เจ้าหญิงยูริโกะ พระชายาในเจ้าชายทากาฮิโตะ
เจ้าหญิงยูริโกะ พระชายาในเจ้าชายทากาฮิโตะ (ญี่ปุ่น: 崇仁親王妃百合子; โรมาจิ: Takahito Shinnōhi Yuriko; 4 มิถุนายน พ.ศ. 2466 – 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567) พระนามเดิม ยูริโกะ ทากางิ (ญี่ปุ่น: 高木百合子; โรมาจิ: Takagi Yuriko) เป็นพระชายาในเจ้าชายทากาฮิโตะ มิกาซะโนะมิยะ พระราชโอรสพระองค์เล็กในจักรพรรดิไทโช กับจักรพรรดินีเทเม พระองค์เป็นพระปิตุลานีในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และเป็นพระกุลเชษฐ์แห่งราชวงศ์พระองค์สุดท้ายที่ประสูติในรัชสมัยไทโช พระประวัติพระชนม์ชีพช่วงต้นเจ้าหญิงยูริโกะประสูติในโตเกียว เป็นธิดาของไวเคานต์มาซานาริ ทากางิ (พ.ศ. 2437–2491) กับคูนิโกะ ทากางิ (สกุลเดิม อิริเอะ; พ.ศ. 2444–2531) พระชนกสืบสันดานมาจากตระกูลทากางิ อดีตตระกูลขุนนางที่ดูแลพื้นที่แถบทันอัง (Tan'an) และทรงเป็นลื่อของฮตตะ มาซาโยริ โรจูคนสำคัญในยุคบากูมัตสึ เมื่อนับจากพระบิดา ส่วนพระชนนีสืบเชื้อสายมาแต่ตระกูลยานางิวาระ และเป็นพระญาติชั้นที่สองของจักรพรรดิโชวะ[1] เจ้าหญิงยูริโกะทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนกากูชูอิงเมื่อปี พ.ศ. 2484 เสกสมรสมีการประกาศว่าเจ้าชายทากาฮิโตะ มิกาซะโนะมิยะ จะทรงหมั้นกับยูริโกะ ทากางิ พระญาติชั้นที่สองเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2484 โดยพระราชพิธีทรงหมั้นจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2484 และมีพระราชพิธีเสกสมรสเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมปีเดียวกัน ทั้งสองมีพระโอรส-ธิดา 5 พระองค์ ได้แก่
พ.ศ. 2565 พระองค์มีพระบุตร 5 พระองค์ พระนัดดา 9 พระองค์/คน และพระปนัดดาอีก 7 คน[2] หลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะผู้เป็นโอรสเป็นต้นมา เจ้าหญิงยูริโกะจึงเสด็จเยี่ยมพระสวามีที่ทรงรักษาพระองค์ในโรงพยาบาลบ่อยครั้งในช่วงบั้นปลายพระชนม์ของเจ้าชายทากาฮิโตะ กระทั่งวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เจ้าหญิงยูริโกะและพระสวามีได้ฉลองครบรอบ 75 ปีแห่งการเสกสมรส ณ ห้องพักภายในโรงพยาบาล ถือเป็นการฉลองร่วมกันครั้งสุดท้ายของทั้งสองพระองค์[3] ไม่กี่วันหลังจากนั้น เจ้าชายทากาฮิโตะก็สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559 โดยมีเจ้าหญิงยูริโกะคอยประทับอยู่เคียงข้างในวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ[3] หลังจากนั้นเจ้าหญิงยูริโกะจึงทรงรับเป็นเจ้าภาพในพระราชพิธีปลงพระศพพระภัสดาในฐานะพระชายา[4] พระพลานามัยช่วงปลายพระชนม์ชีพเจ้าหญิงยูริโกะมิได้เข้าร่วมในพระราชพิธีขึ้นครองสิริราชสมบัติจักรพรรดินารูฮิโตะเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2562[5] กันยายน พ.ศ. 2563 เจ้าหญิงยูริโกะขณะพระชันษา 97 ปี เข้ารับการถวายการรักษาเพราะประชวรด้วยพระหทัยพิการและพระปับผาสะอักเสบ[6] มีนาคม พ.ศ. 2564 เจ้าหญิงยูริโกะเข้ารับการถวายการรักษาการประชวรด้วยพระอาการพระหทัยเต้นผิดจังหวะ ณ โรงพยาบาลนานาชาติเซนต์ลู้ก แต่พระอาการประชวรไม่ร้ายแรงนัก สามวันหลังจากนั้นเจ้าหญิงยูริโกะจึงเสด็จกลับไปประทับที่พระตำหนักตามเดิม[7][8] กรกฎาคม พ.ศ. 2565 มีรายงานว่าเจ้าหญิงยูริโกะ ขณะพระชันษาได้ 99 ปี มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ทรงเข้ารับถวายการรักษาในโรงพยาบาลเพราะมีพระปรอทมากกว่า 37 องศาเซลเซียส และมีพระกรรสะเล็กน้อย ส่วนสถานะการรับถวายวัคซีนไม่ได้รับการเผยแพร่ ด้วยเหตุผลด้านความเป็นส่วนพระองค์[9] ช่วงต้น พ.ศ. 2567 เจ้าหญิงยูริโกะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนานาชาติเซนต์ลู้กเนื่องจากมีพระอาการใกล้เคียงกับกล้ามเนื้อหัวใจตาย[10] เบื้องต้นพระองค์ไม่สามารถเสวยพระกระยาหารได้ หลังคณะแพทย์ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิด เจ้าหญิงยูริโกะกลับมาเสวยพระสุธารสเปล่าได้ และเสด็จออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2567[11] ต่อมาวันที่ 18 มีนาคม 2567 เจ้าหญิงยูริโกะถูกเชิญเสด็จกลับไปโรงพยาบาลนานาชาติเซนต์ลู้กอีกครั้ง หลังมีพระอาการพระหทัยพิการและหลอดพระโลหิตในพระสมองตีบ[12] กระทั่งวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2567 พระอาการประชวรของพระองค์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีพระอาการกลับไปอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับตอนที่พระองค์เข้ารับถวายการรักษาที่โรงพยาบาลในครั้งแรก[13] เจ้าหญิงยูริโกะมีพระชันษาครบ 101 ปี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2567 การนี้เจ้าหญิงฮิซาโกะ พระชายาในเจ้าชายโนริฮิโตะ พร้อมด้วยเจ้าหญิงอากิโกะแห่งมิกาซะ เจ้าหญิงโยโกะแห่งมิกาซะ และเจ้าหญิงสึงูโกะแห่งทากามาโดะ เสด็จพระดำเนินไปทรงเยี่ยมที่โรงพยาบาลนานาชาติเซนต์ลู้ก โดยเจ้าหญิงอากิโกะทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายดอกไม้แก่เจ้าหญิงยูริโกะ[14] กระทั่งวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เจ้าหญิงยูริโกะเข้ารับถวายการรักษาที่แผนกผู้ป่วยหนักของโรงพยาบาล หลังได้รับการวินิจฉัยว่าทรงพระประชวรพระปับผาสะอักเสบ[15][16] และย้ายไปรักษาพระองค์ที่แผนกผู้ป่วยทั่วไปเมื่อวันที่ 9 กันยายนปีเดียวกัน หลังพระอาการประชวรดีขึ้น[17][18] สิ้นพระชนม์เจ้าหญิงยูริโกะทรงเข้ารับถวายการตรวจพระวรกายเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 พบว่าประสิทธิภาพการทำงานของระบบอวัยวะภายใน เช่น พระหทัยและพระวักกะลดลงโดยลำดับ[19] หลังทรงรับถวายการบำบัดโดยคณะแพทย์ด้วยการประทับบนรถเข็นพระที่นั่งตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นมา เมื่อพระอาการประชวรของเจ้าหญิงยูริโกะเพียบหนัก ภายในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เจ้าหญิงอากิโกะแห่งมิกาซะทรงร่นระยะเวลาพระกรณียกิจที่สหราชอาณาจักร แล้วทรงเสด็จนิวัตประเทศญี่ปุ่นเพื่อทรงเยี่ยมพระอัยยิกาเป็นการส่วนพระองค์ โดยมีเจ้าหญิงโยโกะ เจ้าหญิงฮิซาโกะ และยาซูโกะ โคโนเอะ โดยเสด็จด้วย[20][21][22] ส่วนเจ้าหญิงโนบูโกะ พระสุนิสาพระองค์ใหญ่ ทรงยกเลิกหมายพระกรณียกิจที่จะเสด็จเยือนเมืองเกียวโตภายในวันที่ 11–12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เพื่อทรงเยี่ยมเจ้าหญิงยูริโกะ[23] วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 สำนักพระราชวังญี่ปุ่น ประกาศว่าพระพลานามัยของเจ้าหญิงยูริโกะทรุดลงอย่างรวดเร็ว ในวันนั้นเจ้าหญิงอากิโกะ เจ้าหญิงฮิซาโกะ และเจ้าหญิงสึงูโกะ ทรงแวะเวียนมาเยี่ยมต่างช่วงเวลากัน[24][25] ส่วนสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ต่างทรงปริวิตกต่อพระอาการประชวรของเจ้าหญิงยูริโกะที่ทรุดหนักลงเรื่อย ๆ[26] และภายในวันเดียวกันนั้นเอง สำนักพระราชวังญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ว่าเจ้าหญิงยูริโกะสิ้นพระสติไม่รู้สึกพระองค์ และมีเจ้านายเสด็จไปทรงเยี่ยมอีกครั้งหนึ่ง[27] ต่อมาวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ยาซูฮิโกะ นิชิมูระ เจ้าหน้าที่เลขานุการสำนักพระราชวังญี่ปุ่น รายงานว่า เจ้าหญิงยูริโกะยังไม่รู้สึกพระองค์ และช่วงบ่ายของวันเดียวกัน เจ้าหญิงอากิโกะ เจ้าหญิงฮิซาโกะ และเจ้าหญิงสึงูโกะเสด็จไปยังโรงพยาบาลเพื่อทรงเยี่ยมอีกครั้ง[28] เจ้าหญิงยูริโกะสิ้นพระชนม์เมื่อเวลา 06.32 น. ของวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ตามเวลาญี่ปุ่น ณ โรงพยาบาลนานาชาติเซนต์ลู้ก กรุงโตเกียว สิริพระชันษา 101 ปี โดยมีเจ้าหญิงอากิโกะ เจ้าหญิงโยโกะ เจ้าหญิงสึงูโกะ และเจ้าหญิงฮิซาโกะประทับอยู่เคียงข้างในวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ สำนักพระราชวังญี่ปุ่นประกาศแถลงการณ์เรื่องการสิ้นพระชนม์เผยแพร่ลงบนอินสตาแกรม[29] ภายในวันเดียวกันนั้น สมเด็จพระจักรพรรดิ สมเด็จพระจักรพรรดินี และเจ้าหญิงไอโกะ โทชิโนะมิยะ เสด็จไปพระตำหนักมิกาซะเพื่อถวายความเคารพพระศพ[30][31][32][33][34] มีการเคลื่อนพระศพเจ้าหญิงยูริโกะเข้ากรุงโตเกียว[30][35][36] พระบรมวงศานุวงศ์ทรงไว้ทุกข์ถวายเจ้าหญิงยูริโกะตามโบราณราชประเพณี โดยราชตระกูลของสมเด็จพระจักรพรรดิ ราชตระกูลของสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวง ราชสกุลอากิชิโนะ และราชสกุลฮิตาจิ ไว้ทุกข์ถวายเป็นเวลา 5 วัน ขณะที่สายราชสกุลมิกาซะและราชสกุลทากามาโดะ ซึ่งเป็นพระทายาทสายตรงจะทรงไว้ทุกข์ถวาย 30 วัน[37] สมเด็จพระจักรพรรดิทรงยกเลิกหมายพระราชกรณียกิจออกไปก่อน[38] ส่วนสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะมีพระราชหัตถเลขาไว้อาลัยการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงยูริโกะ[39] สำนักพระราชวังญี่ปุ่นแถลงสาเหตุแห่งการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงยูริโกะว่าเป็นด้วย "พระโรคชรา"[40] ขณะที่สำนักข่าวในประเทศญี่ปุ่นระบุว่าพระปับผาสะอักเสบเป็นสาเหตุแห่งการสิ้นพระชนม์[41] พระราชพิธีปลงพระศพสำนักพระราชวังญี่ปุ่นได้ประกาศหมายกำหนดการพระราชพิธีปลงพระศพเจ้าหญิงยูริโกะไว้ในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 และประกาศว่า เจ้าหญิงอากิโกะแห่งมิกาซะ พระนัดดา ทรงเป็นเจ้าภาพพระราชพิธีปลงพระศพ[42] นอกจากนี้อินสตาแกรมของสำนักพระราชวังญี่ปุ่น ได้เชิญชวนให้พสกนิกรชาวญี่ปุ่นลงนามถวายอาลัย ณ พระตำหนักมิกาซะ[43] ต่อมาในวันที่ 16 พฤศจิกายนปีเดียวกัน ได้มีพระราชพิธีไว้อาลัยเป็นการภายใน ณ เขตพระราชฐานมิกาซะ[44] โดยมีทาดาเตรุ โคโนเอะ และโซชิตสึ เซ็งที่ 16 ทั้งสองเป็นพระชามาดาของเจ้าหญิงยูริโกะ พร้อมกับเจ้าพนักงานประจำพระตำหนักมิกาซะจำนวนหนึ่ง คอยเฝ้ารับเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์ญี่ปุ่นเมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระราชพิธีจนกระทั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับ[45] ทั้งนี้พระราชพิธีไว้อาลัยจะถูกจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24–25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567[46] พระกรณียกิจเจ้าหญิงยูริโกะเป็นประธานกิตติมศักดิ์ขององค์กรการกุศลต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น และทรงมีบทบาทยิ่งในสภากาชาดญี่ปุ่น[47] ในปี พ.ศ. 2491 เจ้าหญิงยูริโกะเป็นประธานมูลนิธิอิมพีเรียลกิฟต์โบชิไอกุไก (Imperial Gift Foundation Boshi-Aiiku-kai) และทรงลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2553 นอกจากนี้ยังทรงเข้าร่วมกับองค์กรการกุศลต่าง ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของแม่และเด็ก[47] พระเกียรติยศ
พระอิสริยยศ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ตำแหน่งกิตติมศักดิ์พระบุตร
พงศาวลี
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|