สโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลา
สโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลา (อังกฤษ: Aston Villa Football Club) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า วิลลา เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพตั้งอยู่ที่ แอสตัน, เบอร์มิงแฮม, อังกฤษ ปัจจุบันแข่งขันอยู่ในพรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของระบบลีกฟุตบอลอังกฤษ ก่อตั้งใน ค.ศ. 1874 และใช้วิลลาพาร์กเป็นสนามเหย้าตั้งแต่ ค.ศ. 1897 แอสตันวิลลาเป็นหนึ่งในสโมสรที่เก่าแก่ที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษ โดยชนะเลิศฟุตบอลลีกดิวิชัน 1 7 สมัย, เอฟเอคัพ 7 สมัย, ลีกคัพ 5 สมัย, ยูโรเปียนคัพและยูโรเปียนซูเปอร์คัพอย่างละหนึ่งสมัย แอสตันวิลลาเป็นสโมสรชั้นนำของอังกฤษตั้งแต่ทศวรรษ 1880 โดยมีชื่อเสียงจากการผ่านบอลสั้นและรวดเร็วภายใต้การนำของ จอร์จ แรมซีย์ ชาวสกอต เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลอาชีพคนแรกของโลกใน ค.ศ. 1886 สโมสรมีอิทธิพลต่อการก้าวไปสู่ความเป็นมืออาชีพของกีฬาใน ค.ศ. 1885 และ วิลเลียม แม็คเกรเกอร์ ผู้อำนวยการวิลลา เขาเป็นผู้ก่อตั้งฟุตบอลลีกครั้งแรกของโลกใน ค.ศ. 1888[3][4][5][6] จอร์จ แรมซีย์ คว้าแชมป์ลีกแชมเปียนชิพ 6 สมัย และเอฟเอคัพ 6 สมัย ทำให้แอสตันวิลลาเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษตั้งแต่ทศวรรษ 1890 จนถึงทศวรรษ 1960 วิลลาทำประตูได้ 128 ประตูในฤดูกาล 1930–31 ซึ่งยังคงเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาล[7] อย่างไรก็ตาม ผลงานของสโมสรเริ่มตกลงเป็นครั้งแรกในช่วงกลางทศวรรษ 1930 ต่อมาในทศวรรษ 1940 และ 50 โดยทั่วไปเป็นช่วงเวลาธรรมดา ตามด้วยผลงานของสโมสรที่ตกลงอย่างมากในทศวรรษ 1960 ซึ่งนำไปสู่การเข้าครอบครองสโมสรโดย ดัก เอลลิส ใน ค.ศ. 1968 และการตกชั้นครั้งแรกและครั้งเดียวของวิลลาไปสู่ระดับที่สามของฟุตบอลอังกฤษในฤดูกาล 1969–70 วิลลากลับสู่ลีกระดับบนอีกครั้งตั้งแต่กลางทศวรรษ 1970 โดยผู้จัดการทีม รอน ซอนเดอส์ ซึ่งนำสโมสรชนะเลิศแชมป์ลีกสูงสุดครั้งที่ 7 ในฤดูกาล 1980–81 พวกเขากลายเป็นสโมสรที่สี่ของอังกฤษที่ชนะเลิศยูโรเปียนคัพใน ฤดูกาล 1981–82 ตามมาด้วยยูโรเปียนซูเปอร์คัพใน ค.ศ. 1982 แอสตันวิลลาเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งพรีเมียร์ลีกใน ค.ศ. 1992 หนึ่งในสามสโมสรที่เป็นสมาชิกก่อตั้งของทั้งฟุตบอลลีกและพรีเมียร์ลีก สโมสรเข้าไปแข่งขันในรายการฟุตบอลยุโรปเป็นประจำในทศวรรษ 1990 แต่หลังจากนั้นสโมสรต้องดิ้นรนเพื่อแข่งขันกับสโมสรชั้นนำที่มีการใช้จ่ายในระดับสูง ดัก เอลลิส ได้ขายหุ้นของเขาในสโมสรให้กับมหาเศรษฐีชาวอเมริกา แรนดี เลิร์นเนอร์ ซึ่งความเป็นเจ้าของสโมสรสิ้นสุดลงด้วยด้วยการตกชั้นครั้งแรกและครั้งเดียวของวิลลาจากพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015–16 สโมสรกลับสู่พรีเมียร์ลีกในปี ค.ศ. 2019 แอสตันวิลลาใช้เวลาอยู่บนลีกสูงสุด 110 ฤดูกาล เป็นสถิติสูงสุดอันดับที่สองของสโมสรใด ๆ และให้นักเตะกับทีมชาติอังกฤษ 77 คน เป็นสถิติสูงสุดอันดับที่สองของสโมสรใด ๆ เช่นกัน ปัจจุบันแอสตันวิลลาอยู่ในอันดับที่ 5 ของตารางลีกสูงสุดตลอดกาลของอังกฤษนับตั้งแต่ก่อตั้งใน ค.ศ. 1888[8] วิลลาเป็นสโมสรประสบความสำเร็จมากที่สุดอันดับที่ 7 ในฟุตบอลอังกฤษจากการแข่งขันที่ได้รับรางวัล วิลล่ามีการแข่งขันท้องถิ่นที่ดุเดือดกับ เบอร์มิงแฮมซิตี เรียกว่า เซคันด์ซิตีดาร์บี โดยแข่งขันตั้งแต่ ค.ศ. 1879[9] นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันในท้องถิ่นกับ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน เรียกว่า เวสต์มิดแลนส์ดาร์บี สีชุดการแข่งขันดั้งเดิมของแอสตันวิลลาคือ เสื้อสีม่วงแดง, แขนเสื้อสีฟ้า, กางเกงขาสั้นสีขาวและถุงเท้าสีมอคราม ตราสโมสรแบบดั้งเดิมเป็นรูปสิงโตยืนผงาด[10][11] ปัจจุบัน กลุ่มเอ็นเอสดับเบิลยูอีเป็นเจ้าของสโมสร ซึ่งเป็นบริษัทของมหาเศรษฐีชาวอียิปต์ นัสเซฟ ซาวิริส และมหาเศรษฐีชาวอเมริกา เวส เอเดนส์ ประวัติสโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลาก่อตั้งในปี ค.ศ. 1874 ในกลางเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 พอล แลมเบิร์ต ถูกปลดออกตำแหน่งผู้จัดการทีมหลังจากมีผลงานที่ย่ำแย่ ชนะเพียง 5 นัด จาก 25 นัด ในลีก[12] และต่อมา ทิม เชอร์วูด ถูกแต่งตั้งขึ้นมา ซึ่งเชอร์วูดสามารถทำให้สโมสรรอดพ้นจากการตกชั้นไปได้ และเข้าชิงเอฟเอคัพ แม้จะเป็นฝ่ายแพ้ไปก็ตาม แต่ต่อมาในปลายเดือนตุลาคม ปีเดียวกัน จากผลงานที่ย่ำแย่ในลีก 10 นัด ชนะเพียงนัดเดียว ทำให้เชอร์วูดก็ถูกปลดออกไป[13] และเป็นเรมี การ์เด อดีตกองหลังชาวฝรั่งเศสของอาร์เซนอลเข้ามาเป็นผู้จัดการแทน[14] แต่ต่อมาไม่นานก็ถูกปลด และก่อนจะสิ้นฤดูกาลไม่นาน เหลือการแข่งขันอีก 4 นัด แต่ทว่าแอสตันวิลลากลับต้องตกชั้นสู่ลีกแชมเปียนชิป เนื่องจากมีคะแนนห่างจากนอริชซิตี สโมสรที่อยู่อันดับ 17 ซึ่งจะเป็นสโมสรสุดท้ายที่จะไม่ตกชั้นถึง 15 คะแนน ซึ่งไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่รอดพ้นการตกชั้นไปได้ หลังจากแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ไป 1-0 ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด นับการเป็นตกชั้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร หลังจากลีกสูงสุดของอังกฤษเปลี่ยนชื่อจากดิวิชัน 1 มาเป็นพรีเมียร์ลีก[15] หลังจากตกชั้นไปแล้ว แอสตันวิลลาได้ถูกซื้อกิจการจากกลุ่มทุนจากจีน โดยแรนดี เลอร์เนอร์ ประธานสโมสรได้ขายกิจการให้กับเรคคอนกรุ๊ป ซึ่งมีโทนี เจียงตง เซียะ นักธุรกิจชาวจีนเป็นเจ้าของ คาดว่าราคาน่าจะอยู่ที่ 60-70 ล้านปอนด์ (ราว 3,120-3,640 ล้านบาท)[16] ผู้เล่นผู้เล่นชุดปัจจุบันหมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
ผู้เล่นที่ถูกยืมตัวหมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
เกียรติประวัติ
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|