ฟีลีปี โกชิญญู
ฟีลีปี โกชิญญู โกเรย์ยา (โปรตุเกส: Philippe Coutinho Correia, ออกเสียง: [fiˈlipi ko(w)ˈtʃĩɲu]; เกิดวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1992) เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล ปัจจุบันเล่นให้สโมสรกีฬา วัชกู ดา กามา โดยยืมตัวจากแอสตันวิลลา และเล่นให้ทีมชาติบราซิล โดยสามารถเล่นได้ทั้งในตำแหน่งกองกลางตัวรุกและปีกซ้าย โกชิญญูถูกเรียกติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่และลงเล่นนัดแรกในปี ค.ศ. 2010 ก่อนที่จะถูกเรียกตัวชุดลุยศึกโกปาอาเมริกา 2015 ชีวิตช่วงต้นโกชิญญูเป็นบุตรชายคนที่สามและคนสุดท้องของ Esmeralda Coutinho กับ José Carlos Correia สถาปนิก โดยเกิดในวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1992 ที่ริโอเดจาเนโร[4] เขาเติบโตในย่าน Rocha ทางตอนเหนือของริโอระหว่างชุมชนแออัดเก่าและโกดังสินค้าอุตสาหกรรม[5][6] สโมสรอาชีพ
อัสปัญญ็อล (ยืมตัว)ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2012 โกชิญญูได้ย้ายไปร่วมทีมอัสปัญญ็อลด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล 2011-12 ต่อมา ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 โกชิญญูลงเล่นนัดแรกให้กับอัสปัญญ็อล ในนัดที่ อัสปัญญ็อล เสมอกับ อัตเลติกเดบิลบาโอ 3-3 ลิเวอร์พูลในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ย้ายจากอินเตอร์มิลานมาอยู่กับลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 8.5 ล้านปอนด์ โดยโกชิญญูได้สวมเสื้อหมายเลข 10[7] ฤดูกาล 2012-13ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรก โดยโกชิญญูถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ พ่ายแพ้ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน คาบ้าน 0-2[8] ต่อมา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกและทำประตูแรกให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 5-0[9] ต่อมา ในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้จ่ายบอลให้เพื่อนทำ 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วีแกนแอธเลติก ที่ ดีดับเบิลยูสเตเดียม 4-0 ต่อมา ในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ทำประตูตีไข่แตกให้ ลิเวอร์พูล ไล่ เซาแทมป์ตัน มาเป็น 1-2 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-3 ต่อมา ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 นัดสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ เอาชนะ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ 1-0 จบฤดูกาล โกชิญญูยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 3 ประตู จาก 13 นัด และได้จ่ายบอลให้เพื่อนทำประตู ได้ถึง 7 ลูก ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทำให้ โกชิญญู ได้รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสโมสรลิเวอร์พูลประจำฤดูกาล 2012-13 ไปครอง ทำให้ โกชิญญูได้เป็นขวัญใจของสาวกเดอะค็อปได้อย่างเต็มตัว ฤดูกาล 2013-14ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013-14 โกชิญญูช่วยให้ ลิเวอร์พูล ชนะ 3 นัดติดต่อกัน (ชนะ สโตกซิตี 1-0, ชนะ แอสตันวิลลา 1-0 และชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1-0) ต่อมา ในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้มีอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ จากการปะทะกับ แอชลีย์ วิลเลียมส์ กองหลังของ สวอนซีซิตี ทำให้ โกชิญญูต้องพักยาวถึงสิ้นเดือนตุลาคม ต่อมา ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 0-2 ต่อมา ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฟูลัม 4-0 ต่อมา ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ทำประตูแรก ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสันพาร์ก 3-3 ต่อมา ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ซิตี 1-0 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-2 ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟูลัม ที่เครเวนคอตทิจ 3-2 ต่อมา ในวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 4-0[10] [11] ต่อมา ในวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-2 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำจ่าฝูงและลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกต่อไป[12] [13] [14] ต่อมา ในวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 นัดปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด เป็นนัดตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด และต้องลุ้นให้ เวสต์แฮมยูไนเต็ด เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม ลิเวอร์พูล ก็จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก โดย ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2-1 แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ซิตี เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 2-0 ทำให้ ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างน่าเสียดาย จบฤดูกาล โกชิญญูยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 5 ประตูจาก 33 นัด ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ได้อันดับ 2 ทำให้ ลิเวอร์พูล ได้กลับไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นับตั้งแต่ในปี 2009 ฤดูกาล 2014-15ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ลงสนามนัดแรกในพรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2014-15 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 2-1[15] ต่อมา ในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2014 ลีกคัพ รอบสี่ โกชิญญูได้เปิดบอลให้ เดยัน ลอฟเรน ทำประตูชัย ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 2-1[16] ต่อมา ในวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ลงสนามเป็นตัวสำรอง และได้ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ ที่ลอฟตัสโรด 2-1 ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะเอาชนะไป 3-2[17] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ อาร์เซนอล 2-2[18] ในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้จ่ายบอลให้เพื่อนทำ 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 2-0[19] ต่อมา ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้ตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล[20] ต่อมา ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 เอฟเอคัพ รอบสี่ นัดรีเพลย์ โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โบลตันวอนเดอเรอส์ ที่มาครอน สเตเดียม 2-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 5 เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[21] ต่อมา ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 2-0[22] ต่อมา ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 2-1[23] ต่อมา ในวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2015 เอฟเอคัพ รอบหก นัดรีเพลย์ โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แบล็กเบิร์นโรเวอส์ ที่อีวู้ด ปาร์ค 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[24] [25] ต่อมา ในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2015 เอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ โกชิญญูได้ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ แอสตันวิลลา 1-0 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-2 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องตกรอบ เอฟเอคัพ ไปในที่สุด[26] ต่อมา โกชิญญู ได้ติด 1 ใน 6 เข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ รวมถึงเข้าชิงราวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 2015 โกชิญญู นักเตะของลิเวอร์พูลคนเดียวที่ได้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ ต่อมา ในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ 2-1[27] ต่อมา ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูคว้า 4 รางวัลของสโมสรลิเวอร์พูล ได้แก่ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูล, รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของแฟนๆ, รางวัลประตูยอดเยี่ยมแห่งปี จากลูกยิงไกล ในเกมกับ เซาแทมป์ตัน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และ รางวัลฟอร์มยอดเยี่ยมแห่งปี ในเกมกับ แมนเชสเตอร์ซิตี จากงานประกาศรางวัล Players' Awards 2015 โดยงานประกาศรางวัลจัดขึ้นที่ เอ็คโค่ อารีน่า[28] จบฤดูกาล โกชิญญูยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 5 ประตูจาก 35 นัด ฤดูกาล 2015-16ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2015 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2015–16 ลิเวอร์พูล บุกไปเยือนที่บริแทนเนียสเตเดียม เจอกับ สโตกซิตี หลังจากนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้วลิเวอร์พูลมาพ่ายแพ้สโตกซิตีที่นี่ 1-6 โดยโกชิญญูทำประตูชัยซัดไกลด้วยขวาประมาณ 25 หลาโค้งแฉลบปลายมือบัตแลนด์เสียบคานตุงตาข่ายสุดงามให้ลิเวอร์พูลเอาชนะ สโตกซิตี 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ล้างแค้นสำเร็จ[29] [30] ต่อมา ในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูโดนใบแดงไล่ออกจากสนามเป็นครั้งแรกในฟุตบอลอาชีพ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 0-3 ทำให้ โกชิญญู โดนแบน 1 นัด[31] ในวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญู ยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 3-1[32] [33] ต่อมา ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 โกชิญญูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้ คริสตัลพาเลซ 1-2[34] ต่อมา ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 โกชิญญูทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีกและจ่ายบอลให้ โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม 4-1[35] [36] ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เอฟเอคัพ รอบสี่ นัดรีเพลย์ โกชิญญูทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ตีเสมอ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 1-1 แต่สุดท้ายในช่วงต่อเวลาพิเศษก็แพ้ไป 1-2 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องตกรอบ เอฟเอคัพ ไปในที่สุด[37] ต่อมา ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 ฟุตบอลลีกคัพ 2016 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ โกชิญญูทำประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วง 90 นาที ทำให้ต้องตัดสินในการยิงจุดโทษ โกชิญญู ยิงจุดโทษพลาดโดน วีลลี กาบาเยโร ผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ซิตี เซฟเอาไว้ได้ สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็เป็นฝ่ายแพ้ในการยิงจุดโทษ 1-3 ทำให้ ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกคัพ อย่างน่าเสียดาย[38] ต่อมา ในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2016 ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง โกชิญญู ทำประตูแรกในยูฟ่ายูโรปาลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด 1-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่ายูโรปาลีกได้สำเร็จ[39] ต่อมา ในวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 2-3[40] ในวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 1-1[41] ในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2016 ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่สอง โกชิญญู ทำประตูที่ 2 ในยูฟ่ายูโรปาลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 4-3 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่ายูโรปาลีกได้สำเร็จ[42] ต่อมา ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 4-0[43] ต่อมา ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 โกชิญญูคว้า 4 รางวัลของสโมสรลิเวอร์พูล ได้แก่ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูล, รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของแฟนๆ, รางวัลประตูยอดเยี่ยมแห่งปี ในเกมกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เมื่อเดือนมีนาคม และ รางวัลฟอร์มยอดเยี่ยมแห่งปี ในเกมกับ แมนเชสเตอร์ซิตี จากงานประกาศรางวัล Players' Awards 2016 โดยงานประกาศรางวัลจัดขึ้นที่ Exhibition Centre[44] ฤดูกาล 2016-17ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2016 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2016–17 ลิเวอร์พูล บุกไปเยือนที่เอมิเรตส์สเตเดียม เจอกับ อาร์เซนอล โกชิญญู ยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาร์เซนอล 4-3[45] ต่อมา ในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2016 อีเอฟแอลคัพ รอบ 3 โกชิญญูทำประตูแรกในอีเอฟแอลคัพ ฤดูกาล 2016–17 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ดาร์บีเคาน์ตี ที่ไพรด์พาร์ก 3-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 4 อีเอฟแอลคัพ ได้สำเร็จ[46] ต่อมา ในวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฮัลล์ซิตี 5-1[47] ต่อมา ในวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน 2-1[48] ต่อมา ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 6-1[49] ในวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0 โดยผลสแกนจากเจ้าหน้าที่ทีมหงส์แดงเผยว่า โกชิญญูต้องพักยาว 5-6 สัปดาห์ ต่อมา ในวันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2017 อีเอฟแอลคัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก โกชิญญูกลับมาลงสนามอีกครั้ง โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 0-1 ต่อมา ในวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล ไปจนถึงปี 2022[50] [51] ต่อมา ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ เลสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม 1-3[52] ต่อมา ในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-1[53] ต่อมา ในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ บอร์นมัท 2-2[54] ต่อมา ในวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี ที่บริแทนเนียสเตเดียม 2-1 ทำให้ โกชิญญูเป็นนักเตะบราซิลที่ทำประตูรวมมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก 30 ประตู[55] ต่อมา ในวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้ คริสตัลพาเลซ 1-2[56] ต่อมา ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่ลอนดอนสเตเดียม 4-0[57] ต่อมา ในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล 2016–17 ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ มิดเดิลส์เบรอ ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะเพื่อการันตีโควต้าพื้นที่ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โกชิญญูทำประตูที่ 13 ในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล เอาชนะ มิดเดิลส์เบรอ 3-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบอันดับที่ 4 และคว้าโควต้าแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ[58] จบฤดูกาล โกชิญญูยิงประตูในพรีเมียร์ลีก 13 ประตูจาก 31 นัด ฤดูกาล 2017-18ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูจ่ายบอลให้ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ทำประตูและทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017–18 ด้วยลูกฟรีคิก นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม 3-2[59] ต่อมา ในวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E โกชิญญูทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ สปาร์ตัคมอสโก จากรัสเซีย 1-1[60] ต่อมา ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 1-1[61] ต่อมา ในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E โกชิญญูทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ มารีบอร์ จากสโลวีเนีย 7-0[62] ทำให้ ลิเวอร์พูลสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นทีมจากอังกฤษที่เอาชนะนอกบ้านในเกมยุโรปด้วยสกอร์ที่มากที่สุด[63] ต่อมา ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 3-0[64] ต่อมา ในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ที่สนามกีฬาอเมริกันเอ็กซ์เพรสคอมมูนิตี 5-1[65] ต่อมา ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E นัดสุดท้าย ลิเวอร์พูล ชนะก็จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม โกชิญญูทำแฮตทริกครั้งแรกของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สปาร์ตัคมอสโก จากรัสเซีย 7-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในฐานะแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ[66] ต่อมา ในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัท ที่วิตาลิตี้ สเตเดียม 4-0[67] ต่อมา ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 3-3[68] ต่อมา ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูลในการลงสนามนัดที่ 200 ให้กับลิเวอร์พูลและทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 5-0[69] ในวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูลงสนามนัดสุดท้ายของเขาให้กับลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี 2-1 โดย โกชิญญูยิง 12 ประตูจาก 20 นัดในฤดูกาล 2017-18 เขาช่วยพาทีมชนะไว้ได้มากก่อนที่จะจากไป บาร์เซโลนาในวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 2018 ลิเวอร์พูลยืนยันว่าโกชิญญูได้บรรลุข้อตกลงกับสโมสรบาร์เซโลนาเพื่อย้ายไปร่วมทีม ต่อมา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูแรกในลาลิกา ฤดูกาล 2017–18 นัดที่ บาร์เซโลนา เปิดสนามกัมนอว์เอาชนะ คิโรนา 6-1 ต่อมา ในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูที่ 2 ในลาลิกา ในนัดที่ บาร์เซโลนา เอาชนะ มาลากา 2-0 ต่อมา ในวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2018 โกปาเดลเรย์ รอบชิงชนะเลิศ 2018 โกชิญญูยิงประตูด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ บาร์เซโลนา เอาชนะ เซบิยา ที่เอสตาดีโอเมโตรโปลีตาโน 5-0 คว้าแชมป์โกปาเดลเรย์ สมัยที่ 30 มาครองได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูที่ 3 ในลาลิกา ในนัดที่ บาร์เซโลนา เอาชนะ เดปอร์ติโบเดลาโกรุญญา 4-2 ช่วยให้ บาร์เซโลนา คว้าแชมป์ลาลิกามาครองได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูที่ 4 ในลาลิกา ในนัดที่ บาร์เซโลนา เปิดสนามกัมนอว์เอาชนะ บิยาร์เรอัล 5-1 ต่อมา ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำแฮตทริกครั้งแรกของเขาให้กับบาร์เซโลนา ในนัดที่ บาร์เซโลนา พ่ายแพ้ เลบันเต 4-5 ต่อมา ในวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 ลาลิกา นัดปิดฤดูกาล 2017-18 โกชิญญูทำประตูที่ 8 ในลาลิกา ในนัดที่ บาร์เซโลนา เปิดสนามกัมนอว์เอาชนะ เรอัลโซเซียดัด 1-0 ทีมชาติบราซิลในวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญู ถูกเรียกติดทีมชาติโดย ดุงกา หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของทีมชาติบราซิลและได้ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องกระชับมิตรกับ โคลอมเบีย และ เอกวาดอร์ ในเดือนกันยายน ที่สหรัฐอเมริกา ต่อมา ในวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญู ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดที่ บราซิล เอาชนะ ชิลี 1-0 ในเกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต่อมา ในวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2015 โกชิญญู ทำประตูแรกให้กับทีมชาติ ในนัดที่เอาชนะ เม็กซิโก 2-0 ในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 ทีมชาติบราซิลได้เรียกตัว ฟีลีปี โกชิญญู ติดรายชื่อชุดลุยศึกโกปาอาเมริกา 2015 ลงเล่น 3 นัด พาทีมได้อันดับ 1 ของกลุ่มซี โดยบราซิลชนะ 2 แพ้ 1 (ชนะ เปรู 2-1, แพ้ โคลอมเบีย 0-1 และ ชนะ เวเนซุเอลา 2-1) ช่วยให้ บราซิล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเจอกับ ปารากวัย แต่พ่ายในการดวลจุดโทษ 3-4 หลังเสมอ 1-1 ใน 90 นาที ทีมชาติบราซิลเรียกตัว โกชิญญู ติดรายชื่อชุดลุยศึกโกปาอาเมริกาเซนเตนาริโอ ที่สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 2016 โกชิญญู ทำแฮตทริกให้กับ บราซิล ในนัดที่ บราซิล เอาชนะ เฮติ 7-1 ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 ทีมชาติบราซิลเรียกตัว โกชิญญู ติดรายชื่อชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดย บราซิล ได้อยู่กลุ่มอี ร่วมกับ สวิตเซอร์แลนด์, คอสตาริกา และ เซอร์เบีย ต่อมา ในวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูแรกในฟุตบอลโลก ในนัดที่ บราซิล เสมอกับ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 ต่อมา ในวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูที่ 2 ในฟุตบอลโลก ในนัดที่ บราซิล เอาชนะ คอสตาริกา 2-0 สุดท้าย บราซิล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย คว้าอันดับ 1 ของกลุ่มอี ชนะ 2 เสมอ 1 ต่อมา ในวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีมสุดท้าย บราซิล พ่ายแพ้ เบลเยียม 1-2 ทำให้ บราซิล ต้องจบเส้นทางฟุตบอลโลก ที่รัสเซีย เพียงเท่านี้ ชีวิตส่วนตัวเมื่อโกชิญญูย้ายไปอิตาลีตอนอายุ 18 ปีเพื่อเข้าเล่นกับอินเตอร์มิลาน เขาไปที่นั่นกับพ่อแม่และ Ainê แฟนของเขาที่พบกันครั้งแรกในงานเลี้ยงของเพื่อน เมื่อเขาย้ายไปเล่นให้กับอัสปัญญ็อล พ่อแม่เดินทางกลับบราซิล เขาแต่งงานกับ Ainê ที่บราซิลใน ค.ศ. 2012[70] ทั้งคู่ให้กำเนิดลูกสาวสองคนและลูกชายคนเดียว[71][72] โกชิญญูมีรอยสักที่แขน ซึ่งเป็นการแสดงความผูกพันต่อครอบครัวและภรรยาของเขา[70] เขานับถือศาสนาคริสต์[73] ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 โกชิญญูได้รับหนังสือเดินทางโปรตุเกสผ่านทางภรรยา ทำให้เขาไม่ได้เป็นผู้เล่นนอกยุโรปอีกต่อไป[74] สถิติอาชีพสโมสร
ทีมชาติ
ประตูในนามทีมชาติ
เกียรติประวัติสโมสรวัสกู ดา กามา
อินเตอร์มิลาน
บาร์เซโลนา
ทีมชาติบราซิล
รางวัลส่วนตัว
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ ฟีลีปี โกชิญญู
|