Share to:

 

การรุกรานลาวโดยเวียดนามเหนือ

การรุกรานพระราชอาณาจักรลาวโดยเวียดนามเหนือ
ส่วนหนึ่งของ สงครามเวียดนามและสงครามกลางเมืองลาว
วันที่พ.ศ. 2501–2502
สถานที่
ผล
คู่สงคราม
ลาว เวียดนามเหนือ เวียดนามเหนือ
ลาว ปะเทดลาว

เวียดนามเหนือได้ให้การสนับสนุนให้กองทัพปะเทดลาวในการต่อสู้กับพระราชอาณาจักรลาวระหว่างปี พ.ศ. 2501 ถึง 2502 การเข้าควบคุมลาวทำให้เวียดนามเหนือสามารถสร้างเส้นทางโฮจิมินห์ได้ในที่สุด ซึ่งจะเป็นเส้นทางหลักในการสนับสนุนกิจกรรมของแนวร่วมปลดปล่อยชาติเวียดนามใต้ (หรือเวียดกง) และกองทัพเวียดนามเหนือ (กองทัพประชาชนเวียดนาม) ในสาธารณรัฐเวียดนาม ดังนั้น การสนับสนุนให้กองทัพปะเทดลาวต่อสู้กับพระราชอาณาจักรลาวโดยเวียดนามเหนือจึงถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งผลให้คอมมิวนิสต์ได้รับชัยชนะเหนือเวียดนามใต้ในปี พ.ศ. 2518 เนื่องจากกองกำลังเวียดนามใต้และอเมริกาได้วางแนวป้องกันไม่ให้กองทัพปะเทดลาวและกองทัพเวียดนามเหนือส่งกำลังบำรุงหรือส่งกำลังบำรุงได้บริเวณเขตเส้นขนานที่ 17 ซึ่งรู้จักกันในชื่อเขตปลอดทหาร (DMZ) ซึ่งเป็นพื้นที่แคบ ๆ ระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ที่ได้รับการปกป้องอย่างใกล้ชิดจากทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ยังช่วยให้กองทัพปะเทดลาวเอาชนะพระราชอาณาจักรลาวได้ แม้ว่าพระราชอาณาจักรลาวจะได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐก็ตาม

โหมโรงสู่ความขัดแย้ง

เจ้าสุวรรณภูมาประกาศว่า การเลือกตั้งได้ทำให้รัฐบาลลาวได้ปฏิบัติตามพันธกรณีทางการเมืองที่รับไว้จากเจนีวา และคณะกรรมการควบคุมระหว่างประเทศ (ICC) และได้เลื่อนการเลือกตั้งไปอย่างไม่มีกำหนด[1] ซึ่งความไม่รอบคอบในการรักษาความเป็นกลางของลาวในยุคของเจ้าสุวรรณภูมานี้เอง รวมถึงการยอมรับทูตจากไต้หวันและเวียดนามใต้ทำให้สหภาพโซเวียตและเวียดนามเหนือไม่พอใจ[1]

จากความไม่พอใจของสหภาพโซเวียตและเวียดนามเหนือของการถอนตัวของคณะกรรมการควบคุมระหว่างประเทศซึ่งทั้งสองชาติมองว่าเป็นองค์การที่อิทธิพลที่ยับยั้ง ทั้งสองชาติจึงออกมาประท้วง[1] เหตุนี้เองทำให้สหรัฐได้ทำข้อตกลงกับฝรั่งเศสโดยลดบทบาทของคณะผู้แทนทหารฝรั่งเศส และขยายบทบาทของสำนักงานประเมินโครงการ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่และหน้าที่ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น[1]

การยึดครองหมู่บ้านลาวโดยเวียดนามเหนือและปะเทดลาว (ธันวาคม 2501)

การยึดครองหมู่บ้านหลายแห่งในเมืองเซโปน ใกล้เขตปลอดทหาร (DMZ) ระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้โดยกองกำลังของเวียดนามเหนือและปะเทดลาวในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2501 ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าเป็นห่วง[1] ทำให้รัฐบาลลาวประท้วงทันทีต่อการชักธงเวียดนามเหนือในดินแดนของลาว[1] ซึ่งเวียดนามเหนือได้ตอบโต้และอ้างว่าหมู่บ้านเหล่านี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนามมาโดยตลอด[1]

จากบรรทัดฐานนี้ การอ้างนี้ค่อนข้างเจียมตัว - ถึงกระนั้นก็ตาม ถือเป็นการตีความแผนที่ฝรั่งเศสใหม่ฝ่ายเดียวที่คณะกรรมาธิการการสงบศึก เจือง เกีย ได้ใช้ในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2497 เพื่อวาดเส้นแบ่งเขต DMZ และด้วยการสนับสนุนจากกองกำลังติดอาวุธ การอ้างสิทธิ์นี้จึงถือเป็นการรุกรานอย่างแท้จริง[1] เจ้าสุวรรณภูมาจึงได้รับอำนาจพิเศษจากสภาแห่งชาติลาวเพื่อจัดการกับวิกฤตการณ์ดังกล่าว[1] แต่ความล้มเหลวในการยึดดินแดนที่เสียไปคืนมาได้ทำให้กลุ่มชาตินิยมลาวไม่พอใจ โดยกลุ่มดังกล่าวคาดหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐในระดับที่สูงมากกว่านี้[1]

ความกังวลหลักอย่างหนึ่งของสหรัฐคืออันตรายที่กองทัพบกพระราชอาณาจักรลาวจะผนวกทหารของปะเทดลาวเข้าไปโดยการ "คัดกรองและปลูกฝังความคิดใหม่"[1] สถานทูตได้รับคำสั่งให้แจ้งรัฐบาลว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาในการให้ความช่วยเหลือลาวกับคอมมิวนิสต์ในกองทัพบกพระราชอาณาจักรลาว[1] ก่อนที่จะดำเนินการผนวกทหารของปะเทดลาวจำนวน 1,500 นาย (สองกองพัน) เข้ากับกองทัพพระราชอาณาจักรลาวตามแผนในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2502 กลุ่มปะเทดลาวได้ใช้ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับยศนายทหารเพื่อเตะถ่วงขั้นตอนสุดท้ายของแผนดังกล่าว[1]

เส้นทางโฮจิมินห์ตั้งแต่แรกเริ่มนั้นใช้ชาวเวียดนามและลาวตามที่เห็นในภาพถ่ายของเวียดกงที่ถูกจับได้เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2502

คืนหนึ่ง ขณะที่ฝนมรสุมพัดผ่านทุ่งไหหิน กองพันแรกจากสองกองพันได้หลบหนีไป ตามมาด้วยกองพันที่สองในเวลาไม่นาน ใกล้กับหลวงพระบาง[1] เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นสัญญาณว่าการสู้รบกำลังจะกลับมาปะทุอีกครั้ง[1] ในเดือนกรกฎาคม รัฐบาลของเจ้าสุวรรณภูมาได้สั่งการให้จับกุมผู้แทนของ LPF ในเวียงจันทน์ ได้แก่ เจ้าสุภานุวงศ์, หนูฮัก พูมสะหวัน, พูมี วงวิจิด, พูน สิปะเสต, สิธอน คมมาดาน, ซิงกะโป และคนอื่น ๆ หลังจากหารือกันในคณะรัฐมนตรีเป็นเวลานาน แต่ เตียว สุข วงศ์ศักดิ์ สามารถหลบหนีการจับกุมได้[1]

การโจมตีของเวียดนามเหนือและปะเทดลาว (2502)

เส้นทางโฮจิมินห์ที่ผ่านประเทศลาว พ.ศ. 2510

การสู้รบปะทุขึ้นตลอดแนวชายแดนกับเวียดนามเหนือ[1] หน่วยประจำการของกองทัพบกเวียดนามเหนือเข้าร่วมในการโจมตีเมื่อวันที่ 28–31 กรกฎาคม พ.ศ. 2502[1] ปฏิบัติการเหล่านี้สร้างรูปแบบที่กองกำลังเวียดนามเหนือเป็นผู้นำในการโจมตีจุดต้านทานแข็งแรง จากนั้นก็ถอยกลับและปล่อยให้กองทัพปะเทดลาวยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมเมื่อจุดต้านทานแข็งแรงถูกทำลายลง ยุทธวิธีนี้มีข้อดีคือปกปิดการปรากฏตัวของกองกำลังเวียดนามเหนือจากการถูกพบเห็น[1]

ข่าวลือเกี่ยวกับเวียดนามเหนือในบริเวณใกล้เคียงมักส่งผลร้ายแรง[1] ในบรรดาคนที่ได้ยินข่าวลือดังกล่าวในภูเขาของแขวงหัวพันในฤดูร้อนนั้น มีร้อยเอก กองแล วีระสาน แห่งกองทัพบกพระราชอาณาจักรลาว[1] กองแลดูแลกองร้อยทหารพลร่ม 2 สองกองร้อย รับผิดชอบในการออกลาดตระเวนเกือบถึงชายแดนเวียดนามเหนือ[1] เมื่อพวกเขาเคลื่อนกำลังกลับมาที่ซำเหนือ พวกเขากลับไม่พบทั้งกองกำลังของศัตรูและทหารกองรักษาการณ์ในเมือง ทำให้เมืองซำนัวในเวลานั้นขาดการป้องกัน[1]

การมีส่วนร่วมโดยตรงของเวียดนามเหนือในลาวเริ่มมีรูปแบบอื่นเพิ่มมากขึ้น ทำให้ยากต่อการพิสูจน์การรุกราน[1] สองเดือนหลังจากการประชุมเจนีวาเรื่องอินโดจีนในปี พ.ศ. 2497 เวียดนามเหนือได้จัดตั้งกลุ่มสนับสนุนขนาดเล็กที่เรียกว่า กลุ่ม 100 บนชายแดนทัญฮว้า-แขวงหัวพัน ที่บ้าน Namèo หน่วยนี้ให้การสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงและด้านอื่น ๆ แก่กองกำลังปะเทดลาว[1]

เมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนกลับไปใช้กลยุทธ์การสู้รบ ฝ่ายเวียดนามเหนือและลาวจึงตัดสินใจจัดตั้งหน่วยที่ได้รับการยกระดับขึ้น[1] หน่วยใหม่ซึ่งรู้จักกันในชื่อ กลุ่ม 959 มีกองบัญชาการอยู่ที่นาไก่ ด้านในชายแดนหัวพัน โดยเริ่มปฏิบัติการในเดือนกันยายน พ.ศ. 2502[1] การจัดตั้งหน่วยนี้สอดคล้องกับความพยายามครั้งใหญ่ในการขยายกองกำลังทหารของปะเทดลาวซึ่งยังมีขนาดเล็กอยู่[1]

ตามประวัติอย่างเป็นทางการที่มีการตีพิมพ์หลังสงคราม ระบุว่าภารกิจของโฮจิมินห์คือ "ทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในคณะกรรมาธิการทหารและกองบัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนลาว และจัดระเบียบการส่งเสบียงของเวียดนามให้กับการปฏิวัติลาว และสั่งการหน่วยอาสาสมัครเวียดนามที่ปฏิบัติการในซำเหนือ เซียงขวาง และเวียงจันทน์โดยตรง"[1] การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดพันธกรณีที่รัฐบาลโฮจิมินห์ถือปฏิบัติในฐานะผู้เข้าร่วมการประชุมเจนีวา พ.ศ. 2497 ในการหลีกเลี่ยงการแทรกแซงกิจการภายในของลาว[1]

เวลานี้ พรรคเวียดนามได้ตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์กี่ยวกับเวียดนามใต้แล้ว[1] ขณะเดียวกัน พรรคได้ระบุบทบาทของพรรคประชาชนลาว ที่สนับสนุนเวียดนามเหนือ นอกเหนือจากบทบาทของพรรคประชาชนลาวในฐานะผู้นำการปฏิวัติในลาว[1] กลยุทธ์ทางใต้ของฮานอยได้เปิดเส้นทางแรกผ่านภูมิประเทศที่ขรุขระอย่างยิ่งของเมืองเซโปนในกลางปี พ.ศ. 2502 ซึ่งต่อมากลายมาเป็นเส้นทางโฮจิมินห์[1]

ขณะที่เจ้าเพชรราช รัตนวงศาและสมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ อุปราชและพระมหากษัตริย์สิ้นพระชนม์ห่างกันเพียงสองสัปดาห์ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2502[1]

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 1.10 1.11 1.12 1.13 1.14 1.15 1.16 1.17 1.18 1.19 1.20 1.21 1.22 1.23 1.24 1.25 1.26 1.27 1.28 1.29 1.30 1.31 1.32 1.33 Dommen, Arthur J. (1995). "North Vietnamese Invasion". ใน Savada, Andrea Matles (บ.ก.). Laos: a country study (3rd ed.). Washington, D.C.: Federal Research Division, Library of Congress. pp. 42–44. ISBN 0-8444-0832-8. OCLC 32394600. บทความนี้รวมเอาเนื้อความจากแหล่งอ้างอิงนี้ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ{{cite encyclopedia}}: CS1 maint: postscript (ลิงก์)

แหล่งข้อมูลอื่น

Kembali kehalaman sebelumnya