ศรีสะเกษ ศ.รุ่งวิสัย
ศรีสะเกษ ศ.รุ่งวิสัย หรือ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น มีชื่อจริงว่า สิบตำรวจตรี วิศักดิ์ศิลป์ วังเอก เป็นอดีตแชมป์โลกของสภามวยโลก (WBC) ชาวไทยในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท (115 ปอนด์) 2 สมัย ในกลางปี พ.ศ. 2560 เว็บไซต์บ็อกเรกดอตคอมได้ยกให้เป็นนักมวยชาวเอเชียอันดับ 1 และเป็นนักมวยอันดับ 5 ของโลก เมื่อเทียบกันรุ่นต่อรุ่น[1] อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากเดอะริงให้เป็นแชมป์โลกในรุ่นเดียวกัน[2] ประวัติชีวิตช่วงต้นศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น มีชื่อจริงว่า วิศักดิ์ศิลป์ วังเอก มีชื่อเล่นว่า "ตั้ม" แต่เพื่อน ๆ นิยมเรียกว่า "แหลม" ตามลักษณะของใบหน้า เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2529 ที่ตำบลแต้ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ในครอบครัวนักมวย ที่มีปู่, พ่อ และอา ล้วนแต่เป็นนักมวยทั้งสิ้น โดยเป็นลูกชายคนโตในจำนวนลูกชายทั้งหมด 3 คน ของนายเจียมศักดิ์ และนางหนูรัตน์ วังเอก ซึ่งลูก ๆ ทุกคนก็ล้วนแต่เป็นนักมวยทั้งหมด ศรีสะเกษ ศ.รุ่งวิสัย จบการศึกษาระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนบ้านแต้ (ประชาบำรุง) ระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนจตุรภูมิพิทยาคาร ระดับเทียบเท่าระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้อำเภออุทุมพรพิสัย (สกร.) จังหวัดศรีสะเกษ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา และได้รับบรรจุเข้าเป็นข้าราชการตำรวจ สังกัดตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ในอัตราชั้นยศ สิบตำรวจตรี (ส.ต.ต)[3] ศรีสะเกษเคยชกมวยไทยมาก่อนตั้งแต่อายุได้ 15 ปี ในละแวกบ้าน ใช้ชื่อว่า "ซูเปอร์เล็ก ศิษย์ประเทือง" ได้ค่าตัวครั้งแรก 1,000 บาท แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จากนั้นเมื่อตัดสินใจมุ่งหน้าเดินทางเข้ามาแสวงโชคที่กรุงเทพมหานคร ก็ได้ใช้ชื่อว่า "วรวุฒิ ว.ป.ศรีสะเกษ" และ "วรวุฒิ ศิษย์ทรายทอง" ในสังกัดศิษย์ทรายทอง ก่อนจะหันมาชกมวยสากลอาชีพในปี พ.ศ. 2552 ด้วยการเดินทางไปชกที่ประเทศญี่ปุ่น โดยพบกับ อากิระ ยาเองาชิ นักมวยเจ้าถิ่น ซึ่งศรีสะเกษเป็นฝ่ายแพ้น็อกไปในยกที่ 3 จากกำหนดทั้งหมด 8 ยก ซึ่งต่อมายาเองาชิ ยังได้เป็นแชมป์โลกของสมาคมมวยโลก (WBA)ในรุ่นมินิมัมเวท (105 ปอนด์) และแชมป์โลกของสภามวยโลก รุ่นฟลายเวท (112 ปอนด์) จากนั้น ศรีสะเกษได้เข้าสู่สังกัด นครหลวงโปรโมชั่น ของสุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ โดยมีผู้สนับสนุนหลัก คือ ศรีสุข รุ่งวิสัย สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จังหวัดศรีสะเกษ จึงได้รับการสร้างสรรค์อย่างแท้จริง โดยได้แชมป์ของสภามวยโลกเอเชีย (WBC ASIA)ในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท ในปี พ.ศ. 2554 จากนั้นจึงป้องกันตำแหน่งไว้ได้ทั้งหมด 3 ครั้ง สลับกับการชกอุ่นเครื่องธรรมดา ทำสถิติชนะน็อกรวด 17 ครั้ง และได้ครองแชมป์ WBC เอเชียรุ่นซูเปอร์ฟลายเวทเมื่อ พ.ศ. 2554 แชมป์โลกสมัยแรกจนกระทั่ง สุริยัน ศ.รุ่งวิสัย นักมวยในสังกัดนครหลวงโปรโมชั่น ได้เสียแชมป์โลกของสภามวยโลก ในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท ให้กับ โยตะ ซาโต นักมวยชาวญี่ปุ่นถึงถิ่นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 ทางต้นสังกัดจึงได้หมายมั่นให้ศรีสะเกษขึ้นชิงแชมป์โลกในรุ่นนี้แทนด้วยสัญญาที่มีไว้ผูกพันกับทางซาโต จึงทำให้ซาโตหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มาเดินทางมาป้องกันตำแหน่งถึงในประเทศไทย[4]เมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 ศรีสะเกษ ศ.รุ่งวิสัย สามารถเอาชนะทีเคโอ โยตะ ซาโต ไปได้ในต้นยกที่ 8 เมื่อกรรมการห้ามบนเวทีชาวอิตาเลียนได้ยุติการชก ด้วยเวลา 1.23 นาที หลังจากยกที่ 7 ในช่วงกลางยกถึงปลายยกเป็นฝ่ายไล่ชกซาโตอยู่ข้างเดียว ทำให้ศรีสะเกษได้เป็นแชมป์โลกไปในทันที ซึ่งก่อนหน้านั้นการชกก็เป็นไปในลักษณะนี้อยู่แล้ว โดยที่ซาโตนาน ๆ ที จึงจะออกหมัดสวนมาครั้งหนึ่ง ซึ่งก่อนการชกนั้นทางศรีสะเกษได้วางแผนการชกให้ศรีสะเกษเป็นฝ่ายเดินบุกอัดลำตัวของซาโต มาตั้งแต่ยกต้น ๆ[5][6] ศรีสะเกษป้องกันตำแหน่งไว้ได้ 1 ครั้ง ก่อนจะมาป้องกันตำแหน่งกับ การ์โลส กัวดรัส ผลปรากฏว่า ศรีสะเกษเป็นฝ่ายแพ้คะแนนโดยเทคนิคในต้นยกที่ 8 เมื่อศีรษะของทั้งคู่ชนกัน และทำให้กัวดรัสมีแผลแตกฉกรรจ์เหนือคิ้วซ้ายจนไม่สามารถชกต่อได้ ทำให้มีการรวมคะแนนกัน ปรากฏว่าศรีสะเกษเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปเป็นเอกฉันท์ 78-73, 77-74 และ 77-75 แม้ในยกต้น ๆ ศรีสะเกษจะเป็นฝ่ายโดนหมัดของกัวดรัสเข้าไปมาก แต่ในยกที่ 6 และ 7 ศรีสะเกษเป็นฝ่ายเดินไล่อัดลำตัวกัวดรัสจนออกอาการชัดเจนเกือบจะทิ้งตัวนอนลงบนพื้นเวที และสามารถจะพลิกเกมมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่แล้ว[7] แชมป์โลกสมัยที่สองอีกเกือบ 3 ปีต่อมา ศรีสะเกษจึงได้ขึ้นชิงแชมป์โลกครั้งที่ 2 ในรุ่นเดิมและสถาบันเดิม กับ โรมัน กอนซาเลซ แชมป์โลกชาวนิการากัว ที่เมดิสันสแควร์การ์เดน นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 ในฐานะรองแชมป์โลก WBC อันดับ 1 ซึ่งการชกครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ของวงการมวยโลกของไทย เนื่องจากกอนซาเลซเป็นแชมป์โลกมาแล้วถึง 4 รุ่น และเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดในโลกเมื่อเทียบกันรุ่นต่อรุ่น เป็นนักมวยที่ไม่เคยแพ้หรือเสมอใครอีกด้วย อีกทั้งยังทำให้ศรีสะเกษได้เป็นนักมวยไทยคนแรกด้วยที่ชนะในการขึ้นชกที่นี่ ก่อนการชกได้มีอัตราต่อรองออกมาให้ศรีสะเกษเป็นรองถึง 14-1 และมองว่าศรีสะเกษไม่น่าจะสู้กับกอนซาเลซได้เกิน 5 ยก แต่ผลการชกปรากฏว่า ศรีสะเกษสามารถเอาชนะกอนซาเลซไปได้อย่างไม่เอกฉันท์ด้วยคะแนน 113-113, กับ 114-112 ทั้ง 2 เสียง ซึ่งการชกศรีสะเกษเป็นฝ่ายได้นับ 8 กอนซาเลซในยกแรกด้วยหมัดขวาเข้าที่สีข้าง และในยกที่ 3 กอนซาเลซเกิดแผลแตกที่หางคิ้วขวา เลือดไหลนองหน้า กรรมการห้ามบนเวทีได้ตัดคะแนนศรีสะเกษในยกที่ 6 ในเรื่องการใช้ศีรษะชน ซึ่งก่อนหน้านั้นได้เตือนมาแล้ว 2 ครั้ง[8] และในการป้องกันตำแหน่งสมัยที่ 2 ครั้งแรก กับคู่ปรับเก่า โรมัน กอนซาเลซ ที่ดิกนีตี เฮลท์ สปอร์ต พาร์ก คาร์สัน แคลิฟอร์เนีย ศรีสะเกษซึ่งเตรียมตัวในการชกมาดีกว่าครั้งแรก โดยมีเวลาซ้อมนานถึง 4 เดือน เป็นฝ่ายชนะทีเคโอยก 4 ไปอย่างสิ้นสงสัย โดยสามารถชกกอนซาเลซลงไปให้กรรมการนับ 8 ได้ก่อนในช่วงต้นยกด้วยหมัดฮุกขวา จากนั้นจึงเข้าแลกหมัดและน็อกอย่างเด็ดขาดด้วยหมัดฮุกขวา คราวนี้เมื่อกอนซาเลซล้มลงนอนแผ่กับพื้นเวที กรรมการโบกมือยุติการชกลงทันทีโดยไม่มีการนับเลย และหลังจากการชกครั้งนี้เสร็จ เว็บไซต์บ็อกเรกดอตคอมได้ยกให้เป็นนักมวยชาวเอเชียอันดับ 1 และเป็นนักมวยอันดับ 5 ของโลก เมื่อเทียบกันรุ่นต่อรุ่น ซึ่งเหนือกว่าแมนนี ปาเกียว ซูเปอร์สตาร์มวยโลกชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นแชมป์โลก 8 รุ่นคนแรกของโลก[1] ในการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 3 ศรีสะเกษสามารถเอาชนะ ฆวน ฟรันซิสโก เอสตราดา ผู้ท้าชิงรองแชมป์โลก WBC อันดับ 1 ในการชกภาคบังคับ ซึ่งเป็นอดีตแชมป์โลกชาวเม็กซิโกไปได้ ด้วยคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 114-114, 115-113, 117-111 ที่เดอะฟอรัม อิงเกลวูด แคลิฟอร์เนีย และได้รับการสถาปนาให้เป็นแชมป์โลกของเดอะริงอีกด้วย[2] ชีวิตส่วนตัวชีวิตส่วนตัว ศรีสะเกษเคยมีภรรยา คือ พัชรีวรรณ กัณหา (ชื่อเล่น: เก๋) โดยอยู่กินกันโดยไม่ได้มีพิธีสมรส[9] โดยในระยะแรกที่เดินทางเข้ามากรุงเทพมหานคร ศรีสะเกษรวมทั้งภรรยามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากมากด้วยความยากจน ตัวศรีสะเกษเองก็เคยผ่านอาชีพมาแล้วหลากหลาย ทั้งพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) หรือแม้กระทั่งเก็บขยะขาย หรือต้องคุ้ยหาอาหารในกองขยะ[10] และหลังจากได้แชมป์โลกในครั้งที่สอง ศรีสะเกษได้รับการบรรจุเข้ารับราชการตำรวจในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ อันเป็นบ้านเกิด[3] เกียรติประวัติ
รางวัลอื่นๆ
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น |