั้น แตกต่างจากจำปีทั่วไปที่ต้นไม่สูงและไม่ชอบน้ำ จัดเป็นพรรณไม้ที่มีความเก่าแก่ ดึกดำบรรพ์ที่สุด ในหมู่ของไม้ดอกที่มีอยู่ในยุคปัจจุบัน มีวิวัฒนาการในการปรับตัวต่ำที่สุด จึงเป็นพรรณไม้ที่มีโอกาสสูญพันธุ์ในสภาพธรรมชาติได้มากที่สุด สมัยก่อนเนื่องจาก ต้นไม้ชนิดนี้มีลำต้นสูงคือ 20-30 เมตร ดังนั้นเวลาออกดอก ชาวบ้านมักไม่ค่อยได้เห็นดอกสดๆกัน จะเห็นก็แต่ดอกที่แก่และหลุดล่วงลงมาแล้ว ซึ่งดอกที่แก่จะมีสีเหลืองเหมือนดอกจำปา จึงทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่าเป็นต้นจำปา จึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า หมู่บ้านซับจำปา ซึ่งหมายถึง พื้นที่ที่มีน้ำและต้นจำปาขึ้นอยู่[7] อ้างอิง
|