อำเภอมหาชนะชัย
มหาชนะชัย เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดยโสธร ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอมหาชนะชัยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัด อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 41 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
ประวัติช่วงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองอุบลราชธานีมีพระพรหมราชวงศา (ท้าวกุทอง) เป็นพระประเทศราชผู้ครองเมือง ท่านมีบุตรหลายคนที่มีความสามารถเป็นเจ้าเมืองอุปฮาด (อุปราช) ประกอบกับในระยะนั้น บริเวณที่ตั้งอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดศรีสะเกษในปัจจุบัน มีโจรผู้ร้ายชุกชุม ยากแก่การปกครองและปราบปราม ท่านจึงให้ท้าวปุตะคำพูน (คำพูน สุวรรณกูฎ) ซึ่งเป็นบุตรออกไปสำรวจพื้นที่เพื่อจัดตั้งเมืองใหม่ ท้าวคำพูนได้ออกสำรวจพื้นที่และได้พิจารณาเห็นว่า "บ้านเวินชัย" (ปัจจุบันเป็นบ้านเวินชัย หมู่ที่ 5 ตำบลผือฮี) มีทำเลเหมาะสม และมีลำชี (แม่น้ำชี) ไหลผ่านสะดวกแก่การคมนาคมทางเรือ จึงได้ทำรายงานให้พระพรหมวงศาขอจัดตั้งเมืองขึ้นที่บ้านเวินชัย โดยให้เป็นแขวงเมืองขึ้นต่อเมืองอุบลราชธานี ต่อมาวันแรม 11 ค่ำ เดือน 12 ปีกุน เบญจศก จ.ศ. 1225 (ตรงกับ พ.ศ. 2406) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง เมืองมหาชนะชัย ขึ้นที่บ้านเวินชัย และได้ทรงแต่งตั้งท้าวปุตะคำพูนเป็นเจ้าเมืองมหาชนะชัย และพระราชทานนามท้าวคำพูนว่า "พระเรืองไชยชำนะ" และแต่งตั้งท้าวโพธิราช (ผา) เป็นอุปฮาด ท้าววรกิตติกา (ไชย) เป็นราชวงศ์ และท้าวอุเทน (หอย) เป็นราชบุตร พระเรืองไชยชำนะได้ปกครองเมืองที่บ้านเวินชัยประมาณเดือนเศษก็พบว่า บริเวณดังกล่าวมีสภาพภูมิประเทศคับแคบ ขยายตัวเมืองได้ยาก ประกอบกับเป็นคุ้งน้ำเซาะดินพังอยู่เสมอ ดังนั้นจึงได้ย้ายเมืองใหม่มาตั้งที่บ้านฟ้าหยาดในปัจจุบัน พระเรืองไชยชำนะปกครองเมืองมหาชนะชัยจนถึงแก่กรรม พระสิทธิจางวางได้เป็นเจ้าเมืองสืบต่อมาอีก 15 ปี ก็ถึงแก่กรรมอีก ทางราชการจึงได้ยุบเมืองมหาชนะชัยเป็น อำเภอมหาชนะชัย ขึ้นตรงต่อเมืองอุบลราชธานี พร้อมกับแต่งตั้งท้าวสุริยนต์ บุตรพระสิทธิจางวาง เป็นนายอำเภอมหาชนะชัยคนแรก (สันนิษฐานว่าเป็นคนเดียวกับหลวงวัฒนวงศ์โทนุบล) เนื่องจากอำเภอมหาชนะชัยตั้งอยู่บ้านฟ้าหยาด ตำบลฟ้าหยาด กระทรวงมหาดไทยจึงได้เปลี่ยนชื่ออำเภอมหาชนะชัยเป็น อำเภอฟ้าหยาด ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2460 จนกระทั่งถึงวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2482 กระทรวงมหาดไทยจึงได้เปลี่ยนชื่อจากอำเภอฟ้าหยาดเป็น "อำเภอมหาชนะชัย" อีกครั้งหนึ่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2482 กระทรวงมหาดไทยได้โอนตำบลธาตุน้อย อำเภอมหาชนะชัย (ยกเว้นหมู่ที่ 2,3,11และ 12 ในขณะนั้น) ไปขึ้นกับอำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ส่วนหมู่ที่ 2,3,11และ 12 ในขณะนั้น ของตำบลธาตุน้อย ให้โอนไปขึ้นกับตำบลฟ้าห่วน อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2515 อำเภอมหาชนะชัยจึงได้ย้ายไปขึ้นกับจังหวัดยโสธรจนถึงปัจจุบัน ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2518 กระทรวงมหาดไทยเห็นว่าท้องที่อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร มีพื้นที่กว้างขวางประกอบกับพลเมืองมีจำนวนมาก จึงได้แบ่งท้องที่ตำบลฟ้าห่วน ตำบลกุดน้ำใส และตำบลน้ำอ้อม ออกไปจัดตั้งกิ่งอำเภอค้อวัง การแบ่งเขตการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาคอำเภอมหาชนะชัยแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 10 ตำบล 103 หมู่บ้าน ได้แก่
การปกครองส่วนท้องถิ่นท้องที่อำเภอมหาชนะชัยประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 11 แห่ง ได้แก่
ทำเนียบนายอำเภอผู้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอมหาชนะชัย นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน มีทั้งสิ้น 36 ท่าน ดังนี้
สถาบันทางการเงิน
สถานที่ราชการสำคัญ
สถานที่ท่องเที่ยว
วัดสำคัญภายในตัวอำเภอ
การคมนาคมรถยนต์
อำเภอมหาชนะชัย มีทางหลวงแผ่นดิน 3 เส้นทาง ดังนี้
สายการเดินทางสายหลัก
สถานศึกษาโรงเรียนประถมศึกษาในตัวอำเภอ
โรงเรียนมัธยมศึกษาในตัวอำเภอ
โรงเรียนมัธยมศึกษานอกตัวอำเภอ
วิทยาลัย
บุคคลสำคัญ
เทศกาลและงานประเพณีเนื้อความในพระไตรปิฎกส่วนที่ว่าด้วยพระสุตตันตปิฎก บทปรินิพพานสูตร กล่าวคือ ดอกมณฑารพ ซึ่งเป็นดอกไม้บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีความสวยงามและมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ เมื่อถึงกาลเวลาที่ดอกมณฑารพจะบาน และร่วงหล่นก็ด้วยเหตุการณ์สำคัญๆ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน จารุรงคสันนิบาต และทรงแสดงธรรมจักรกัปวัตนสูตร ดอกมณฑารพจึงได้ร่วงหล่นลงมายังโลกมนุษย์ ครั้งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันปรินิพพาน ดอกมณฑารพนี้ก็ได้ร่วงหล่นลงมาทั้งก้านและกิ่ง เปรียบเสมือนความเสียอกเสียใจพิไรรำพันต่อการเสด็จดับขันปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหล่าพระภิกษุผู้ได้ชื่อว่าอรหันตขีนาสพและหมู่เหล่าข้าราชการบริพารประชาชนทั้งหลายได้พากันมาถวายสักการะพระบรมศพของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระปัญญาธิคุณ พระกรุณาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้พากันนำเอาข้าวตอกมาสักการบูชา เพราะถือว่าข้าว เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นของสูงที่มนุษย์จะขาดไม่ได้และต่อมามีการนำมา ประดิษฐ์ตกแต่งเป็นมาลัยที่สวยงาม เป็นที่มาของ “มาลัยข้าวตอก” ประเพณีหนึ่งเดียวในโลก ที่อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร[1]
จัดขึ้นในเขตเทศบาลตำบลฟ้าหยาด อ้างอิงแหล่งข้อมูลอื่น
|