กรุณา กุศลาสัย
กรุณา กุศลาสัย (10 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 - 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552) เป็นนักเขียนบทความและสารคดี เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาฮินดี ภาษาสันสกฤต และภารตวิทยา กรุณาได้รับรางวัลศรีบูรพาปี พ.ศ. 2538, รางวัลนราธิปปี พ.ศ. 2544 และได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2546 ผลงานที่มีชื่อเสียงคือผลงานแปลกวีนิพนธ์ "คีตาญชลี" ของรพินทรนาถ ฐากูร และอัตชีวประวัติ ชื่อเรื่อง "ชีวิตที่เลือกไม่ได้" ประวัติกรุณา กุศลาสัย เดิมชื่อ นายกิมฮง แซ่โค้ว [1] เกิดในเรือกระแชง หน้าวัดตะแบก ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ บิดามารดามีเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว มีอาชีพค้าขายทางเรือ แต่เสียชีวิตเมื่อกรุณายังเด็ก จึงเติบมาโดยการเลี้ยงดูของน้าสาว เมื่อน้าสาวเสียชีวิตจึงได้ไปบวชเป็นสามเณร เมื่อ พ.ศ. 2476 เมื่ออายุ 13 ปี ในโครงการ "พระภิกษุสามเณรใจสิงห์" ของพระโลกนาถ พระสงฆ์ชาวอิตาลี เพื่อนำภิกษุสามเณรจากประเทศไทย พม่า ศรีลังกา ไปศึกษาอบรมที่ประเทศอินเดีย กรุณามีโอกาสได้ศึกษาภาษาฮินดี ภาษาสันสกฤต และภาษาอังกฤษจนเชี่ยวชาญ สอบภาษาฮินดีได้ที่ 1 ของอินเดีย ได้รับทุนการศึกษาจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เมื่ออายุเพียง 18 ปี [2] และเริ่มเขียนข่าวและบทความ ส่งมาตีพิมพ์ในประเทศไทย ในวารสาร ธรรมจักษุ พุทธศาสนา และ ประชาชาติ ใช้นามปากกา "สามเณรไทยในสารนาถ" จากนั้นได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยวิศวภารติในเมืองศานตินิเกตัน รัฐเบงกอลตะวันออก เมื่อ พ.ศ. 2482 เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง สามเณรกรุณาถูกจับเป็นเชลยศึก เนื่องจากเป็นพลเมืองไทยซึ่งเป็นประเทศคู่สงครามกับอังกฤษในฐานะบริติชราช และถูกจองจำในค่ายกักกันที่นิวเดลีพร้อมทั้งพระโลกนาถและเฟื้อ หริพิทักษ์ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ในขณะนั้น กรุณาได้ลาสิกขาบท และพบรักกับโยโกะ โมริโมโตะ เชลยชาวญี่ปุ่นในค่ายเดียวกัน แต่ทั้งคู่ได้แยกจากกันหลังสงครามสงบ [3] หลังสงคราม กรุณาเดินทางกลับประเทศไทย โดยไม่ศึกษาต่อให้จบ และทำงานเป็นครูสอนภาษาสันสกฤตและภาษาไทย ที่อาศรมวัฒนธรรมไทย–ภารต จากนั้นได้เป็นล่าม พนักงานแปล และเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ประจำสถานกงสุลอินเดีย (ต่อมาเป็นสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย) และเป็นผู้บรรยายวิชาธรรมภาคภาษาอังกฤษ ที่มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ขณะทำงานอยู่ที่สถานทูตอินเดีย กรุณา กุศลาศัย เคยเป็นผู้แทนของรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม เพื่อเดินทางไปสร้างความสัมพันธ์กับประเทศจีน และเมื่อทำงานหนังสือพิมพ์ก็ได้เดินทางไปกับคณะผู้แทนการค้า ร่วมคณะกับสุวัฒน์ วรดิลก, กุหลาบ สายประดิษฐ์ และเพ็ญศรี พุ่มชูศรี แต่ครั้งหลัง เมื่อเดินทางกลับมาในปี พ.ศ. 2501 ภายหลังจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ทำการรัฐประหารในปีนั้น กรุณาถูกจับและคุมขังที่เรือนจำลาดยาว ด้วยข้อหามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พร้อมกับสังข์ พัธโนทัย และอารีย์ ภิรมย์ กรุณาต้องติดคุกอยู่เป็นเวลา 9 ปี จึงได้รับอิสรภาพ หลังจากล้มป่วยด้วยอาการทางสมอง และศาลอนุญาตให้ประกันตัว เพื่อไปรักษาตัวที่บ้าน และได้รับการถอนฟ้อง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2512 [3] กรุณา กุศลาศัย สมรสกับ เรืองอุไร กุศลาสัย (สกุลเดิม: หิญชีระนันท์) เมื่อ พ.ศ. 2492 และเริ่มสร้างผลงานร่วมกันในนามปากการ่วม "กรุณา-เรืองอุไร กุศลาสัย" กรุณา กุศลาศัย ล้มป่วยด้วยโรคพาร์คินสัน และมีอาการของโรคสมองเสื่อม [4] จนกระทั่งเสียชีวิตด้วยอาการอันสงบ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลาประมาณ 17.00 น. สิริอายุ 89 ปี โดยบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาให้กับภาควิชากายวิภาคศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช รวมถึงได้กำชับไม่ให้นำร่างขนย้ายมาประกอบพิธีศพแต่ให้ใช้รูปถ่ายตนตั้งแทนหีบศพและไม่ให้พิธียาวเกิน 3 วัน และได้ขอให้ลงแจ้งความข่าวการเสียชีวิตในหนังสือพิมพ์รายวันเป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน ทั้งหมดนี้กรุณาระบุไว้ในจดหมายที่ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2529 ผลงานหนังสือผลงานชิ้นสำคัญ เช่น
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|